วันนั้นตอนสิบเอ็ดโมงเช้า
หน้าประตูมหาวิทยาลัยจินหลิง
มีหญิงสาวสามคนกำลังยืนที่ตำแหน่งหน้าประตูมหาวิทยาลัย มองไปรอบด้านอยู่ไม่ขาด
ใบหน้าเผยท่าทีร้อนอกร้อนใจ
“ฉินเฟย นี่มันเรื่องอะไรกัน? ตกลงกันแล้วไงว่ามาเจอกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ทำไมหลี่ปินถึงยังไม่มาอีก?”
“ใช่แล้วพี่เฟย ที่จริงคิดว่าหลี่ปินจะเอารถคันใหญ่มารับพวกเราซะอีก สุดท้ายให้พวกเรามารอนานขนาดนี้!”
ผู้หญิงสองคนถามผู้หญิงคนตรงกลางที่ชื่อฉินเฟยไปอย่างทนไม่ไหวสักเท่าไร
หญิงสาวสามคน หน้าตาสดสวยกันอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะคนตรงกลางที่ชื่อฉินเฟย เผยกลิ่นอายความสุภาพสงบเสงี่ยมบุคลิกสง่า
“พอแล้วหลินเยว่ ตอนนี้หลี่ปินเขากำลังเริ่มกิจการ เปิดร้านมากขนาดนั้น อาจจะยุ่งมาก เมื่อกี้โทรศัพท์หาเขา เขาบอกว่าจัดการงานในมือเสร็จแล้ว วันนี้จะใช้เวลาทั้งวันมาอยู่เป็นเพื่อนพวกเรา”
ฉินเฟยยิ้มตอบ
โรงเรียนของพวกหล่อนอยู่ที่เมืองกั่งเฉิง เคยได้ยินว่าจินหลิงเจริญรุ่งเรืองมาตั้งนานแล้ว เลยอยากมารู้จักสักหน่อย
หญิงสาวคนที่ชื่อหลินเยว่คนนั้น เป็นรูมเมทของฉินเฟย
ได้ยินว่าหลี่ปินแฟนของฉินเฟยเก่งกาจมากที่จินหลิง วันนี้ฉินเฟยก็มาหาหลี่ปินอีก แน่นอนว่าพวกหล่อนสองคนเลยอยากตามมาดูด้วย
ด้านหนึ่ง มาอาศัยบารมี
อีกด้านหนึ่ง คืออิจฉาอยู่บ้างเลยอยากมาดูหน่อยว่าหลี่ปินแฟนของฉินเฟยสรุปว่าขี้โม้หรือเปล่า
ถ้าเก่งกาจขนาดนี้จริงๆ และดีต่อฉินเฟยขนาดนี้ด้วย คงทำให้คนอิจฉาจริงๆ เลย
“นี่ สามสาวคนสวย พวกเธอกำลังรอใครกันอยู่?”
ทันใดนั้นเวลานี้ รถโฟล์กสวาเกนสีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าของฉินเฟยสามคน
พอปลดกระจกลง ก็เผยให้เห็นผู้ชายสองคนที่นิสัยอันธพาลออกมา
พวกฉินเฟยก้มหน้าไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากเจอผู้ชายแบบนี้มาจีบมากเหลือเกิน
และผู้ชายสองคนนี้ เห็นทั้งสามหน้าตาดูดีมาก
อย่างไรเสียก็ไม่ไปหรอก
“ดูท่าทางพวกเธอไม่ใช่นักศึกษาของที่มหาวิทยาลัยจินหลิงของพวกเรา มาหาคนสินะ? บอกพวกฉันได้นะ ไม่แน่ฉันอาจจะช่วยได้!”
ผู้ชายทั้งสองคนรีบลงจากรถทันที
“ขอโทษนะ เดี๋ยวหลี่ปินก็มารับพวกเราแล้ว!”
หลินเยว่พูดไปตามตรง
“หลี่ปิน? ไอ้สาด ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ะ?”
