ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 367

บทที่367 ความโมโหของสวี่หยางหยาง

และเฉินจุนเหวินเองก็เห็นเหลียงเฟยแล้วเช่นกัน

ดวงตากระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

ขณะนั้นทั้งสองคนก็เดินไปด้วยกัน

“นายคือเฉินจุนเหวินแชมป์เทควันโดรุ่นเยาวชนแห่งมณฑลเจียงหนาน? ปีที่แล้วตอนที่ไปร่วมการแข่งขันทั่วประเทศ ฉันเห็นนายแข่ง!”

ดวงตาของเหลียงเฟยแสดงความนับถือออกมา

“ฉันเองก็รู้จักนาย การแข่งขันระดับเยาวชนของมณฑลฉู่ชวน นายได้รับรางวัลรองชนะเลิศของรุ่นนี้ แชมป์ของปีนี้เอาชนะนายไปได้อย่างหวุดหวิด!”

เฉินจุนเหวินเองก็รู้สึกประหลาดใจกว่าเป็นเท่าตัว

ทั้งสองคนล้วนแต่เป็นบุคคลที่ทางผู้จัดงานได้เชิญให้มาทำการแสดง

และการสนทนาของทั้งสองคนนั้น ก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้เล่นเทควันโดและผู้ชมที่อยู่ในสนามนั้นอย่างเห็นได้ชัด

ต่างก็พากันมองมาทางพวกเขาทั้งสองคน

“ใช่ นายเองก็ได้รับการจัดอันดับชื่ออยู่เป็นอันดับสูงอยู่นี่ของการแข่งขันระดับประเทศ แต่ฉันเองก็หวังมาตลอด ว่าจะได้เล่นกับนายบ้าง วันนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสที่ดีสินะ!”

เหลียงเฟยมองไปยังเฉินจุนเหวินพลางเอ่ยขึ้น แววตานั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ปะทะกันอย่างรุนแรง

ส่วนหูฮุ่ยหมินนั้นกลับมองไปยังเฉินจุนเหวินแล้วหัวเราะออกมา

ด้วยความรู้สึกพอใจ

ใช่ เฉินจุนเหวินเก่งมากก็จริง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการต่อสู้ของเฉินจุนเหวิน พูดง่ายๆก็คือชื่อเสียงของเขาในวงการเทควันโดนี้แข็งแกร่งมากเหลือเกิน

และนี่เองก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหูฮุ่ยหมินถึงเลื่อมใสในตัวของเฉินจุนเหวิน

“เอาสิ วันนี้เป็นโอกาสดีจริงๆ!”

เฉินจุนเหวินส่ายหน้าพลางฝืนยิ้มแล้วเอ่ยพูดขึ้น

และข้อเสนอของทั้งสองคนนี้ทางฝ่ายผู้จัดงานก็รับไปอย่างรวดเร็ว

การดวลฝีมือกันของผู้ที่มีฝีมือทั้งสองคนนี้ ในขณะเดียวกันก็นับว่าเป็นไฮไลท์ของกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย

แชมป์มณฑลเจียงหนาน ปะทะ รองชนะเลิศของมณฑลฉู่ชวน ดูแล้วเป็นที่น่าจับตามองยิ่งนัก

แม้แต่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกในการแข่งขันเทควันโดจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกตื่นเต้นด้วยเช่นกัน และในขณะเดียวกันก็เป็นการปลุกเร้า การแข่งขันในตอนนั้น ให้เป็นการทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ

“พี่เฉินๆ รีบดูสิ นั่นใคร!?”

และในตอนที่เฉินเกอกำลังดูการแข่งขันอย่างออกรสนั้น จู่ๆเจ้าอ้วนก็ทุบมาที่แขนของเฉินเกอ

เฉินเกอมองตามทิศทางของนิ้วเจ้าอ้วนที่ชี้ไป

แล้วก็เห็นว่า บนอัฒจันทร์ทางอีกด้านหนึ่งนั้น ไม่รู้ว่ามีร่างที่สวยงามทั้งสองร่างนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเธอกำลังดูการแข่งขันด้วยเช่นกัน

และนั่นก็คือฟางเจี่่ยนนันกับฟางหยีนั่นเอง

“พวกเธอก็มาหรือ?”

