ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 337

บทที่ 337 ออกเดินทาง

และในตอนที่เฉินเกอรับโจ๊กให้ซูมู่หานเรียบร้อยแล้ว

ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดู จากนั้นก็เห็นข้อความจากเบอร์แปลกหน้า

พออ่านเนื้อหาของข้อความจบแล้ว ทั้งตัวเองเฉินเกอตกใจไปหมด

ซูมู่หานจะกลับก่างเต่าแล้ว

ตัวเองยังไม่ทันอธิบายกับเธอเลย

ขณะนั้น รีบขับรถตรงไปทางสนามบิน

ระหว่างทาง ก็ไม่หยุดที่จะโทรหาซูมู่หาน

ปรากฏว่าซูมู่หานไม่รับสายเลย

จนกระทั่งขับไปถึงข้างนอกสนามบิน แล้วเห็นเครื่องบินค่อยๆ บินขึ้นไป

เฉินเกอกระวนกระวายจนจะสั่งเฮลิคอปเตอร์บินตามขึ้นไปแล้ว

ติ๊ง

ขณะนั้นนี้ในโทรศัพท์มีข้อความเด้งขึ้นมา

ซูมู่หานเป็นคนส่งมาเอง

“เฉินเกอ ฉันกลับก่างเต่าก่อนนะ เรื่องบางอย่าง นายไม่ต้องอธิบายกับฉันแล้ว เพราะว่าฉันเชื่อใจนาย ก่อนหน้านี้ ฉันก็เพราะว่าหึงนาย ประชดนายอยากให้นายมาปลอบฉัน ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของนายเลย! นายไม่ต้องมาหาฉันนะ ให้เวลาฉันหน่อย! มู่หานที่รักนายตลอดไป!”

ขณะที่ดูข้อความ เฉินเกอกระวนกระวายจนหัวฟูไปหมด

นี่หมายความว่าอะไร

ทำไมจู่ๆ มู่หานถึงพูดแบบนี้

ทุบไปที่พวงมาลัย เฉินเกอคิดอยู่ว่า ไม่เจอกันนานขนาดนี้ และไม่ได้พูดอะไรกันเลย ก็จากไปแล้ว

ในตอนที่เฉินเกอกลับมาถึงโรงพยาบาล อารมณ์ก็มีความเศร้าเล็กน้อย

อดไม่ได้ที่จะให้ซูเฉียงเวยลองพิจารณาดู

ข้อความนี้หมายความว่าอะไร ซูมู่หานจะเลิกกับเขาหรือว่าอะไร?

จากนั้นเฉียงเวยก็ยิ้มเลย

“นี่ไม่ใช่บอกเลิก นายไม่เห็นหรอว่าพี่สะใภ้กลัวว่านายจะคิดมาก ยังเพิ่มคำว่ารักนายตลอดไปด้วยไม่ใช่หรอ นี่ก็หมายความว่า พี่สะใภ้อยากจะอยู่เงียบด้วยตัวเองสักพัก!”

เฮ้อ พูดไปพูดมา ก็คือโกรธตัวเองแล้ว

ถ้าหากไม่ได้ไปช่วยฉินหยา สภาพแบบนั้นก็ไม่มีทางถูกมู่หานเห็นพอดี และก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว!

แต่ว่าในเมื่อมู่หานพูดว่าเธออยากจะอยู่เงียบๆ สักพัก ตัวเองก็ไม่มีทางรบกวนเธอหรอก

รอให้ตัวเองกลับไปที่เมืองฉู่ชวนหาเมิ่งซินเจอแล้ว ตัวเองค่อยไปหาเธอที่ก่างเต่าละกัน

แบบนี้แหละ ในวันที่สอง

เฉินเกอ ซูเฉียงเวย แน่นอนแล้วว่าจะมีท่านลุงฉินอีฝาน สองสามคนนี้นั่งรถไฟความเร็วสูงตรงไปที่เมืองฉู่ชวน

ครั้งนี้ที่ไป หลักๆ คือเฉินเกอจะไปตามหาคน บวกกับที่เมืองฉู่ชวน ก็มีโรงอุตสาหกรรมเล็กๆ ที่พี่สาวเคยลงทุนไว้อยู่ พี่สาวก็คงจะลืมไปแล้ว

หลี่เจิ้นกั๋วเป็นคนพูดด้วยแหละ

และมีการตอบรับที่ดีพอดี หาคนคนหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็เพิ่มเงินและความสัมพันธ์ที่ดีไปด้วย คงจะใช้เวลาไม่กี่วัน

“คุณปู่ฉิน ทานผลไม้หน่อยค่ะ! ฉันปอกเสร็จหมดแล้ว!”

ซูเฉียงเวยยังมีความอ่อนเพลียเล็กน้อย

แต่ว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอรู้สึกของคุณฉินอีฝานที่ช่วยชีวิตเธอไว้มาก ตลอดระยะทางเธอดูแลฉินอีฝานและเฉินเกอเป็นอย่างดี

“ท่านลุงฉิน บ้านของนายอยู่ไหน?”

“ฉันลืมไปแล้ว เดี๋ยวรอไปถึงเมืองฉู่ชวนค่อยลองหาดู!”

ฉินอีฝานพูด

เฉินเกอไม่พูดอะไร แค่ยิ้ม

“เฉินเกอ? ทำไมนายถึงกำลัง?”

และในตอนที่เฉินเกอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างคิดเรื่องบางอย่างอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงสงสัยของผู้หญิงดังขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนที่นั่งรถไฟอยู่ก็สามารถเจอคนรู้จักได้ เฉินเกอกันไปมอง

คือหูฮุ่ยหมิน

และข้างๆ ของเขา ยังมีเฉินจุนเหวินเจอครั้งที่แล้วนั่งอยู่ด้วย และยังมีอีกไม่กี่คนที่ไม่คุ้นหน้า

สิ่งที่ทำให้เฉินเกอตกใจคือ การแต่งตัวของพวกเขานั้น ไม่ใช่รูปแบบตามปกติเลย

ตอนนี้มองขึ้นไปแล้ว เหมือนเป็นการแต่งตัวของนักเรียนเลย

ส่วนผู้หญิงคนนั้น ขณะนั้นมองมาทางเฉินเกอตามหูฮุ่ยหมิน

“ฉันไปเมืองฉู่ชวน! เธอไปไหน?”

เฉินเกอพูดเบาๆ

ไม่ว่ายังไงแล้วหูฮุ่ยหมินก็เป็นเพื่อนของตัวเอง เป็นหัวหน้าตอนสมัยมัธยมปลาย

ฉะนั้นเฉินเกอจึงไถ่ถาม

“พวกเราก็ไปเมืองฉู่ชวน แต่ว่าไปทำอะไรนั้นนายก็ไม่ต้องถามแล้ว!”

หูฮุ่ยหมินเบาๆ

คิดในใจว่าบังเอิญจริงๆ

อยู่ที่ไหนก็เจอเขาตลอด

ส่วนเฉินเกอก็สุดยอดจริงๆ ปล่อยรถไฟฟ้าสีเขียวไม่นั่ง แต่มานั่งรถไฟแบบนี้สะแล้ว

แค่พูดคุยทักทายกันธรรมดา หลังหูฮุ่ยหมินตอบกลับเฉินเกอไปไม่กี่คำแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ส่วนเฉินเกอนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นมิตรเกินไปแล้วได้ความเย็นชาของคนอื่นกลับมา

แต่ก็ช่างมันเถอะ

เฉินเกอก็ไม่มีใส่ใจอะไรกับเธออยู่แล้ว

แต่ว่าดูแล้ว หูฮุ่ยหมินน่าจะไปทำจัดการเรื่องลับที่เมืองฉู่ชวน

เฉินเกอเองก็ไม่ได้สนใจอะไร

ขณะนั้น ซูเฉียงเวยปอกผลไม้อีกลูกหนึ่งเสร็จแล้ว

เพราะว่าเฉียงเวยดูออก เฉินเกอรู้จักกับหูฮุ่ยหมิน

พวกกับที่นั่งของหูฮุ่ยหมินก็นั่งใกล้กับเฉินเกอ

ฉะนั้นซูเฉียงเวยจึงถามหูฮุ่ยหมินด้วยรอยยิ้ม “คุณผู้หญิงหู ฉันพึ่งปอกผลไม้เสร็จ คุณทานด้วยกันไหมคะ?”

ซูเฉียงเวยจิตใจดีและเป็นมิตร

จึงยอมหูฮุ่ยหมิน

“ขอบคุณค่ะ ฉันไม่ทานผลไม้!”

