ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 303

บทที่ 303 ต้องเกิดเรื่องกับเพื่อนของคุณแน่

หูฮุ่ยหมินกระดิกนิ้วเรียกเฉินเกอให้มาหา

ด้วยสถานะของเฉินเกอในตอนนี้ เขาเองก็ไม่อยากที่จะไปอย่างนี้

เพราะว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องทำตามที่หูฮุ่ยหมินนั้นบอก

เมื่อก่อน ในสมัยตอนที่เรียนอยู่นั้น มีอยู่หลายครั้งที่ตอนเข้าร่วมการแข่งขันกิจกรรมทางวิชาการนั้น

ที่หูฮุ่ยหมินเธอทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม จนเกิดความเคยชิน

“เฉินเกอ ที่บอกให้นายยกลังน้ำเปล่าไป ยกแล้วหรือยัง”

“เฉินเกอ ช่วยคนอื่น ๆ แบกสัมภาระหน่อยสิ”

“……”

เพราะเป็นแบบนี้ หูฮุ่ยหมินก็เลยเกิดความเคยชิน

เมื่อได้ยินคำพูดดังนั้น เฉินเกอก็เลยยิ้มเย้ยในใจ แต่ว่าก็ได้เดินเข้าไป

“ฮ่า ๆ คงจะใช่จริง ๆ เฉินเกอฟังคำพี่ด้วย”

“กล้าที่จะไม่ฟังหรอ ไม่ต้องพูดหรอกว่าพี่ฮุ่ยหมินเมื่อก่อนนั้นจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม และตอนนี้ฮุ่ยหมินเองเก่งจะตาย หากไม่ฟังก็จับเขาไปเลย ฮ่า ๆ ”

ผู้หญิงคนหนึ่งได้พูดขึ้น

“เฉินเกอ ฉันจำได้ว่า เมื่อก่อนนายจนมาก ทำไมยังมาดื่มเหล้าที่ร้านเหล้าได้ล่ะ ทำไมหรอ รวยขึ้นแล้วหรอ”

หูฮุ่ยหมินถามขึ้น

เมื่อครู่เธอเองก็ดูไม่สบายใจเท่าไร

“อะไรนะ เฉินเกอจนมากเลยหรอ” ผู้หญิงเหล่านั้นตกใจ

“ใช่ละ เมื่อก่อน สมัยมัธยมปลาย บ้านของเฉินเกอนั้นขึ้นชื่อเรื่องความจนเลยล่ะ ในหนึ่งวันเขาได้กินแค่ข้าวมื้อเดียวเอง บางครั้งก็แทบไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม จนพวกเธอจินตนาการได้ออกเลยล่ะ”

หูฮุ่ยหมินพูด

คำพูดของเธอไม่ได้แฝงไว้ด้วยความหมายอื่น

แต่เป็นเพราะว่า ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา คิดสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้น แทบจะไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเฉินเกอเลย

ตั้งแต่มัธยมก็เป็นแบบนี้

คำพูดที่ทำให้คนอื่นฟังแล้วรู้สึกไม่ดี หูฮุ่ยหมินก็ยังสามารถพูดออกมาได้ ต่อหน้าคนมากมาย

สงสัยว่าในสายตาเธอ คิดว่าความจนนั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่ว ๆ

แต่ว่าเมื่อครู่ สายตาของผู้หญิงเหล่านั้นที่มองเฉินเกอต่างก็ดูมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นดูสงสารและเห็นใจเขา

เพราะเมื่อครู่ทุกคนต่างคิดว่า นี่คือคุณชายดี ๆ คนหนึ่ง

“ก็จริงแหละ ปกติแล้วก็ควรให้ความสำคัญกับการเรียน ต้องเรียนให้สูง ๆ ใส่ใจกับการเรียนดีที่สุด”

“ใช่แล้ว เมื่อก่อน มีเพื่อนมัธยมต้นคนหนึ่ง เขาหรอ สุขภาพไม่ค่อยดีตั้งแต่เด็ก ๆ สมองก็เลยไม่ค่อยดีเท่าไร หลังจากนั้น เขาก็ได้ไปทำธุรกิจตั้งแต่เนิ่น ๆ และตอนนี้เขามีกิจการร้านค้าเป็นของตัวเองแล้ว ส่วนเฉินเกอ นายเองก็ต้องขยันให้มาก ๆ นะ”

เฉินเกอไม่ทันได้พูดอะไร พวกเธอสามสี่คนก็ได้พูดต่อกันไม่หยุดปาก

เฉินเกอเองก็ไม่ได้อธิบายอะไร ทำได้แต่อมยิ้มไว้

“พอแล้วฮุ่ยหมิน ฉันว่าพวกเราไปหาเหล้าดื่มดีกว่า”

เฉินจุนเหวินมือล้วงกระเป๋า แล้วปากก็คาบบุหรี่ไว้ สำหรับเขาแล้ว เฉินเกอนั้นไม่ควรที่จะมีความคิดเห็นใด ๆ เสนอออกมา

“ได้สิ ๆ แล้วเฉินเกอ นายจะไปยังไง”

มีผู้หญิงคนหนึ่งได้พูดขึ้น

“เขาจะไปทำอะไรล่ะ เรื่องที่พวกเราคุยกัน เขาไม่เข้าใจหรอก”

หูฮุ่ยหมินพูดขึ้น

ทีแรก เธอก็รู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเธอคงจะเกรงใจ

ด้วยความที่หูฮุ่ยหมินนั้นกลัวว่า เฉินเกอจะไม่รู้จักมารยาทในการเข้าสังคม ถ้าหากไปด้วยกันแล้วกลัวจะวุ่นวายไปกันใหญ่

เพราะในบริบทแบบนี้แล้วนั้น หากให้เขาไปด้วย หูฮุ่ยหมินเองก็คงรู้สึกไม่วางใจเหมือนกัน

จากนั้น เธอก็ยิ้มและโบกมือให้กับเฉินเกอ และพวกเธอก็ได้ออกจากร้านเหล่านั้นไป

ที่ประตูของร้านเหล้านั้น ดูเหมือนว่าบอดี้การ์ดเทียนหลงตี้หูนั้นคงจัดการเรื่องข้างในเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนยืนดูดบุหรี่ที่กำแพงแล้วมองมาที่เฉินเกอ

ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนั้นได้ยืนรอเฉินเกอมาแล้วสักพัก

“จัดการเรียบร้อยแล้วหรอ แล้วหยางลู่ล่ะ”

เฉินเกอถาม

“ร้องไห้อยู่ข้างในครับ”

เทียนหลงยิ้มแล้วก็พูดขึ้น

เฉินเกอทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วก็ยิ้ม จากนั้น ทั้งสามคนก็ได้เดินออกมาพร้อมกัน

“คุณชายเฉิน คนเหล่านั้นเป็นเพื่อนคุณหรอครับ”

เมื่อเดินออกมาแล้ว เทียนหลงได้ถามขึ้น

“หนึ่งคนในนั้นเป็นเพื่อนฉัน เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลาย มีอะไรหรือเปล่า ”

“ดูจากท่าทางแล้ว พวกเขาไม่น่าจะใช่จบจากโรงเรียนตำรวจนะ แต่น่าจะจบจากโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะดูเหมือนว่าจะได้รับการฝึกแบบทหารมา”

ตี้หูที่กำลังดูดบุหรี่และได้พูดขึ้น

“พวกนายนี่เก่งจริง ๆ ดูออกขนาดนั้นเลยหรือ คนที่ฉันคุยด้วยนั้น ชื่อ หูฮุ่ยหมิน จบจากโรงเรียนตำรวจ ตอนนี้เธอทำงานที่กองบังคับคดี เก่งมากเลยนะ ”

“ในเมื่อเป็นเพื่อนของคุณ งั้นผมจะพูดตรง ๆ เลยนะครับคุณเฉิน เพื่อนของคุณและเพื่อนร่วมงานของเขา คืนนี้ต้องเกิดเรื่องแน่”

เมื่อเทียนหลงถามรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ก็ได้พูดขึ้น

“อะไรนะ”

เฉินเกอตะลึง

“เมื่อครู่ที่พวกเราเห็นพวกเขาได้เดินออกไปนั้น มีอยู่สองคนสะกดรอยตามพวกเขาไป แถมทั้งสองคนนั้นยังพกปืนไว้อีกด้วย และทั้งสองคนนั้นดูโหดเอาเรื่องไม่เบาเลยนะ เหมือนกับเคยได้รับการฝึกแบบทหารมา เพื่อที่จะมาฆ่าคนเลยแหละ”

เทียนหลงพูด

ที่จริงแล้ว คำพูดเหล่านี้หากไม่ใช่ว่าบอดี้การ์ดเทียนหลงตี้หูเป็นคนพูดออกมา เฉินเกอเองคงไม่เชื่อ

เมื่อครู่เฉินเกอดูหูฮุ่ยหมินและคนอื่น ๆ เดินออกไปนั้น

ก็ไม่ได้สังเกตเหตุการณ์ดังกล่าว

แต่ว่าตัวเองเป็นใครล่ะ ความสามารถในด้านนี้จะสู้บอดี้การ์ดเทียนหลงตี้หูได้อย่างไรกัน

และทั้งสองคนนี้ คงไม่ล้อเล่นกับตัวเองแน่นอน

หาจจะพูดไปแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้สนิทกับหูฮุ่ยหมินขนาดนั้น แค่ตอนที่เรียนมัธยมปลายนั้น รู้จักกันในฐานะหัวหน้าและลูกน้องเท่านั้นเอง

แต่ว่านะ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเพื่อนในสมัยเรียน

ตัวเองรู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดเรื่อง หากไม่เข้าไปช่วยเหลือ แล้วจะนิ่งดูดายได้อย่างไร

ในตอนนั้น เฉินเกอเองก็ไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เพราะว่า หลังจากนี้เรื่องที่ตัวเองนั้นต้องการจะทำยังมีอีกเยอะ

ทันใด ในใจก็คิดวางแผนเอาไว้

เมื่อหลังจากที่บอกกับบอดี้การ์ดเทียนหลงตี้หูแล้ว

จากนั้นเฉินเกอก็พุ่งตรงไปยังร้านเหล้าที่หูฮุ่ยหมินนั้นได้ไป

เมื่อตอนที่เขาไปถึงนั้น พวกเธอก็ได้เริ่มดื่มกันแล้ว

“พู! ฮุ่ยหมิน เธอดูสิ เฉินเกอมาได้ยังไง”

ผู้หญิงคนหนึ่งสำลักเหล้าพุ่งออกมา ตกใจแล้วชี้นิ้วไปที่เฉินเกอ

ส่วนเฉินเกอก็หาพวกเธอเจอ จากนั้น ก็เดินเข้าไปหา

“นายตามมาทำไม”

หูฮุ่ยหมินขมวดคิ้วด้วยความอยากรู้

คิดว่าเฉินเกอกำลังเล่นตลกอะไรอยู่แน่

เลยพูดออกไปด้วยอาการโมโห

เอาใหญ่เลยนะ เมื่อครู่แค่ทำเป็นเกรงใจนายแค่หน่อยเดียว นายเลยคิดว่าพวกเราจะเชิญนายมาดื่มเหล้าด้วยเลยหรือ โห้ นายเป็นใครกัน

“ที่ฉันมาแค่อยากจะบอกเธอว่า วันนี้พวกเธอควรจะกลับบ้านกันให้เร็วหน่อย มันอันตราย มีคนอยู่หลายคนเฝ้ามองพวกเธออยู่”

เฉินเกอพูด

ตัวเองก็สามารถพูดได้แค่นี้ ถือว่าเป็นการเตือนหูฮุ่ยหมินแล้วกัน

“หรอ มีคนเฝ้าดูพวกเราอยู่หรอ ใครกัน แล้วฉันทำไมไม่เห็น เฮอะ ๆ พวกเราทำอาชีพอะไร นายทำงานอะไร หากมีคนเฝ้ามองพวกเราจริง ก็คงเป็นนายนั่นแหละที่คอยเฝ้ามองพวกเราอยู่ ”

คำพูดแบบนี้ หากว่าผู้บังคับบัญชาเป็นคนพูด หูฮุ่ยหมินและคนอื่น ๆ คงจะให้ความสำคัญแล้ว

หรือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาพูดแบบนี้ หูฮุ่ยหมินเองก็รู้สึกขอบคุณอยู่มาก

แต่นี่ เฉินเกอเป็นคนพูดออกมา หูฮุ่ยหมินเอง เลยคิดว่าเป็นการดูถูกอาชีพของตัวเองยิ่งนัก

ก็เหมือนกับว่า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นดั่งเสื้อที่คอยเฝ้าระวังเหยื่ออยู่ แต่กลับมีหมูวิ่งมาบอกกับตัวเองว่า กำลังจะมีอันตรายเกิดขึ้น

ก็คงจะรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา

และสีหน้าของหูฮุ่ยหมินยิ่งเพิ่มความโกรธออกมา

และครั้งนี้ที่เฉินเกอมา ก็รู้ผลและได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

จากนั้น ก็ได้แค่พยักหน้า แล้วเดินจากไป

“คนคนนี้ช่างน่าเกลียดจริง ๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครหรอ ทำมาเป็นวางท่าอยู่ได้”

“ใช่แล้ว ฮุ่ยหมิน ตอนที่เขาเรียนกับเธออยู่นั้น ก็มักจะชอบทำให้คนอื่นเกลียดอย่างนี้หรอ”

ผู้หญิงเหล่านั้นต่างก็คิดว่าเฉินเกอเป็นคนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน

“ไอ่หย่า ไม่อยากจะพูด จะพูดถึงเขาทำไมกัน เสี่ยวเหมิงเสี่ยวเถียน ป่ะ ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

หูฮุ่ยหมินพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน