เข้าสู่ระบบผ่าน

ท่านแม่ทัพที่รัก นิยาย บท 3

ยังไม่ทันที่สวีหลิงเอ๋อร์และเยี่ยอู๋เต้าจะกลับถึงบ้าน หลี่อวี้หวนผู้เป็นมารดาก็โทรศัพท์เข้ามา

“หลิงเอ๋อร์ ลูก...ลูกอยากจะให้พ่อแม่กระอักเลือดตายใช่ไหม ดูสิว่าวันนี้ลูกทำอะไรลงไป!”

“ลูกทำให้ตระกูลของเราอับอายขายหน้าไปหมดแล้ว”

“พ่อของลูกโมโหจนโรคหัวใจกำเริบ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลเหรินไอ้ รีบมาเร็วเข้า”

เปรี้ยง!

เหมือนถูกสายฟ้าฟาด ใบหน้าของสวีหลิงเอ๋อร์ซีดขาว โทรศัพท์มือถือหล่นจากมือ

เธอคาดไม่ถึงว่าเรื่องในวันนี้จะกระทบกระเทือนต่อจิตใจพ่อของเธอขนาดนี้

“เร็วเข้า ไปโรงพยาบาลเร็วเข้า” สวีหลิงเอ๋อร์ตะโกนอย่างปวดใจ “พ่อฉันโรคหัวใจกำเริบ”

“หืม? โอเค” เยี่ยอู๋เต้าดริฟต์รถกลับทันที และมุ่งหน้าตรงไปยังโรงพยาบาล

ระหว่างทาง เขาโทรศัพท์หากูหลัง พันตรีหนุ่มที่มารับเขาในวันนี้ “ส่งสิบสามเข็มตาข่ายสวรรค์ของผมมาให้ที”

เยี่ยอู๋เต้าเตรียมตัวจะช่วยพ่อตาในอนาคตของเขาด้วยตัวเองเพื่อสร้างความประทับใจ

นอกจากตำแหน่ง ‘ขุนพลหนุ่ม’ แล้ว เขายังมีอีกตัวตนหนึ่ง นั่นคือ ‘เข็มเทวะ’

สิบสามเข็มตาข่ายสวรรค์ที่เขาคิดค้นขึ้นนั้น ชิงพลังแห่งท้องฟ้าและผืนพิภพ รุกล้ำความลี้ลับแห่งสุริยันจันทรา ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้นับไม่ถ้วน!

ตั้งแต่นายพลจนกระทั่งพลเรือน!

โรคหัวใจธรรมดาๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย

ดวงตาของกูหลังที่อยู่ปลายสายเปล่งประกาย “ห้าปีแล้ว ในที่สุดเข็มเทวะก็กลับคืนสู่ยุทธภพอีกครั้ง!”

“ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้สูงศักดิ์ท่านไหนหรือครับ ถึงขนาดท่านแม่ทัพสวรรค์ต้องออกโรงเอง”

เยี่ยอู๋เต้าพูดต่อว่า “สิ่งใดไม่ควรสนใจ ก็อย่าได้ถาม”

“นอกจากนี้ พิธีเฉลิมฉลองอีกสามวันข้างหน้า จัดการให้ครอบครัวของเฉินหย่าจือไปเป็นคนรับใช้ซะ”

กูหลัง “รับทราบ”

หลังจากวางสาย เยี่ยอู๋เต้าเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสวีหลิงเอ๋อร์กำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

“คุณกำลังทำอะไรน่ะ” สวีหลิงเอ๋อร์เอ่ยถาม

เยี่ยอู๋เต้า “ผมจะช่วยพ่อคุณเอง”

“นอกจากนี้ ผมจะจัดการให้ครอบครัวของเฉินหย่าจือกลายเป็นคนรับใช้ในพิธีเฉลิมฉลอง”

สวีหลิงเอ๋อร์ทิ้งตัวลงบนที่นั่งและถอนหายใจ ในใจรู้สึกหมดหวัง

เมื่อก่อนทำไมถึงไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ขี้โม้ขนาดนี้

