ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 121

“เฉินเกอ?”

เมื่อเฉินหลินและหลี่ชือหานเดินเข้ามา เหลือบมองไปเห็นเฉินเกอเป็นคนแรก รวมถึงซูเฉียงเวยที่ยืนอยู่ด้านข้าง

วันนี้ เฉินหลินกับหลี่ชือหานได้จองล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว พวกหล่อนกำลังจะเรียนจบ และกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้ใหญ่

ถ้าไม่ฉวยโอกาสตอนนี้เที่ยวเล่นให้เต็มที่ คงไม่มีเวลาให้สนุกแบบนี้แล้วล่ะ

ก่อนหน้านี้ เคยได้ยินติงห้าวเพื่อนร่วมชั้นมักจะพูดขึ้นบ่อยๆว่าบ้านเกิดเขาสวยมาก

เขาจึงชวนทุกคนไปเที่ยว

ตอนนี้มีเวลาว่างแล้ว ก็เลยชวนพี่น้องและเพื่อนสนิทมาเที่ยวด้วย

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเฉินเกอที่นี่

“เฉินหลิน เธอรู้จักเขาเหรอ?”

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆถามขึ้น

เมื่อเห็นรูปลักษณ์การแต่งตัวของเฉินเกอ ทำให้ทุกคนรู้สึกขายหน้าแทน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง เป็นผู้หญิงที่ดูไร้ค่ายิ่งกว่า

จนทำให้พวกผู้หญิงต่างพากันพูดซุบซิบนินทาด้วยความไม่พอใจ

“เหอะๆ รู้จักสิ เขาคือเพื่อนมัธยมที่ฉันเล่าให้พวกเธอฟังเมื่อวานไง หึๆ พูดถึงไหนไปถึงนั่นเลยจริงๆ!”

เฉินหลินยิ้มด้วยความดูถูก

งานเลี้ยงของคนหมู่บ้านเดียวกันครั้งที่แล้ว เฉินเกอผู้นี้ยังรู้จักพวกคุณชายโจวเจ๋ออีกด้วย เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้เฉินหลินเป็นอย่างมาก

ทุกคนต่างรู้สึกว่าเฉินเกอกำลังพัฒนาไปทิศทางที่ดี

แต่เมื่อไปสอบถามสืบข้อมูลก็พบว่า ไม่มีอะไรมากนัก

ให้เพื่อนคนหนึ่งไปสืบเรื่องมากจึงรู้ว่าคุณชายโจวลืมเฉินเกอไปแล้ว

เมื่อมีคนถามว่ารู้จักเฉินเกอหรือไม่ เขาตอบว่าไม่รู้จักทันที เฉินเกอคือใคร?

เหอะๆ เหมือนกับที่คนอื่นเขาลือกันว่าคุณชายโจวเป็นคนเงอะงะ ไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จึงนึกถึงเรื่องที่โรงแรมเมื่อครั้งก่อน พอความตื่นเต้นดีใจขึ้นมา ก็พูดจาไร้สาระใส่เฉินเกอ

แต่เรื่องนี้กลับน่ากลัวเช่นกัน ไม่รู้ว่าเขารู้สึกผิดกับเฉินเกอรึเปล่า

ดังนั้นเฉินหลินจึงรู้สึกสบายใจมาก เพราะตอนนี้ได้เย้าแหย่เฉินเกอ

“เฉินเกอ หล่อนเป็นแฟนนายเหรอ?”

หลี่ชือหานอดไม่ได้ จึงถามขึ้น

จากนั้นส่ายหน้าเล็กน้อย

คนแบบไหนก็เหมาะกับแฟนแบบนั้นจริงๆ คนจน ก็ต้องหาแฟนจน ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว ช่างไร้ราคาเหลือเกิน

ทันใดนั้นหลี่ชือหานรู้สึกขำเมื่อย้อนนึกถึงเรื่องที่หล่อนเคยแอบรักกับเฉินเกอ

”ไม่ใช่ นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน!”

เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“ฉันก็ว่างั้นแหละ แม้ว่าซูเฉียงเวยจะยากจน แต่หล่อนสวยมาก แต่คงไม่ดีไปกว่าคนจนอย่างเฉินเกอหรอก!”

ทันใดนั้น ติงห้าวพูดขึ้นด้วยความเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักซูเฉียงเวย เพราะพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงของหล่อนอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านหยุนเหมิง

“ติงห้าว นายรู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อซูเฉียงเวยด้วยงั้นเหรอ?”

“แน่นอนสิ ฉันจะเล่าเรื่องหล่อนให้พวกเธอฟัง...”

ติงห้าวพูดเสียงต่ำลง จากนั้นพูดซุบซิบกับพวกหญิง

เมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้ฟังเรื่องราว ต่างพากันมองไปที่ซูเฉียงเวยด้วยสายตาเหยียดหยามมากขึ้น

ซูเฉียงเวยรู้ดีว่าติงห้าวกำลังบอกพวกหล่อนว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า ที่ไม่มีใครรับเลี้ยง

วินาทีนั้นหล่อนรู้สึกอึดอัดใจมาก กำมือทั้งสองข้างจับชายเสื้อไว้แน่น ก้มหน้าลง

ทันใดนั้นเอง เฉินเกอจับมือของหล่อน บอกหล่อนว่า มีเขาอยู่เคียงข้างเสมอ 

“เฉียงเวย พวกเรากลับกันเถอะ!”

เฉินเกอเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับเพื่อนมัธยมพวกนี้ต่อไปแล้ว

เขาไม่อยากพูดอะไรมาก จึงคิดจะเดินออกไป

“นั่นๆ ยังโมโหอีก อย่าเพิ่งไปสิ ในเมื่อนายตามมาถึงที่นี่แล้ว งั้นฉันก็จะให้กินเนื้อย่างฟรีสักมื้อ พวกเธอคงไม่เคยกินกันสินะ? ฮ่าๆ งั้นดีเลย พวกเรากำลังขาดคนเสียบเนื้อให้ งั้นพวกเธอสองคนอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน!”

เฉินหลินพูดพลางยิ้มอย่างเยือกเย็น

นี่เป็นสิ่งที่หล่อนเพิ่งคิดขึ้นมาได้ แรงงานฟรีตั้งสองคน สบายขนาดนี้

เฉินเกอไม่สนใจพวกเขา

“ซูเฉียงเวย เธอจะไปจริงเหรอ? เธออยู่กับเฉินเกอก่อนสิ เธอลองคิดดูสิ เรื่องซ่อมถนนเมื่อหลายปีก่อน ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพ่อฉัน หลุมศพของพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเธอคงโดนไถทับเป็นถนนไปแล้ว ตอนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเธอ ให้ช่วยเสียบเนื้อให้ เธอไม่ยอมงั้นเหรอ?”

ติงห้าวพูดด้วยท่าทีถากถาง

เมื่อก่อนเขาเป็นคนพูดน้อย เขาเปรียบเสมือนเป็นคนไร้ตัวตนในสายตาของทุกคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน