บทที่368 เตะสวี่หยางหยางล้ม
“เธอเป็นบ้าหรือ?”
เฉินเกอด่าว่าออกมา
“ฮึ่ย ไม่ใช่ว่าพี่เฟยแพ้แล้วหรอกหรือ ทำไมนายจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้? นายเองก็ไม่ได้ดูตัวเองเลยสินะ แน่จริงก็ขึ้นไปแข่งสิ!”
สวี่หยางหยางว่า
อีกทั้งราวกับว่าต้องการระบายความโมโหและความไม่พอใจทั้งหมดออกมากับเฉินเกออย่างไรอย่างนั้น
และเวลานี้เองที่เธอหยิบเอาขวดน้ำแร่ออกมา แล้วสาดไปที่ร่างของเฉินเกอ
เฉินเกอหลบ ขณะนั้นเฉินเกอรู้สึกโมโหเสียจนอยากจะตบสวี่หยางหยางเสียด้วยซ้ำ
ดีตรงที่เพื่อนๆที่ล้อมดูกันอยู่นั้น เข้ามาดึงตัวสวี่หยางหยางออกไปเสียก่อน
แบบนี้ถึงไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้น
ส่วนหูฮุ่ยหมินนั้น ก็เหลือบมองไปยังเฉินเกอที่ถูกโจมตี หลังจากนั้นสายตาจึงไปหยุดอยู่ที่ร่างที่ดูมีหน้ามีตาอย่างไม่มีขีดจำกัดของเฉินจุนเหวิน เขาไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียวจริงๆ
และในตอนนี้ กรรมการผู้ตัดสินท่านหนึ่งเดินขึ้นเวทีไป
เขามาอยู่ตรงหน้าเฉินจุนเหวิน
แล้วเอ่ยพูดกับเฉินจุนเหวิน : “ผมไม่เคยเห็นคนที่ยังวัยรุ่นๆแล้วสามารถทำมาตรฐานแบบนี้ออกมาได้มาก่อนเลย อีกทั้งมีการเคลื่อนไหวที่งดงามด้วย สมกับที่เป็นแชมป์ระดับเยาวชนของมณฑลเจียงหนาน!”
กรรมการผู้ตัดสินดูแล้วอายุน่าจะราวๆสี่สิบปี คงจะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในวงการนี้เป็นอย่างดี
เฉินจุนเหวินเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เหอๆ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานการเคลื่อนไหวที่งดงามแล้ว บางคนกลัวว่าจะไม่เห็นการเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นมาตรฐานมากกว่ารึเปล่า?”
และเวลานี้เองที่น้ำเสียงของผู้หญิงที่ดูไม่พอใจก็ดังขึ้นมา
แล้วเสียงที่ดังขึ้นมานี้ก็ทำให้ทั้งสนามเงียบลง
ต่างก็พากันมองไปยังผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นฟางหยี
เดิมที ดูการต่อสู้ของทั้งสองคนนี้เสร็จแล้วนั้น ฟางหยีและฟางเจี่่ยนนันก็เตรียมตัวจะกลับออกไป
แต่ไม่คิดว่า ฟางหยีจะมาได้ยินคำแสดงความยินดีของกรรมการที่เอ่ยพูดกับเฉินจุนเหวินเข้าพอดี และเสียงตะโกนเชียร์ของทุกคนที่มีต่อเฉินจุนเหวิน
เดิมที เหลียงเฟยแพ้แล้ว ฟางหยีเองไม่ต้องถึงกับไม่พอใจเฉินจุนเหวินเพื่อเขาก็ได้
แต่ ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ฟางหยีก็มีความรู้สึกไม่ศรัทธาขึ้นมา
ถึงแม้ว่าจะเป็นการชื่นชม การชื่นชมนี้ดูจะเกินไปจนเห็นได้ชัดเลยหรือเปล่า
คนในมหาวิทยาลัยที่รู้จักสาวสวยเทพธิดาสองคนนี้ เวลานี้เองก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
ดูฉากตรงหน้านี้กันอย่างเงียบๆ
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว!”
ฟางเจี่่ยนนันดึงแขนของฟางหยี เพื่อบอกให้เธอกลับออกไป
“ถ้าอย่างนั้นพูดแบบนี้แล้ว เธอเคยเห็นการเลื่อนไหวที่มีมาตรฐานอย่างนั้นหรือ? บางคน จะนับว่าเป็นอะไรล่ะ?”
คนที่เอ่ยพูดขึ้นมานั้นคือ หูฮุ่ยหมิน
เห็นว่ามีคนพูดถึงเฉินจุนเหวิน แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว อีกทั้งเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงสองคนนี้มีความสามารถอะไร
“แน่นอน แชมป์มณฑลอะไรกัน อยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่เพียงแค่นักศึกษาตัวเล็กๆคนหนึ่งหรอกหรือ!”