อย่าเพิ่งพูดถึงทักษะทางการแพทย์เลย แค่พูดถึงพิธีเฉลิมฉลองการกลับคืนสู่ตำแหน่งของแม่ทัพสวรรค์ เขาจะเข้าไปวุ่นวายได้หรือ

ตลกแล้ว

ไม่นานนัก คนทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาล

แต่ภาพที่ปรากฏในโรงพยาบาลเหมือนดังมีดกรีดกลางหัวใจของสวีหลิงเอ๋อร์

หลี่อวี้หวนผู้เป็นมารดาคุกเข่าอ้อนวอนต่อเฉินหย่าจือ

ลุงใหญ่และลุงรองสองครอบครัวต่างยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ

เฉินหย่าจือมีสีหน้าอวดดีและไม่แยแสต่อคำวิงวอนของหลี่อวี้หวน

เยี่ยอู๋เต้าขมวดคิ้ว “ทำไมเฉินหย่าจือถึงได้อยู่ที่นี่”

ทันทีที่สวีหลิงเอ๋อร์ลงจากรถ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาหลี่อวี้หวน “แม่คะ รีบลุกขึ้นเถอะค่ะ แม่คุกเข่าทำไมคะ”

หลี่อวี้หวนปาดน้ำตา “หลิงเอ๋อร์ ลูกมาพอดีเลย รีบขอร้องหย่าจือเร็วเข้า ขอร้องให้ช่วยพ่อของลูกด้วย”

“พ่อเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว แต่หมอที่จะรักษาคือแม่ของหย่าจือ เธอปฏิเสธที่จะให้การช่วยเหลือพ่อ”

เฉินเหมยและสวีต้าไห่ต่างก็ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เวลาอยู่ต่อหน้า คนทั้งสองต่างพูดดีใส่กัน แต่ลับหลังกำลังแข่งขันกันอยู่ ล่าสุดพวกเขากำลังแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าแผนก

บวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในงานแต่งงานวันนี้ ทั้งสองตระกูลกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตต่อกันไปแล้ว

ถ้าเฉินเหมยยอมช่วยก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกน่าดู

หากจะย้ายโรงพยาบาลตอนนี้ก็เกรงว่าจะสายเกินไป ดังนั้น หลี่อวี้หวนจึงทำได้เพียงคุกเข่าและขอร้องต่อเฉินหย่าจือ

สวีหลิงเอ๋อร์ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว!

ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือช่วยชีวิตบิดา

เธอจำต้องวางศักดิ์ศรีและอ้อนวอนขอร้อง “หย่าจือ พ่อขอฉันอาการสาหัสมาก ขอร้องล่ะ ให้แม่ของเธอช่วยพ่อฉันด้วย”

รอยยิ้มของเฉินหย่าจือยิ่งเย็นชาขึ้น “ตอนนี้รู้จักมาขอร้องฉันแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ล่ะ”

“เธอไม่ได้พาเขยขวัญรูปงามมาด้วยเหรอ ให้เยี่ยอู๋เต้าช่วยเธอสิ ขอร้องฉันทำไมกัน!”

หลี่อวี้หวนจึงได้รู้ว่า คนที่มากับสวีหลิงเอ๋อร์ก็คือเยี่ยอู๋เต้า

เธอโพล่งออกมาทันที

“หลิงเอ๋อร์ ลูก...ลูกอยากจะให้แม่กระอักเลือดตายใช่ไหม เอาไอ้คนไม่เอาไหนมาด้วยทำไม”

“ลูกตาบอดจริงๆ ถึงได้ไปชอบเขา...หรือว่าลูกไม่รู้ว่าเขาน่ะก็แค่คนไม่เอาถ่านที่เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ แล้วยังเคยติดคุกตั้งห้าปีด้วย”

“เยี่ยอู๋เต้า ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะ นายอย่าได้คิดก้าวล้ำเข้าไปในบ้านของฉัน บ้านฉันไม่เลี้ยงคนไม่ได้เรื่องหรอกนะ”

