เฉินหลินหึงเขา
ตอนนั้นหล่อนอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นเฉินเกอเดินเข้ามา จึงรู้สึกรำคาญใจ
โดยปกติหล่อนยังยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ แต่ตอนนี้ เฉินหลินกลับตะคอกใส่เขาเต็มๆ
และยังพูดจาหยาบคายมากมายต่อหน้าทุกคน
ทุกคนต่างพากันพูดปลอบ เฉินหลินจึงค่อยๆใจเย็นลง
ตอนนี้สิ่งที่เฉินเกอคิดอยากจะทำมากที่สุด คือยกมือของตัวเองขึ้นมาตบหน้าเฉินหลินแรงๆสักหนึ่งที
ทั้งดูถูกถางถางเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้กลับมาเหวี่ยงใส่เขาอีก หยามกันมากเกินไปแล้ว!
“พอแล้วเฉินหลิน เธอจะไปหาเรื่องอะไรเขามากมาย เขาอยากกินก็ให้กินสิ เธอต้องคิดดูดีๆนะ ต่อไปเธอจะเป็นครูแล้ว เป็นข้าราชการนะ!”
ทันใดนั้นติงห้าวหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
เมื่อเห็นว่าติงห้าวมาพูดปลอบตัวเอง เฉินหลินจึงใจเย็นลง
“หึ ไอ้หมอนี่ เห็นหน้าแล้วรำคาญใจ ยังไงติงห้าวก็ดีกับฉันตลอด แม้ว่าเมื่อก่อนติงห้าวจะยากจน แต่ตอนนี้กลับพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีแล้ว(ติงห้าวพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีเพราะว่าบ้านเขาถูกฝ่ายรัฐบาลรื้อออก จึงได้เงินชดเชยจำนวนมาก) นายจะคิดว่าของใหม่ดีกว่าของเก่าไหม จะลืมเพื่อนอย่างฉันรึเปล่า?”
เฉินหลินขยับไปนั่งพิงติงห้าว
“ไม่มีทาง ไม่ว่าวันหลังจะเป็นยังไง เฉินหลินคือเพื่อนสนิทของฉันเสมอ!”
ติงห้าวยิ้มเสียงดัง
คำพูดนี้ทำให้หลี่ชือหานที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
อันที่จริงทุกคนที่นั่งอยู่ตรังนั้นมองออกเหมือนกันหมด บรรยากาศในค่ำคืนนี้ช่างผิดปกติ ราวกับว่าเฉินหลินกำลังเปิดศึกสงครามกับหลี่ชือหานอยู่ตลอด
ทั้งสองล้อมติงห้าวไว้ จากนั้นยื้อแย่งเขากันต่อหน้าและลับหลัง
ใช่สิ บ้านเกิดของติงห้าวจะพัฒนาทางเศรษฐกิจ เพราะบ้านเขาถูกรื้อออก ฝ่ายรัฐบาลต้องแบ่งบ้านหลายหลังให้เขา หรือว่าคงได้เงินชดเชยหลายล้านหยวน ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่อีกแล้ว
ไม่น่าแปลกใจว่าสาวสวยทั้งสองกำลังแย่งเขาอยู่
“เฉินเกอ มาทำตรงนี้ ฉันย่างเสร็จแล้ว!”
ซูเฉียงเวยเห็นว่าเฉินเกอกำหมัดแน่น เสมือนพร้อมจะเหวี่ยงความโกรธใส่ตลอดเวลา หล่อนจึงดึงเขามาอยู่ด้านข้าง
และเป็นเพราะซูเฉียงเวยห้ามปรามเขาไว้ก่อน
เฉินเกอจึงไม่ทำอะไร
เหอะๆ ดูถูกก็ดูถูกไปสิ รอให้ถึงวันที่เขาเปิดเผยตัวตนได้ก่อน ไม่รู้ว่าวันนั้นเฉินหลินกับหลี่ชือหานจะรู้สึกยังไง?
จะรู้สึกเสียใจกับการกระทำในวันนี้รึเปล่า?
เขาหัวเราะด้วยความขมขื่นใจ
เฉินเกอไม่สนใจอะไรพวกเขา กลับเดินออกไปชมวิวข้างแม่น้ำกับซูเฉียงเวย
ค่ำคืนนี้ ติงห้าวเป็นคนจัดเตรียมให้ทุกคนเช็คอินโรงแรมที่นี่
เฉินเกอเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว และสังเกตเห็นว่าซูเฉียงเวยอยากพักที่นี่ คงเป็นเพราะหล่อนหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง
หลังจากที่พวกเฉินหลินเข้าไปพักผ่อน
เฉินเกอจึงไปจัดการเรื่องห้องพัก แยกห้องระหว่างเขากับซูเฉียงเวย
สรุปแล้ว ทั้งวันที่ผ่านมานี้ นอกจากเรื่องของเฉินหลิน เฉินเกอรู้สึกผ่อนคลายมาก
คิดอยากจะให้ภูเขาใหญ่ลูกนี้สร้างเสร็จไวๆ ต่อไปเขาจะได้ไปพักอยู่บนภูเขานั่นได้!
ค่ำคืนอันเงียบสงัด
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเกอรีบขับรถพาซูเฉียงเวยลงเขาตั้งแต่เช้ามืด เป็นเพราะเขากลัวจะเจอพวกเฉินหลิน และจะทำให้เขาอยากลงไม้ลงมือใส่พวกนั้น
เมื่อขับถึงที่แห่งหนึ่ง จู่ๆเฉินเกอก็เบรกรถกะทันหัน
จากนั้นยิ้มและพูดขึ้น
“ยังมีเวลาอีกสักพักก่อนที่เธอจะไปทำงานและฉันต้องไปเรียน ฉันพาเธอไปทานข้าวที่ร้านอาหารมิชลินดีกว่า!”
เฉินเกอชี้ไปที่ร้านอาหารมิชลินริมถนน
“ห้ะ? เฉินเกอ ฉันเคยได้ยินเพื่อนที่ทำงานบอกว่า อาหารมิชลินแพงมากๆ มีแต่พวกคนรวยอย่างนายไปทานที่นั่น ฉันไม่เข้าไปดีกว่า!”
ซูเฉียงเวยก้มหน้าลง ส่ายหน้า
เฉินเกอหัวเราะ : “สบายใจได้ ต่อไปอยากมาทานทุกวันก็ไม่ใช่ปัญหา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...