บทที่285 กลับกัน
“หึ ฉันจะต้องสนใจด้วยเหรอว่าเธอเป็นใคร สรุปคือเธอทำซุปหกรดตัวฉัน ฉันจะตบเธอ ก็แค่พนักงานตัวเล็กๆไม่ใช่เหรอมีดีอะไรหนักหนา
หลินเยว่พูดขึ้น
แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังมีนิสัยเอาแต่ใจ
ยังไงเสียที่นี่ก็มีอิทธิพลของหยูเฉียงก็เห็นได้ชัดว่ามีอยู่มาก
อีกอย่างนะ ตอนแรกวันนี้ตัวเองก็โดนคนที่ชื่อหวางหมินนั่นแย่งจุดสนใจไปบ้างแล้ว หลินเยว่ภายในใจของหลินเยว่รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เหรอ ตัวเองไม่ได้แค่โดนคนอื่นทำแกงหกใส่ ก็แค่สั่งสอนเธอนิดหน่อยกลับโดนผู้จัดการร้านอาหารด่าเอาอีก
จริงๆเชียว......
สรุปคือตอนนี้หลินเยว่แทบจะระเบิดแล้ว
“ฉุนเยว่หนูไม่ต้องร้องไห้นะ ฉันจะรีบไปโทรศัพท์หาผู้จัดการหวางตอนนี้เลย ให้พ่อของหนูมากจัดการ!”
หวางฉุนเยว่คนนี้ พ่อของเธอก็คือผู้จัดการใหญ่ของจุดชมวิว แล้วก็ยังเป็นคนจัดการเรื่องแผนกิจกรรมในจุดชมวิวตอนนี้ด้วย
แถมยังเป็นคนที่จินหลิงส่งมาอีก
แน่นอนว่าเขานั่นต้องแน่พอสมควร
เก่งกว่าผู้จัดการของจุดชมวิวที่นี่มากด้วย
แต่ว่าตัวหวางฉุนเยว่เองก็แค่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาทำงานพาร์ทไทม์
ไม่รู้ว่าจะพูดว่าบังเอิญดีไหม วันนี้คือวันแรกที่เธอมาทำงานพาร์ทไทม์ แถมยังขอพ่ออยู่ตั้งนานกว่าจะมาได้ ผลลัพธ์กลับโดนตบเสียได้
“โทรสิๆ ฉันมีพี่เฉียง ไม่กลัวพวกแกหรอก!” หลินเยว่ดึงข้อศอกของหยูเฉียง
ทุกคนในวงก็ลากสายตาไปทางหยูเฉียง
หยูเฉียงเองก็รักในหน้าตาศักดิ์ศรี โดยเฉพาะหลินเยว่ในตอนนี้ที่กำลังใช้ตัวเองเป็นข้ออ้างในการเอาแต่ใจ
ดังนั้นในตอนนี้ ก็เลยลุกขึ้นนิ่งๆ “ร้านอาหารร้านนี้นี่มันเก่งกันจริงๆนะ ได้ ผมจะรอดูว่าคุณจะเรียกใครมา! หลินเยว่เธอไม่ต้องกลัวนะก็แค่เรื่องที่ฉันโทรศัพท์สายเดียวเอง!”
หยูเฉียงว่า
ต่อจากนั้น คนของทางฝั่งนั้นก็เริ่มโทรศัพท์
หลินเยว่กลับด่ากราดไม่หยุด
ไม่นาน รถออดี้ A6สีดำสามคัน ก็เบรกจอดหน้าประตูร้านอาหารอย่างกะทันหัน
“ใครมันตบลูกฉัน แม่งเอ้ย ฉันว่าแกนี่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”
ชายสวมสูทในวัยกลางคน เดินมาพร้อมกับคนอีกเจ็ดแปดคน
ดูดุดัน เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นคนที่ไม่มีการศึกษา
ในตอนนี้ หลินเยว่รู้สึกกลัวเล็กน้อย แล้วหันมองไปขอความช่วยเหลือทาง หยูเฉียง
“ประธานหวาง เป็นเธอค่ะ เธอตบฉุนเยว่หนึ่งครั้ง!”