เฉินเกอรู้สึกประหลาดใจ

ผู้หญิงทั้งสองคนนี้เป็นแบบนี้ตลอด ไปที่ไหนก็จะนั่งอยู่ตรงตำแหน่งมุมทางด้านหนึ่งแบบนี้ แล้วก็จะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วยเช่นกัน

และเฉินเกอก็มองไปยังพวกเธอ ดูเหมือนว่าฟางเจี่่ยนนันจะรู้ตัว จึงมองมาทางเฉินเกอ

ทั้งสองคนสบตากัน

ฟางเจี่่ยนนันขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเลื่อนสายตาตัวเองออกไป

เฉินเกอเองก็ไม่ได้มองเธอต่อ

“พี่เฉิน ฉันไม่รู้ว่านายรู้หรือเปล่า?”

“อะไร?”

“เทพธิดาสองคนนั้นแอบมองนายด้วยแหล่ะ โดยเฉพาะฟางหยี สองวันก่อนตอนที่เรียนอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบพูดกับฟางเจี่่ยนนัน แต่ฉันมองออก ว่าหางตาของฟางหยีนั้นชำเลืองมองนายอยู่บ่อยๆ!”

“ยังมีอีก สองวันมานี้ไม่ใช่ว่าสวี่หยางหยางหาเรื่องนายตลอดใช่ไหม ตอนที่นายทะเลาะกับเธอ ฟางเจี่่ยนนันกับฟางหยีก็มองนายเหมือนกันนะ! แล้วเมื่อกี้อีก ฉันยังเห็นฟางเจี่่ยนนันกับฟางหยีมองมาทางนายด้วย พี่เฉิน ไม่ใช่ว่าเธอสองคนนั้นจะชอบนายหรอกใช่ไหม?” เจ้าอ้วนเอ่ยพูดอย่างวิเคราะห์

“ไร้สาระ จะเป็นไปได้ยังไง!”

เฉินเกอส่ายหน้าพลางยิ้มออกมา

แต่ตอนนี้ เจ้าอ้วนเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน

เนื่องจากตอนนี้บนเวทีแข่ง ฉินหน่วนได้ลงสนามเริ่มการแข่งขันแล้ว

เจ้าอ้วนจ้องมองไปยังฉินหน่วน

ถึงแม้จะมองออก ว่าเมื่อช่วงสายๆวันนี้เจ้าอ้วนจะทำเป็นเย็นชากับฉินหน่วน

แต่ความจริงแล้ว ในใจของเจ้าอ้วนก็มีความรู้สึกต่อฉินหน่วนอยู่มากเช่นกัน

เหมือนกับตัวเองกับหยางเสว่ ที่ตอนแรกถึงแม้ว่าจะเกลียดเธอ แต่ตอนที่เธอพบกับอันตราย จะให้ตัวเองยืนดูเฉยๆ ก็ทำไม่ได้จริงๆ

ปึง!

สู้กันได้ประมาณเจ็ดแปดนาที

ฉินหน่วนยังไม่ทันระวังก็แพ้แล้ว เธอถูกเตะออกนอกสนาม แล้วล้มลงตรงจุดที่ไม่ไกลไปจากเฉินเกอและเจ้าอ้วนพอดี

ส่วนฉินหน่วนนั้นก็จับหน้าอกตัวเอง กัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยแล้วมองมายังหวางเสี่ยวหัว เห็นว่าหวางเสี่ยวหัวไม่สนใจตัวเองนั้น ใบหน้าของเธอจึงปรากฏถึงความผิดหวังออกมา

เหมือนกับว่าตัวเองกำลังสูญเสียอะไรไปอย่างไรอย่างนั้น

เวลาผ่านไปทุกๆนาที

ก็เข้าสู่ช่วงท้ายการแข่งขัน

แต่ยิ่งเวลานี้ ก็ยิ่งเห็นนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ที่มาล้อมรอบสนามแข่งขันเข้ามา เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ระหว่างเหลียงเฟยกับเฉินจุนเหวินกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว มีคนมากมายที่เข้ามาดู

ไม่นาน ภายในสนามนั้น จะใช้ว่าคนจำนวนมากมาเพื่อบรรยายก็คงจะไม่ดูเกินไป

ทางนั้นเฉินจุนเหวินและเหลียงเฟยนั้นก็เริ่มวอร์มร่างกาย

“ทั้งเฉินจุนเหวินและเหลียงเฟยเก่งกันมากๆ เหลียงเฟยไม่ต้องพูดถึงแล้ว ได้รางวันรองชนะเลิศของมณฑลพวกเรา ส่วนเฉินจุนเหวินคนนี้ เห็นว่าเป็นแชมป์ของมณฑลเจียงหนาน เจ๋งมากเลย!”

“โห นี่ก็น่าดูแล้วน่ะสิ แต่ฉันยังคงสนับสนุนเหลียงเฟยนะ หวังว่าเหลียงเฟยจะสามารถช่วงชิงเกียรติยศมาให้พวกเราฉู่ชวนได้นะ!”

“แต่ฉันว่ามีแนวโน้มไปทางเฉินจุนเหวินมากกว่านะ เพราะถึงอย่างไรเฉินจุนเหวินก็ให้ความรู้สึกที่มีประสบการณ์ที่โชกโชนกว่า!”

คำวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นโดยรอบ

แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นของเฉินเกอ ก็ยังเริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาแล้ว

“เฉินเกอ นายว่าใครมีแนวโน้มน่ะ?”

ผู้หญิงสองสามคนที่ไม่รู้ว่ามาล้อมรอบตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ฉันน่ะหรือ พวกเขาทั้งสองคนก็เก่งกันทั้งคู่ จะมองว่าใครมีแนวโน้มว่าใครนั้น พูดยากน่ะ!”

“ลองพูดมาดูสิ ไม่ใช่ว่าเหมือนกับนายจะรู้จักกับเฉินจุนเหวินหรอกหรือ?”

ผู้หญิงเหล่านั้นเขย่าแขนของเฉินเกอ

จริงๆแล้วเฉินเกอรู้สถานะของเฉินจุนเหวิน ระดับความเก่งของเขา จะต้องไม่ใช่เพียงแค่เทควันโดธรรมดาๆแค่นี้อย่างแน่นอน

ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาทำอะไร

หากว่ากันตามความจริงแล้ว เฉินจุนเหวินจะต้องเก่งกว่าอยู่แล้ว

แต่เฉินเกอจะไม่พูดเช่นนั้นแน่นอนอยู่แล้ว

“ถามเขาทำไม? เขาจะไปเข้าใจอะไร! เขาเล่นเทควันโดไม่เป็นเสียหน่อย หึ้ย ไม่ใช่พวกใช้เงินสกปรกหรอกหรือ เห็นว่าคนอื่นขาวิจารณ์กันก็อยากจะวิจารณ์บ้าง คิดว่านายเป็นอะไรกัน!”

เวลานี้เองที่สวี่หยางหยางหันหน้ามาเอ่ยพูดกับเฉินเกอ

สองวันมานี้เธอเหมือนกับเธอบ้าอย่างไรอย่างนั้น โจมตีเฉินเกอไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น

เฉินเกอเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง จึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเธอมาก

จริงๆแล้วเฉินเกอเองก็รู้ว่าตอนพิธีการกุศลนั้น ตัวเองแย่งการเป็นจุดสนใจของเหลียงเฟยไป แต่มาโจมตีเขาตลอดแบบนี้ นี่ก็จะเกินไปแล้วหรือเปล่า?

และที่ยิ่งน่าโมโหกว่านั้นก็คือ ตอนที่การต่อสู้กันระหว่างเฉินจุนเหวินและเหลียงเฟยเริ่มขึ้นนั้น

สวี่หยางหยางเจตนาที่จะเอียงตัวบังสายตาไม่ให้เฉินเกอมองเห็น

เฉินเกอเอียงตัวไปทางซ้าย เธอก็เอนตัวไปทางซ้าย เฉินเกอเอียงไปทางขวา เธอก็ไปทางขวา

พูดตรงไปตรงมาแล้วก็คือไม่ต้องการให้เฉินเกอได้ดูการแข่งขันอย่างมีความสุขนั่นเอง

เฉินเกอได้แต่เก็บความคับแค้นในนี้เอาไว้

แต่ตามเวลาที่ผ่านไปนั้น การแข่งขันก็มาถึงช่วงดุเดือดแล้วเช่นกัน

ในช่วงเริ่มต้นเหลียงเฟยโจมตีได้อย่างรวดเร็วมาก ทักษะการเคลื่อนไหวนั้นก็ดีมากเช่นกัน