“ไม่ต้องกังวลไปนะหย่าจือ เดี๋ยวกลับไปน้าจะต้องสั่งสอนสวีหลิงเอ๋อร์ให้ดีๆ เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของหลิงเอ๋อร์”

เฉินหย่าจือรู้สึกสบายใจขึ้นมาก “ก็ได้ อยากจะขอให้แม่ฉันช่วยก็ได้”

“ค่ารักษาสามแสน แต่ต้องให้เยี่ยอู๋เต้าเป็นคนจ่ายนะ”

คนในตระกูลสวีรู้สึกลำบากใจ

เป็นเพราะเยี่ยอู๋เต้าไม่สามารถหาเงินสามแสนมาได้ งานแต่งงานจึงได้ยกเลิก

เฉินหย่าจือยังยืนกรานที่จะขอให้เยี่ยอู๋เต้าเป็นคนจ่ายเงินสามแสนนี้อีก นี่มันจงใจกลั่นแกล้งกันชัดๆเยี่ยอู๋เต้าถอนหายใจออกมา เขาไม่คิดว่าเฉินหย่าจือจะใจร้ายได้ถึงเพียงนี้

เขาใช้เวลาห้าปีอยู่กับเธอมาได้อย่างไรกัน...

“หึหึ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าเราจะจากกันไปด้วยดี แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว คุณรนหาที่เอง ผมคงต้องสงเคราะห์ให้สินะ”

เฉินหย่าจือสบถออกมาอย่างเย็นชา “ฮึ เลิกพูดเหลวไหลเสียที”

“ไม่มีปัญญาหาเงินมาใช่ไหม ได้ งั้นฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง”

“นายและสวีหลิงเอ๋อร์คุกเข่าขอโทษฉันสิ บอกว่านายเป็นแค่สุนัขขี้ประจบ ไม่คู่ควรกับฉันเลยสักนิด”

“สวีหลิงเอ๋อร์มาอ่อยผู้ชายห่วยๆ ที่ฉันทิ้งไปแล้ว!”

ดวงตาของสวีหลิงเอ๋อร์แดงก่ำ หัวใจของเธอกำลังสั่น

นี่มันมากเกินไปแล้ว

แต่เมื่อนึกถึงบิดาที่อาจจะไม่รอดชีวิต...

ความจริงอันโหดร้ายทำให้ เธอจำเป็นต้องยอม ขาสองข้างของเธอย่อลงเตรียมจะคุกเข่า

ทันใดนั้น เยี่ยอู๋เต้ายื่นมือออกไปรั้งเธอไว้

“หลิงเอ๋อร์ อย่าไปขอร้องเธอ พ่อของคุณ ผมรักษาเอง”

อีกด้าน หลังจากที่เยี่ยอู๋เต้าหยิบเข็มเงินมาแล้ว เขาเดินตรงไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อรักษาให้สวีต้าไห่ที่ตอนนี้อยู่ในภาวะช็อก

กูหลังพึมพำกับตัวเอง “มีตระกูลใหญ่โตตั้งเท่าไรที่ยอมทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาเพื่อขอให้ท่านแม่ทัพสวรรค์ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่ท่านแม่ทัพสวรรค์ก็หาได้ใส่ใจไม่”

“แต่วันนี้กลับยอมออกโรงเพื่อคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง!”

“ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันใด มาตรเป็นตายยังขออยู่คู่เคียงกัน!”

อีกด้านหนึ่ง หลี่อวี้หวนหมดแรงยืนพิงกำแพง เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง

“จบแล้ว คราวนี้จบกัน เยี่ยอู๋เต้าทำครอบครัวของพวกเราพังป่นปี้”

“หลิงเอ๋อร์ ฟังจงซิ่นแข็งแกร่งกว่าเยี่ยอู๋เต้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า ทำไมลูกถึงได้ดื้อรั้นที่จะเลือกเยี่ยอู่เต้ากันนะ”

ลุงใหญ่และลุงรองต่างก็เข้ามาตำหนิสวีหลิงเอ๋อร์ และด่าทอเยี่ยอู๋เต้า

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาโกรธมาก

แน่นอนว่า ไม่ได้โกรธเพราะเยี่ยอู๋เต้าอาจจะทำให้สวีต้าไห่ถึงแก่ชีวิต แต่โกรธที่สวีหลิงเอ๋อร์ไม่ได้เลือกตระกูลฟัง

หากเธอไม่แต่งงานเข้าตระกูลฟัง พวกเขาก็อดจะได้สัมผัสแสงสว่างจากตระกูลฟังไปด้วย

ฉับพลันนั้น ลุงใหญ่ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น “เฮ้ อย่าร้องไห้ๆ ลุงคิดวิธีดีๆ ออกแล้ว”

“หลิงเอ๋อร์ หลานโทรหาฟังจงซิ่นตอนนี้เลย ขอโทษเขาและขอให้เขายกโทษให้ซะ จากนั้นก็ขอให้เขาช่วย”

“ตระกูลฟังมีเครือข่ายอยู่ทั่ว แม้แต่บัตรเชิญจากแม่ทัพสวรรค์ยังใช้เส้นสายหามาได้ เขาจะต้องรู้จักกับผู้นำในโรงพยาบาลแน่ๆ!”

ลุงรองก็รีบพูดว่า “ฟังจงซิ่นเคยบอกไว้ว่า เขาสามารถช่วยให้พ่อของหลานได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกด้วย เขาจะต้องรู้จักผู้นำในโรงพยาบาลแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”

นัยน์ตาของหลี่อวี้หวนเป็นประกาย “ลูก รีบโทรศัพท์หาฟังจงซิ่นเร็วเข้า”

สัญชาตญาณของสวีหลิงเอ๋อร์บอกให้เธอปฏิเสธ

เธอไม่กล้าจินตนาการถึงชีวิตของเธอหลังแต่งงานกับฟังจงซิ่น

แต่เมื่อเห็นแววตาที่อ้างว้างและสิ้นหวังของมารดา และคิดถึงสถานการณ์ของบิดาในเวลานี้...

เธอกัดฟันกดโทรศัพท์

เธอตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือบิดาของเธอ

ต่อสายติดแล้ว

“ฮัลโหล ฟังจงซิ่น ฉันอยากจะรบกวนให้คุณช่วยสักหน่อย” น้ำเสียงของสวีหลิงเอ๋อร์ละล่ำละลักเล็กน้อย

ทางด้านฟังจงซิ่นรู้สึกประหลาดใจ

ตามปกติสวีหลิงเอ๋อร์มักจะเย็นชาและไม่สนใจเขาเลย แต่วันนี้กลับโทรหาคนเกเรอย่างเขา

ทำไมจู่ๆ เธอถึงจะมาขอความช่วยเหลือจากเขานะ

ฟังจงซิ่น “เรื่องอะไรหรือ”

สวีหลิงเอ๋อร์ “คุณรู้จักพวกผู้นำในโรงพยาบาลเหรินไอ้ใช่ไหมคะ โรคหัวใจของพ่อฉันกำเริบ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากหมอโรคหัวใจโดยด่วน...”

ในใจของฟังจงซิ่นมีความสุขมาก

สำหรับเขา นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ครอบครองสวีหลิงเอ๋อร์

เมื่อนึกถึงเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของสวีหลิงเอ๋อร์ ฟังจงซิ่นก็รู้สึกกระหายขึ้นมาทันที

เขารีบพูดว่า “ผมรู้จักผู้อำนวยการเฒ่าของโรงพยาบาลเหรินไอ้ บังเอิญมาก เขาเป็นหมอเฉพาะทางโรคหัวใจ”

สวีหลิงเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างดีใจ “จริงหรือคะ ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยพ่อของฉันด้วย”

ฟังจงซิ่น “จะให้ช่วยน่ะเรื่องเล็ก แต่...คุณจะต้องตอบรับข้อเรียกร้องของผมสักข้อก่อน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านแม่ทัพที่รัก