ผู้จัดการร้านอาหารรีบชี้นิ้วไปที่หลินเยว่แล้วพูดขึ้น
“แม่ง ฉันว่าแกใจกล้ามากนะ จับตัวมันเอาไว้!”
ประธานหวางโบกมืออย่างแรง บอดี้การ์ดก็ขยับ
เห็นหยูเฉียงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไป ท่าทางเหมือนกันที่เข้าใจปัญหาทางสังคมเป็นอย่างดี “แหะๆ ผู้จัดการหวางใช่ไหมครับ เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันครับ ไม่อย่างนั้นให้ผมโทรศัพท์หารองผู้จัดการหวางดีไหมครับ? ยังไงนี่ก็เป็นผู้จัดการของทางนี้ที่ให้ผมเข้ามาเที่ยว! มีเรื่องผิดใจกัน ใครๆก็เสียหน้ากันทั้งนั้น ! คุณว่ายังไงครับ?”
แน่นอนว่าหยูเฉียงก็มีคนหนุนหลังที่ใหญ่พอสมควร
ตอนนี้เริ่มจากพูดถึงเส้นสายของตัวเองก่อนดีกว่า แล้วค่อยดูว่าผู้จัดการหวางคนนี้จะเอายังไงต่อ
“แม่งเอ้ย ไอ้เจ้าเสี่ยวลี่ เสี่ยวหวังใหญ่แค่ไหนกันเหรอ แกพูดถึงพวกมันเพื่อที่จะขู่ฉันใช่ไหม? เห้ย แหกตาดูเสียบ้าง!”
เพี๊ยะ!
ผู้จัดการหวางยกมือขึ้นมาตบของหยูเฉียงไปเต็มๆหนึ่งครั้ง
แรงตบครั้งนี้ถือว่าแรงใช้ได้ อีกนิดหยูเฉียงก็เกือบจะล้มลงไป
“หยูเฉียง!”
“พี่เฉียง!”
หวางหมินกับหลินเยว่พูดขึ้นพร้อมกัน
“เหอะ พวกคนกลุ่มนี้ทำไมถึงได้วางท่ากันขนาดนี้นะ พวกมันยังคิดว่าที่จุดชมวิวแห่งนี้เป็นประธานหลี่กับรองผู้จัดการหวางที่เป็นคนสั่งได้ พวกมันไม่รู้เลยว่า พวกมันสองคนจะต้องมาดูอารมณ์ของประธานหวางถึงจะได้ใช่ไหม!”
ในเวลานี้ผู้จัดการร้านอาหารก็พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“อะไรนะ?”
พอได้ยินถึงตรงนี้ หยูเฉียงที่คิดจะเอาคืนในตอนแรกก็ชะงักไป
รองผู้จัดการหวางก็ต้องเกรงใจคนๆนี้งั้นเหรอ?
และในตอนนี้หลินเยว่ก็ร้องขึ้นเสียงหลง
เพราะว่ามีบอดี้การ์ดสองคนมาดึงผมเธอเอาไว้แน่น แล้วตบเธออยู่สองสามครั้ง
สถานการณ์ตรงหน้าเกินกว่าที่จะควบคุมเอาไว้ได้
“บอกพวกแกให้นะ วันนี้พวกแกทำลูกสาวของฉันเรื่องนี้ไม่จบแน่ โดนจัดการกันทุกๆคน ใครก็อย่าคิดแม้แต่จะหนี!”
ผู้จัดการหวางรักลูกสาวตัวเองมาก ในตอนนี้ก็พูดขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ
คิดไม่ถึงว่าก็แค่ข้าวหนึ่งมื้อจะดำเนินมาถึงขั้นนี้
แม้แต่พวกหวูเชี่ยนเองก็หนีไม่พ้น
“ผู้จัดการหวาง แต่พวกเราไม่ได้ตบลูกสาวของคุณนี่ครับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...