หูฮุ่ยหมินพูดเบาๆ

ในสายตาของเธอ เฉินเกอเป็นคนที่ต่ำต้อย ฉะนั้น กับเพื่อนของเฉินเกอแน่นอนว่าเธอก็ดูถูกเหมือนกัน

นี่ก็เหมือนว่าเธออยู่ในวงการหนึ่ง ไม่มีฐานันดรความเป็นอยู่ ทุกคนต่างก็ดูถูกเธอ

แล้วเธอก็พาเพื่อนของเธอเข้ามาในวงการนี้ แน่นอนว่าคนอื่นก็ต้องดูถูกเพื่อนเธอไปด้วย

แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าเธออยู่ในวงการนี้เป็นคนที่เก่งมาก เพื่อนที่เธอแนะนำมาทุกคนต่างก็จะเข้ามา พยายามทำดีด้วย

ตอนแรกซูเฉียงเวยอยากให้เฉินเกอมีหน้ามีตาต่อหน้าเพื่อนๆ คิดไม่ถึงว่า คุณผู้หญิงหูที่หน้าตาสวยๆ คนนี้เหมือนจะไม่ค่อยชอบตัวเอง

ซูเฉียงเวยหน้าแดง นำผลไม้กลับคืนมา

“หุ้ยหมิ่น นี่คือส้มเขียวหวานที่ญาติฉันส่งมาจากบ้านเก่า หวานมากเลย ฉันปอกให้เธอชิมดูนะ!”

เฉินจุนเหวินแค่ฝืนยิ้มไปหนึ่งที

พอมาถึงตำแหน่งอย่างคนพวกนี้ ก็มีคนประจบประแจงมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งแล้วพวกหล่อนจะมองเห็น ให้โอกาสได้ประจบประแจง

ขณะนั้นหูฮุ่ยหมินพยักหน้าแล้ว

“ส้มเขียวหวานที่จินหลิงของพวกเธอมีชื่อเสียงมาก พวกเราอยู่ทางตอนเหนือ ก็อยากจะลองชิมดูอยู่นะ!”

ข้างหน้า มีผู้หญิงไม่กี่คน ขณะนี้กำลังพูดกันอย่างสนุกสนาน

ถึงแม้ว่าพวกเธอจะรวมกลุ่มกันจากต่างที่ต่างแดน

“ได้ได้ได้! ให้พวกเธอ!”

เฉินจุนเหวินพูดพร้อมหัวเราะ แล้วนำส้มให้พวกเธอ

ส่วนตัวเองได้ปอกให้หูฮุ่ยหมินเรียบร้อยแล้ว

หูฮุ่ยหมินกินไปชิ้นหนึ่ง “อื้ม หวานจริงๆ!”

หลังจากนั้นคนที่เหลือก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่มีอยู่ในบ้านเกิดของตัวเอง

เฉินเกอเห็นว่าเฉียงเวยหน้าแดงไปหมดและอึดอัดมาก

ที่จริงแล้วในใจก็รู้สึกโมโหเหมือนกัน

ไม่ว่ายังไงแล้วหูฮุ่ยหมินก็ค่อยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว

จึงตบไหล่ของซูเฉียวเวย แล้วปอกส้มให้ซูเฉียงเวยด้วย

“เฉินเกอ พวกเราไปจิงเฉิงยังไง?”

ซูเฉียงเวยถามขึ้นในตอนนี้

“พอถึงเวลาแล้วพวกเราหารถไป ไม่มีเรื่องอะไรพิเศษ ยังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากโรงอุตาหกรรมที่เมืองฉู่ชวน! พอถึงเวลาแล้วค่อยดูอีกทีละกัน!”

เฉินเกอพูด

ไม่ว่ายังไงแล้วเรื่องที่คุณพ่อสั่งเอาไว้ คือต้องตรวจสอบอย่างลับๆ ตอนนี้ จึงให้หลี่เจิ้นกั๋วรู้เพียงคนเดียว

สำหรับคนอื่นๆ นั้น ต่างก็คิดว่าเฉินเกอจะมาเที่ยวที่เมืองฉู่ชวน

ฉะนั้นตอนนี้เฉินเกอไม่มีความต้องการอะไร และไม่ได้บอกพี่สาวเกี่ยวกับโรงอุตสาหกรรมที่เมืองฉู่ชวน

ได้ยินมาว่าธุรกิจไม่ได้ใหญ่มาก ต่างกับจินหลิงเยอะเลย

ในพริบตาเดียว เวลาสี่ชั่วโมงก็ผ่านไปแล้ว

เข้าใกล้ช่วงตอนเย็น

ขณะนี้ ข้างนอกสถานีรถไฟเมืองฉู่ชวน

มีรถหรูสิบกว่าคันจอดรออยู่

“ทำไมยังไม้มาเนี่ย? ยืนจนจนเหนื่อยแล้ว ประธานจู ท่านถึงขั้นออกตัวแล้ว นี่มารับใครกันเนี่ย?”

“หุบปากยืนดีๆ ถ้าหากนายไร้มารยาทหรือล่วงละเมิดท่านนี้ไป นายรับผลที่ตามมาเองได้เลย!”

ประธานจูคือชายวัยกลางคนหนึ่งหนึ่ง ขณะนี้กำลังพูดอย่างจริงจังกับผู้จัดการหญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกน้องตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน