เฉินเกอเผลอปัดไม้กวาดที่เท้าของหญิงสาว
เธอสวมรองเท้าสีขาวคู่เล็ก น่องขาวของเธอกระดิกอยู่เพราะเธอกำลังตั้งใจฟังหวังหยางพูดถึงเรื่องรถนั่น
อย่างจดจ่อ
โดยไม่คิดว่าไม้กวาดสกปรกกำลังกวาดรองเท้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น
จึงอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้ดึงดูดความสนใจของหวังหยางและเจียงเวยเวย
“มู่หาน มีอะไร?”
เจียงเวยเวยรีบเดินตรงเข้ามาถามไถ่
หวังหยางก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน
“ไม่มีอะไรๆ!”
ซูมู่หานสางผมของเธอขึ้นเล็กน้อยและเอนตัวลง หยิบทิชชู่เปียกมาเช็ดฝุ่น
แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งสกปรก
ซูมู่หานมีนิสัยรักความสะอาด คิ้วของเธอย่นเล็กน้อย
“เฉินเกอ นายเป็นคนทำรองเท้ามู่หานสกปรกใช่ไหม?”
เจียงเวยเวยถลึงตาใส่เฉินเกอในทันที
ด้วยท่าทางเอาเรื่อง
ใบหน้าหวังหยางเต็มไปด้วยความโกรธ
“ให้ตายเถอะ! ไอ้คนจน นายรู้ไหมว่ารองเท้าคู่นี้ของมู่หานราคาเท่าไหร่? เอานายไปขายก็ยังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
พอพูดเสร็จก็กระชากคอเสื้อเฉินเกอ
“ไม่มีอะไร! ไม่ใช่เขาหรอก!”
พอซูมู่หานเห็นว่าหวังหยางกำลังจะทะเลาะวิวาท เธอจึงรีบลุกขึ้นมาห้ามไว้
ที่จริงแล้วซูมู่หานสนใจในตัวเฉินเกอมานานมากแล้ว เพราะเธอเห็นว่าเขาคนนี้แตกต่างออกไป
ดูก็รู้แล้วว่าเขาน่าจะจน
นั่นเป็นเหตุผลที่มักจะโดนหวังหยางและคนอื่นๆคอยกลั่นแกล้ง
แต่ทว่าซูมู่หานกลับไม่เคยเห็นสายตาดูถูกดูแคลนตัวเองจากแววตาของคนคนนี้เลย เขาดูไม่แยแส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าที่ค่อนข้างบอบบางและจริงใจของเฉินเกอ
ทำให้ซูมู่หานนึกอยากจะอารมณ์เสียแต่ก็อารมณ์เสียไม่ลง
ดังนั้นพอซูมู่หานเห็นว่าเฉินเกอกำลังจะถูกทุบตีจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อห้ามปราม
“มู่หาน ไม่ต้องสนใจ อย่างน้อยก็ให้ไอ้คนจนคนนี้จ่ายค่ารองเท้าให้เธอ!”
หวังหยางพูดด้วยความโมโห
แม้ว่าซูมู่หานจะไม่ใช่คนคณะภาษาจีน และมาจากสาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง
แต่เธอกับเจียงเวยเวยก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
และวันนี้ก็เข้ามาเล่นด้วยกันที่คณะ
หวังหยางชอบเจียงเวยเวย แต่เมื่อเทียบดูแล้ว เขาชอบซูมู่หานเพื่อนสนิทของเจียงเวยเวย มากกว่า
“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้วจริงๆ ฉันกลับไปเปลี่ยนรองเท้าที่หอก็ได้!”
ซูมู่หานรีบพูดด้วยความร้อนใจ
ทั้งยังพยักหน้าให้เฉินเกอเล็กน้อย
“ถือว่าเป็นโชคดีของแก!” หวังหยางค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เขาแสดงต่อหน้าสาวงามทั้งสองในวันนี้
ทั้งยังมองไปทางซูมู่หานที่กำลังจะเดินออกไป
“ใช่แล้วมู่หาน รอเธอไปเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ พวกเราออกไปรวมตัวกันเถอะ หลายวันมานี้ทุกคนฝึกซ้อมอย่างหนัก วันนี้ฉันเลี้ยงเองที่เม่ยกั่วหยวน”
“ว้าว! เม่ยกั่วหยวน ได้ยินมาว่าสลัดผลไม้และสเต็กเนื้อที่นั่นอร่อยมาก แล้วก็แพงมากด้วย!”
“พี่หยาง พวกเราก็อยากไป!”
เมื่อได้ยินว่าเป็นเม่ยกั่วหยวน สาวๆก็เริ่มร้องฮือทันที
“ได้!” หวังหยางปรบมือ
เจียงเวยเวยลากแขนซูมู่หานแล้วยิ้ม “มู่หาน เดี๋ยวเราจะไปรอเธอที่ใต้ตึกหอพักนะ!”
เห็นได้ว่าซูมู่หานไม่อยากไป
แต่เมื่อเห็นว่าเมื่อกี้นี้หวังหยางเกือบจะออกตัวปะทะคนที่ชื่อเฉินเกอคนนั้นเพื่อช่วยเธอ และทุกคนล้วนเห็นด้วยแบบนี้แล้ว
ถ้าหากเธอบอกว่าไม่ไป ทุกคนคงไม่พอใจแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...