ฟางหยีชี้ไปยังฟางเจี่่ยนนัน
หลังจากนั้นจึงเอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆ : “เจี่่ยนนัน ไปแข่งกับเขาสิ เพิ่มความจำให้เขาหน่อย!”
ฟางหยีเองก็เอ่ยพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย
ฟางเจี่่ยนนันไม่ได้จะมาต่อสู้กับคนอื่นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรการแข่งขันแบบนี้ ถ้าหากฟางเจี่่ยนนันอยากจะเข้าร่วม ก็จะเข้าร่วมตั้งแต่แรกแล้ว
แต่เธอก็ไม่มีคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมมาโดยตลอด
เธอส่ายหน้า
แล้วเตรียมตัวจะกลับออกไป
“อย่าเพิ่งไปสิ มีความอดทนก็ลองแข่งกันดูก็ได้!”
หูฮุ่ยหมินกลับยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“หุ้ยหมิ่น ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่อยากแข่งกับผู้หญิง เธอเองก็รู้ ฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิงมาก่อน!”
เฉินจุนเหวินฝืนยิ้มออกมา
แต่ทว่า ฟางเจี่่ยนนันกลับหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง
หลังจากนั้นเธอจึงหันกลับมามองเฉินจุนเหวิน
“ได้ ฉันจะสู้กับคุณรอบนึง!”
ทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดของเฉินจุนเหวินที่ว่าไม่ทำร้ายผู้หญิง หรือพวกผู้ชายเป็นแบบนี้อย่างนั้นหรือ รู้สึกว่าผู้หญิงถูกกำหนดมาให้อ่อนแอกว่าผู้ชาย อะไรก็ไม่สามารถเทียบกับผู้ชายได้?
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เธอกับฟางหยีไม่ว่าจะใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมกิจการของครอบครัวได้
อีกทั้งตั้งแต่เด็กจนโต ฟางเจี่่ยนนันเกลียดประโยคนี้มากที่สุด ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง
“เย้!”
ฟางหยีร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“สาวสวยเทพธิดาจะออกโรงเองแล้ว?”
“ว้าว นี่สิถึงจะน่าดูจริงๆ!”
บรรยากาศในสนามนั้นได้มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เฉินจุนเหวินยักไหล่ขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ต่อหน้าทุกคน เพื่อบอกกับทุกคนว่าจะสู้ก็สู้สิ
ไม่นาน ฟางเจี่่ยนนันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงกลับมา
ฟางเจี่่ยนนันกับการมัดผมหางม้าก็เป็นอีกสไตล์หนึ่งของเธอ
เล่นเอาชายหนุ่มพากันหลงใหลเสียจนจะแย่แล้ว แม้แต่ผู้หญิงหลายๆคนก็พากันอิจฉา
เฉินเกอเองก็มองฟางเจี่่ยนนันโดยไม่ขยับไปไหนเช่นกัน
ไม่คิดว่าฟางเจี่่ยนนันจะเข้าใจและรู้เรื่องพวกนี้ด้วย
ส่วนเฉินจุนเหวิน เวลานี้ทุกๆการเคลื่อนไหวของเขา ยิ่งได้รับการดึงดูดเสียงจากทุกคนอีกครั้ง
เนื่องจากว่าเฉินจุนเหวินได้หาผ้าสีดำมาชิดหนึ่ง เอามาปิดตาตัวเองเอาไว้
เอาแต่ใจเกินไปแล้ว! แล้วก็กล้าหากมากเกินไปอีกด้วย!
ขณะนั้น เฉินจุนเหวินโบกมือให้กับฟางเจี่่ยนนัน “ลงมือเลยเถอะ!”
ส่วนฟางเจี่่ยนนันนั้นเผชิญกับสายตาที่ดูถูกอย่างชัดเจนเช่นนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เธอพุ่งตัวเข้าไป แล้วเตะขาออกมาอย่างรวดเร็ว
ปึง!
เสียงที่ดังขึ้น เป็นการเตะเข้าที่หน้าของเฉินจุนเหวิน
ส่วนเฉินจุนเหวินนั้นยังไม่ทันจะต้านทานก็หมุนลอยไปกลางอากาศแล้วร่างก็กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง
ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว
และฉากนี้เองที่ทำให้คนทั้งสนามต้องพากันสูดหายใจเข้า
เฉินจุนเหวินปีนป่ายขึ้นมาจากพื้นอย่างจนตรอก แล้วเอาผ้าที่คาดตาเอาไว้ออก
มองไปยังฟางเจี่่ยนนันด้วยความหวาดกลัว
แม้แต่หูฮุ่ยหมินยังตาค้างเพราะความตะลึง เนื่องจากผู้หญิงคนนี้ แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
ส่วนฟางเจี่่ยนนันนั้น ขณะนี้ก็ส่งสัญญาณให้เฉินจุนเหวินที่แทบจะยืนขึ้นไม่ไหวนั้นให้เขาเข้าโจมตีเธอได้
ในใจของเฉินจุนเหวินนั้นรู้สึกโมโห จึงพุ่งตัวเข้าไปในทันที
ปึง!
ยิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อฟางเจี่่ยนนันเหวี่ยงขาเตะออกไปรอบด้าน ทำให้เฉินจุนเหวินลอยออกไปนอกสนามเหมือนกับว่าวที่เชือกขาดอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อกับฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้า
แม้แต่เฉินเกอเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
เฉินจุนเหวินเก่งมากแล้ว แต่ทว่ากลับยั้งเอาไว้ไม่ได้เลยเมื่ออยู่ตรงหน้าฟางเจี่่ยนนัน
ทั้งยังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพที่จนตรอกเช่นนี้อีก!
“พี่จุนเหวิน!”
พวกหลี่เหวินเทาเข้ามาช่วยพยุงร่างของเฉินจุนเหวินที่ลุกขึ้นไม่ไหวเพราะจุกตรงหน้าอกอย่างเขาขึ้นมา
เฉินจุนเหวินเจ็บเสียจนเหงื่อออกตรงหน้าผากเต็มไปหมด
ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
และแม้แต่เหลียงเฟยเองในใจก็ยอมรับและชื่นชมเช่นกัน
“ทำได้ดีนี่ เธอเก่งมากจริงๆ!”
เมื่อสวี่หยางหยางเห็นแล้ว เฉินจุนเหวินที่เอาชนะเหลียงเฟยได้แต่กลับถูกผู้หญิงห้องข้างๆเธอทำให้ต้องอับอายเสียอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าเฉินจุนเหวินจะเป็นเพื่อนกันกับพี่ชายของตัวเอง แต่ก็ยังลุกขึ้นปรบมือให้
ทั้งสนามนั้นก็ฮือฮาขึ้นมา
“หืม คนที่เก่งที่สุด ก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ให้เธอได้อย่างนั้นหรือ รู้สึกว่าพวกผู้ชายอย่างพวกนายก็เป็นแบบนี้! น่าเบื่อจริงๆ!”
ฟางหยีเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างพอใจ
“พวกผู้ชายอย่างพวกนายมีใครไม่ยอมรับ ก็มาท้าทายกับเธอได้นะ?”
ฟางหยีเอ่ยพูดขึ้นมาอีก
หลังจากนั้นพวกผู้ชายแต่ละคนก็ก้มหน้าลงกันทีละคนๆ หวาดกลัวกันอย่างเห็นได้ชัด
หลี่เหวินเทาเองก็ไม่กล้าขึ้นไป ถึงอย่างไรเฉินจุนเหวินเก่งขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้เลย
“ใช่ ไม่ใช่ว่าเฉินเกอรู้ดีนักไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ขึ้นไปล่ะ?”
เวลานี้เองสวี่หยางหยางก็หันกลับมายังเฉินเกอที่อยู่ทางด้านหลัง พลางเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย
“มีคนโง่ เมื่อกี้ยังปรับมือร้องเยี่ยมให้กับเฉินจุนเหวินอยู่เลย ตอนนี้แม้แต่จะปรบมือก็ยังไม่กล้าแล้วหรือ?” สวี่หยางหยางเอ่ยขึ้นมา
อีกทั้งก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าเธอมีเจตนาหรือเปล่า และในขณะนี้เองที่เธอขยับเท้าแล้วเหยียบลงบนเท้าของเฉินเกอเข้าพอดี เธอใส่รองเท้าที่มีส้นค่อนข้างสูง เท้าที่เหยียบลงไปนั้นทำให้เฉินเกอหน้าบูดหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“หลบไป!”
เฉินเกอใจร้อน ยกเท้าขึ้นมาแล้วถีบไปยังสวี่หยางหยาง ทำให้เธอล้มคว่ำไปตรงด้านหน้า
“เฉินเกอ นาย......นายกล้าทำฉันหรือ?”
สวี่หยางหยางไม่คิดว่าเฉินเกอจะลงมือแบบนี้ อีกทั้งยังเตะตัวเองล้มต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าสวี่หยางหยางจะต้องบ้าอย่างแน่นอน
“พี่เทา! เขา.....เขาทำฉัน!”
สวี่หยางหยางตะโกนร้องเรียกหลี่เหวินเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...