หานเฟยเอ๋อพึมพำอย่างสงสัย
นี่มันเสื้อสูทที่เพิ่งซื้อมาจากห้างเมื่อตอนบ่ายชัดๆ
“เฟยเอ๋อ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้จำผิด?”
เมิ่งไฉ่หรูตื่นตระหนกไปทั้งตัว
คว้าเสื้อตัวนั้นเอามาดูชัดๆ เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด นี่มันสูทของเฉินเกอ
เป็นไปได้ยังไงกัน?
ทำไมเสื้อของเฉินเกอถึงมาโผล่อยู่บนรถไมบัคนี่ได้?
สาวๆในรถต่างก็เกิดคำถามขึ้นมาพร้อมกัน พวกเธอเบิกตาโตมองไปยังไป๋หลางที่กำลังขับรถ
แต่ไป๋หลางในตอนนี้ก็กำลังทึ่งอยู่ไม่น้อย
คุณชายเฉินสั่งไว้ว่าจะให้สถานะของเขาถูกเปิดเผยไม่ได้
แต่ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดไปหมด
“นี่เป็นสูทของผมเอง ผมวางไว้บนรถเป็นปกติ!”
ไป๋หลางโกหกออกไป
หานเฟยเอ๋อกับเมิ่งไฉ่หรูมองหน้ากัน แน่นอนว่าพวกเธอไม่เชื่อ สูทตัวนี้ราคาก็แค่ห้าหกร้อย ตั้งแต่หัวจรดเท้าเฉินเกออย่างมากก็แค่พันสองพัน
แต่สูทที่ไป๋หลางใส่แค่ดูก็รู้ว่าสองสามหมื่นอัพ!
แม่เจ้า!
คงไม่ใช่ว่าเฉินเกอเคยนั่งรถคันนี้หรอกนะ?
นี่มันเรื่องอัศจรรย์ใจชัด พวกเธอตกใจอย่างขีดสุด!
“ของผมจริงๆ! เวลาปกติผมไม่พิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้า”
ไป๋หลางเห็นพวกเธอไม่เชื่อ จึงรีบเอ่ยต่อ
คำถ่อมตัวที่เขาพูดยิ่งบอกอะไรได้ชัดเจน คนเหลี่ยมจัดอย่างพวกเมิ่งหรูไฉ่มีหรือจะดูไม่ออก
จากนั้นหานเฟยเอ๋อที่ไม่เชื่อคำของไป๋หลางแต่อย่างใดจึงล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ทิ่มก้นเธอออกมา
แว็บแรกที่เห็นก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม
“นี่มันโทรศัพท์ของเฉินเกอไม่ใช่หรอ?”
เฉินเฟยเอ๋อเริ่มมือสั่น
“ไหนดูหน่อย!”
ตู้เยว่แย่งไปดู ก่อนจะพบว่าใช่เลยไม่ผิดเพี้ยน!
ไป๋หลางคิด อาจจะเป็นเพราะเมื่อกี้คุณชายเฉินกำลังรีบๆเลยลืมเสื้อกับโทรศัพท์ไว้บนรถแน่ๆ
แต่ด้วยไหวพริบของไป๋หลาง จากนี้ไม่ว่าสาวๆพวกนี้จะถามอะไรเขาก็จะปิดปากเงียบอย่างเดียว
แค่พาพวกเธอไปส่งให้ถึงโรงเรียนก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ จากนั้นเขาก็จะเหยียบคันเร่งเผ่นแน่บ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะที่ปรึกษา? เสื้อกับโทรศัพท์ของเฉินเกอวางอยู่บนรถคันนี้ ก็หมายความว่าเฉินเกอเคยนั่งมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นคนแรกที่รู้ว่าพวกเรากำลังเกิดเรื่อง หรือว่าจริงๆแล้วคนที่ช่วยเราก็คือเฉินเกอ?”
ตู้เยว่ตระหนกจนอยากร้องไห้
ใช่สิ คนที่เธอเหยียบย่ำมาตลอด วันหนึ่งเขาคนนั้นเทพจนตัวเองเทียบไม่ไม้แม้แต่เงา ก็คงเจ็บใจเหมือนโดนตะปูทิ่มอยู่ในอก
ใบหน้าของหานเฟยเอ๋อก็เริ่มซีดเช่นเดียวกัน
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง งั้นเฉินเกอเป็นใครกัน? หรือเขาคือคุณชายเฉิน? พี่ผิงฝาน?
“พอ พอ! ไม่ต้องเดาแล้ว ทุกคนอยู่ในความสงบ! เสื้อกับโทรศัพท์นี่อาจจะเป็นของเฉินเกอ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ ไม่แน่ว่าเฉินเกออาจจะนั่งรถตำรวจมาช่วยพวกเรา แต่เพราะพวกตำรวจต้องเก็บข้อมูลของผู้แจ้งความเป็นความลับ ดังนั้นจะมาเผยตัวโต้งๆเหมือนพวกเราไม่ได้ เลยพาเฉินเกอส่งกลับไปแล้ว? อะไรแบบนี้หรือเปล่า?”
เมิ่งไฉ่หรูค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เธอก็พยายามจะหาเหตุผลถูๆไถๆไป
พูดกันตามตรงเหตุการณ์นี้เหมือนครั้งที่แล้วที่เธอเกิดเรื่องไม่มีผิด
ถ้าจะมีใครที่ต้องตื่นตระหนก คนๆนั้นควรเป็นเม่งไฉ่หรูถึงจะถูก
เพราะครั้งที่แล้วพาวเวอร์แบงค์ที่เฉินเกอยืมไปก็ถูกทิ้งไว้บนรถลอยด์รอยซ์ ตอนนี้เสื้อกับโทรศัพท์ก็มาวางอยู่บนไมบัคอีก อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น?
แถมทั้งสองครั้งที่เกิดเรื่อง ก็เป็นเฉินเกอที่รู้เป็นคนแรก
ตอนนี้เมิ่งไฉ่หรูไม่กล้าจะเอาสองเรื่องนี้มาคิดรวมกัน
“เอาล่ะ ไม่งั้นเอาแบบนี้ พวกเราไปหาเฉินเกอที่หอพักแล้วถามให้รู้เรื่องกันไปเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันยังไงกันแน่?” เมิ่งไฉ่หรูพูด
“อืม หรือไม่ก็โทรถามเฉินเกอก็ได้นี่!” จู่ๆตู้เยว่ก็นึกขึ้นได้
หานเฟยเอ๋อยักไหล่อย่างหมดปัญญา “ไม่ได้ผล เมื่อกี้ฉันลองโทรแล้ว แต่โทรศัพท์เครื่องนี้แบตหมด! แค่พวกเราถือเสื้อกับโทรศัพท์นี่ไปหาเฉินเกอก็จะรู้ความจริงกันเอง!”
หอพักชาย
เฉินเกอถอดเสื้อผ้าออก สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นนอนแผ่หราอยู่ในห้อง
เสียงปังดังขึ้น จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก
“เฮ้ย!”
ก่อนจะมีเสี่ยงร้องโหยหวนของหยางฮุยตามมาติดๆ เมื่อมองตามไปก็เห็นว่าหยางฮุยกำลังถือกะละมังบังภาพด้านนอกจนมิด
“ที่ปรึกษา หายเฟยเอ๋อ พวกคุณจะทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...