ผู้ชายสองคนมองหน้ากัน เดาว่าคงเป็นพวกโลโซที่ไม่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย
ถ้ามีชื่อเสียงอยู่บ้าง ผู้ชายสองคนนี้ก็คงหมุนตัวไปแล้ว โดยเฉพาะสามารถลดศัตรูไปได้สักคน ก็จะได้ลดลงไป
แต่ก็นะ อย่างพวกที่ไม่ได้โด่งดังแบบนี้ เขาทั้งสองคนก็ไม่กลัวแล้ว
ยิ่งเห็นฉินเฟยกับหลินเยว่ที่หน้าตาสวยงามจริงๆ
อย่างไรเสียผู้ชายทั้งสองก็ต้องเอาวีแชทมาให้ได้
“อ่อๆ หลี่ปินคนนี้พวกฉันไม่รู้จักหรอก แต่อากาศร้อนขนาดนี้ พวกเธอรออยู่ที่นี่ระวังโดดแดดไหม้จนผิวสวยๆ ดำหมดนะ เอาแบบนี้เถอะ ด้านข้างมีร้านกาแฟ ฉันจะพาพวกเธอไปดื่มกาแฟรอดีไหม? ไป ขึ้นรถเถอะ!”
พูดตามจริงแล้ว หลินเยว่มีความคิดอยากพุ่งขึ้นรถไปพอสมควร
พอมองเห็นผู้ชายสองคนนี้เป็นพวกที่มีเงินมาก ทว่าพอคิดถึงหลี่ปินอาจจะมีเงินยิ่งกว่าพวกเขา จะว่าไปแล้วอย่างไรตนเองก็แค่มาเป็นเพื่อนฉินเฟย
เห็นฉินเฟยส่ายหน้า หลินเยว่จึงส่ายหน้าตาม
“พวกเธอจะเกรงใจอะไรกัน รีบขึ้นรถสิ คิดซะว่าเป็นเพื่อนกัน”
ผู้ชายคนหนึ่งพูดพลางเข้าไปดึงมือของฉินเฟยอย่างใจกล้า
“พวกนายทำอะไรกัน! เป็นบ้ารึเปล่าเนี่ยพวกนาย”
ถูกฉินเฟยสะบัดมือทิ้งไปด้านข้างฉับพลัน
แถมยังถูกต่อว่าอีกประโยคหนึ่ง
อยู่ในที่ที่ผู้คนมากมายเช่นนี้ ทำเอาผู้ชายทั้งสองขายขี้หน้ามาก พวกเขาเคยจีบผู้หญิงมาไม่น้อย เคยมีฉากที่โดนผู้หญิงปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชนที่ไหนกัน?
เวลานี้ผู้ชายสองคนมองหน้ากัน พูดหัวเราะเยาะ “คนสวย นี่ช่างไม่ไว้หน้ากันไปหน่อยมั้ง? คนอื่นเขายอมรับผิดแล้วตัวเองยังมาตีอีกงั้นเหรอ?”
พูดจบ ยังอยากจะลงไม้ลงมือ
“เชี่ยแม่ง!”
จากนั้น ทว่าครั้งนี้ยังไม่ทันแตะต้อง
ก็ได้ยินเสียงปึ้งทีหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าก็โดนถีบกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่สายขาด
เป็นหลี่ปินกับหยางฮุย ทั้งยังมีเฉินเกอพุ่งเข้ามาแล้ว
ตอนที่ทั้งสามคนออกมาหน้าประตูมหาวิทยาลัย ก็มองเห็นผู้ชายสองคนนี้กำลังลงไม้ลงมือกับพวกฉินเฟยอยู่
ตอนนั้นจึงพุ่งเข้ามาอย่างเดือดดาลเกินทน
“แม่ง กล้าแตะต้องผู้หญิงพี่ปินของพวกฉัน รนหาที่ตายนี่หว่า”
หยางฮุยด่าไปชุดหนึ่ง ร่วมมือกันกับเฉินเกอตีอีกคนไปด้วยเลย
“ไอ้สาด พวกแกสามคนอยากตายรึไง? กล้ามาต่อยฉัน?”
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าร้องด่าทอ จับเอวที่เจ็บจนเหงื่อตกลงมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...