สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 997

เสี่ยวหนานเฟิงที่อายุเท่านี้จะแยกแยะดีชั่วได้อย่างไร เมื่อเห็นฉางเฮิ่นเทียนยิ้ม ทั้งยั้งเล่นกับตัวเอง เขาก็พยักหน้าอย่างมีความสุข

อินชิงเสวียนยกมุมปากขึ้นเช่นกัน

ตราบใดที่ยังมีความต้องการก็จัดการได้ง่าย กลัวแต่ว่าเขาจะไม่ปรารถนาสิ่งใด

สักพักอาหารง่ายๆ ก็เตรียมพร้อมเสร็จสรรพ

อินชิงเสวียนหยิบข้าวถ้วยร้อนสองกล่องส่งให้ฉางเฮิ่นเทียน

“ข้าวนี้นุ่มมาก ลูกข้ากินได้ พวกเจ้าสองคนกินกันคนละกล่องนะ ถ้าไม่พอ เจ้าก็กินเสบียงอาหารแห้ง”

“ขอบคุณแม่นางอิน”

ฉางเฮิ่นเทียนใช้มือหนึ่งอุ้มเสี่ยวหนานเฟิง แล้วรับอาหารด้วยมืออีกข้างหนึ่ง

อินชิงเสวียนกินชอบหม้อไฟเล็ก จึงหยิบของตัวเอง ส่วนที่เหลือที่เหลือก็เก็บไว้ให้ผู้อาวุโสหันและเฟิงเอ้อร์เหนียง

“เจ้าสำนักฉุยกินอะไรได้หรือไม่ ที่ข้ายังมีนมอยู่นะ”

เฟิงเอ้อร์เหนียงส่ายหัว

“ตอนนี้น่าจะไม่ได้ ประเดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดพลังงานภายในให้นาง ประคับประคองร่างกายของนางไว้”

“อื้ม ถ้าต้องการเจ้าค่อยบอกข้านะ”

อินชิงเสวียนเปิดฝากล่อง แล้วนั่งกินอยู่ข้างๆ

ผู้อาวุโสหันอาศัยอยู่บนภูเขามาตลอด ไม่มีความต้องการอาหารมากนัก แต่ยังคงถูกดึงดูดความสนใจด้วยกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน

หลังจากชิมไปคำหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ก็เป็นประกาย จากนั้นก็คิดว่านี่ไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ความเป็นเซียนผู้บำเพ็ญพรตของเขา จึงรีบปรับสีหน้าใหม่ แล้วค่อยๆ เคี้ยว

อินชิงเสวียนกินเสร็จแล้ว นางเช็ดไม้เช็ดมือ แล้วเดินเข้าไปในรถม้า ฉางเฮิ่นเทียนกำลังป้อนข้าวเสี่ยวหนานเฟิง

“ให้ข้าทำเถอะ ส่วนของเจ้าเย็นหมดแล้ว”

ฉางเฮิ่นเทียนยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก ข้าทำได้”

อินชิงเสวียนพูดอย่างใจเย็น “เจ้าใช้มือข้างหนึ่งจับเขาไว้ก็ได้ ข้าจะนั่งป้อนอยู่ข้างล่าง ไม่รบกวนการจับตัวประกันของเจ้า”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ฉางเฮิ่นเทียนก็รู้สึกกระดากอาย

“งั้น...ก็ได้”

“ขอบคุณมาก”

อินชิงเสวียนคุกเข่าบนพื้น ใบหน้างามหยาดเยิ้มเปล่งประกายด้วยรัศมีแห่งความเป็นแม่

“ลูกเด็กดี เดี๋ยวแม่ป้อนนะ”

นางตักข้าวขึ้นมาหนึ่งช้อนเล็ก แล้วตักเนื้อกระป๋องออกมา คลุกให้เข้ากันอย่างพิถีพิถัน จากนั้นป้อนให้เสี่ยวหนานเฟิงอย่างระมัดระวัง

เสี่ยวหนานเฟิงอ้าปากเล็กๆ ทันที เหมือนลูกนกที่อ้าปากรอรับอาหาร

“กินช้าๆ ไม่ต้องรีบ”

อินชิงเสวียนหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่มออกมา แล้วเช็ดเมล็ดข้าวออกจากใบหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนยิ่ง

ขณะมองดูใบหน้างามที่เงยเข้าหาตัวเอง ฉางเฮิ่นเทียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรีบเบือนหน้าหนีไปด้านข้างทันที แล้วตักข้าวคำใหญ่ๆ เข้าปาก

แค่ยัยเด็กบ้าคนหนึ่ง ดีแค่ไหนก็เป็นแค่เครื่องมือใช้งาน จะคิดฟุ้งซ่านได้อย่างไร

ครั้งนี้ เขาไม่เพียงต้องการอิ๋นเฉิงทั้งเมืองเท่านั้น แต่ยังต้องการรวบรวมวิถีแห่งสวรรค์ไว้ในมือของเขาเอง ตราบใดที่สามารถไขความลับได้ เขาก็สามารถอยู่ยงคงกระพันไร้เทียมทาน ทำทุกอย่างที่ต้องการได้ ศัตรูในวันวานจะต้องมาคุกเข่าอยู่แทบเท้าของเขาทั้งหมด ให้เขาหลู่เกียรติได้ตามต้องการ...

เพื่อไม่ให้เปิดเผยอารมณ์มากเกินไป ฉางเฮิ่นเทียนก็ไม่กล้าคิดมาก ถึงอย่างไรทักษะวรยุทธ์ของอินชิงเสวียนก็ไม่ได้ต่ำเลย เขากินอย่างเร่งรีบ แล้วอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไว้อย่างดี

เจ้าเด็กน้อยอ้วนว่าง่ายมาก กินทุกคำอย่างตั้งอกตั้งใจ

เขาจำคำพูดของเสด็จแม่ได้ตลอด ใครเล่าจะรู้ว่าข้าวในจาน แต่ละเม็ดแสนเหนื่อยยาก

ดังนั้น อย่าทำให้ความลำบากของท่านลุงชาวนาสิ้นเปลือง ต้องกินให้หมดเกลี้ยงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ท้องของเสี่ยวหนานเฟิงก็ขยายใหญ่ขึ้น เขายกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจแล้วพูดเสียงยังไม่สิ้นกลิ้นน้ำนม “อิ่มแล้ว”

“ลูกรักเก่งมากเลย”

อินชิงเสวียนจะไปเทน้ำที่ใช้ต้มในกล่อง แต่ฉางเฮิ่นเทียนรับไปก่อน

“ข้าหิวน้ำน่ะ อยากดื่มน้ำ”

“ตามสบาย”

อินชิงเสวียนมอบให้เขา

แล้วฉางเฮิ่นเทียนก็เอาไปดื่มทั้งๆ ที่มีแต่กลิ่นพลาสติก

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม ในนั้นมีถุงอุ่นร้อนด้วย ของที่มีสารเคมีแบบนี้ พวกเขาดื่มไปเยอะๆ ก็ดีเหมือนกัน

ไม่นานรถม้าก็ออกเดินทาง

เริ่มไปไกลจากเมืองหลวงทุกขณะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์