ส่วนเฉินจุนเหวินนั้น กลับมีการโจมตีที่มีประสิทธิภาพเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

โดยจะเป็นการหลบเป็นหลักเสียมากกว่า

แต่ถึงช่วงสุดท้าย การโจมตีของเหลียงเฟยนั้นเริ่มอ่อนแอลง

เพราะถึงแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวออกมาแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลที่จะทำให้เฉินจุนเหวินเจ็บได้

“แพ้แล้ว!”

อีกฝั่งหนึ่งบนอัฒจันทร์ เวลานี้ฟางเจี่่ยนนันได้เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างนิ่งๆ

“อา? ใครแพ้แล้ว? เฉินจุนเหวินอย่างนั้นหรือ? ฉันเห็นการโจมตีของเหลียงเฟยเก่งออก การเคลื่อนไหวก็หล่อและเท่มาก! แต่เธอดูเฉินจุนเหวินสิ การเคลื่อนไหวของเขาง่ายมากเลย สรุปแล้วเขาเป็นแชมป์จริงหรือเปล่า? ก็ดูธรรมดาๆพื้นๆนี่?”

ฟางหยีเอ่ยขึ้น ถึงแม้จะไม่เคยคุยกับเหลียงเฟย แล้วก็ไม่ได้ผูกมิตรเป็นเพื่อนกัน แต่ถึงอย่างไรเหลียงเฟยก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง เช่นนี้แล้วฟางหยีจึงเอนเอียงไปทางฝั่งเหลียงเฟยมากกว่า

“เหอะๆ หลักการง่ายๆเลย ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของเหลียงเฟยจะดูเก่งมากก็ตาม แต่แนวคิดในการโจมตีนั้นปรากฏออกมาเร็วมาก สรุปแล้วแชมป์มณฑลนี่แหล่ะฉลาดจริงๆ เพราะฉะนั้น เธอรอดูแล้วกัน!”

ฟางเจี่่ยนนันขึ้น

เร็วอย่างที่คิดไว้จริงๆ

ในตอนที่เหลียงเฟยจะโจมตีอีกครั้ง จู่ๆเฉินจุนเหวินก็หันมาแล้วเตะกลับไปกลางอากาศ การเคลื่อนไหวเสร็จสิ้นในช่วงลมหายใจเดียว และในขณะเดียวกันก็เจ๋งมากเช่นกัน

เป็นกันถีบเหลียงเฟยออกไปนอกสนามไปในทันที

“อา!”

และฉากนี้ทำให้ทั้งสนามเข้าสู่ความดีใจ เสียงตะโกนร้องเชียร์ดังอึกทึกขึ้นมา

มีเพียงแค่สวี่หยางหยางเท่านั้นที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวายใจ

เดิมทีตอนที่ก่อนเหลียงเฟยจะโจมตีนั้น สวี่หยางหยางตะโกนร้องเชียร์มาตลอด แต่ตอนนี้ แพ้แล้ว แน่นอนว่าสวี่หยางหยางก็ต้องไม่รู้สึกดีใจอยู่แล้ว

“เยี่ยม!”

เฉินเกอเองก็ดูตื่นเต้นด้วยเช่นกัน เวลานี้จึงอดที่จะร้องเยี่ยมออกมาไม่ได้

แต่หลังจากที่สวี่หยางหยางได้ยินนั้น กลับลุกขึ้นยืนในทันที แล้วมองเฉินเกอด้วยความโมโห :

“เยี่ยมอะไรล่ะ นายดูเข้าใจด้วยรึไง!”

เสียงดังมาก จนคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในสนามนั้นได้ยิน

และเวลานี้เองที่สายตาทั้งหมดนั้นจ้องมองมาทางเฉินเกอ......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน