ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 366

บทที่366 การแข่งขันเทควันโด

หวางเสี่ยวหัวลุกขึ้นยืน

แล้วเดินมาจับมือกับผู้จัดการจ้าว : “ผู้จัดการจ้าว เมื่อวานพวกเราคุยกันทางโทรศัพท์ เมื่อครู่นี้ผมโทรหาคุณแต่ว่าโทรไม่ติดน่ะครับ!” หวางเสี่ยวหัวกล่าว

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับคุณหวัง พอดีว่าติดเรื่องเข้าเรียนของลูกสาวผม เมื่อครู่ผมก็เลยโทรหาเธอ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ขอโทษจริงๆ!”

ผู้จัดการจ้าวเอ่ยพูดออกมาติดๆกัน

“ใช่ครับคุณหวัง ที่คุณบอกว่าต้องการจะซื้อพื้นที่สำนักงาน และร้านค้าที่จะแสดงในห้องโถงในรูปแบบจุดชมวิวที่เป็นแบบ4มิติ ทางผมได้จัดเตรียมให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ!”

ว่าแล้วนั้น ผู้จัดการจ้าวก็หยิบข้อมูลออกมา

“คุณหวัง ผมขอแนะนำง่ายๆแล้วกันนะครับ ร้านค้ารวมทั้งพื้นที่สำนักงานของทางบริษัท เนื่องจากว่าคุณซื้อเลย ผมจึงช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆออกไปด้วยนะครับ ทั้งหมดยอด35ล้านนะครับ!”

“โอเคครับ ไม่มีปัญหา เรานั่งคุยกันดีกว่าครับ!”

หวางเสี่ยวหัวทำมือเป็นการเชื้อเชิญ

ส่วนฉินหน่วนที่อยู่ข้างๆนั้นก็หายใจหอบถี่ขึ้นมาในทันใด

แม้กระทั่งรู้สึกว่าร่างกายของตัวเอง เหมือนไม่เป็นของตัวเองอีกแล้วเสียด้วยซ้ำ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

ทำไมเป็นหวางเสี่ยวหัว?

เขามีความสามารถขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ประธานจ้าว คุณไม่ได้ถูกเจ้าอ้วนนี้หลอกใช่ไหมครับ? อย่างเขา? จะสามารถเอาเงินสามสิบห้าล้านออกมาได้เนี่ยนะ?”

หลี่เสียงเอ่ยพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ค่ะประธานจ้าว จริงๆแล้วพวกเรารู้จักเขา เขาไม่มีเงินสามสิบห้าล้านนั่นหรอก ไม่คุ้มให้คุณมาทำแบบนี้เลยนะคะ!”

ส่วนฉินหน่วนที่หัวใจราวกับถูกฉีกออกไปหมดแล้วนั้น รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก จึงรีบพูดเสริมขึ้นมา

“เหอๆ ถ้าอย่างนั้นผมว่าพวกคุณคงเข้าใจผิดกันแล้วล่ะครับ บริษัทการท่องเที่ยวฉู่ตูเฟยหัวของคุณหวัง เพียงแค่โครงการท่องเที่ยวที่จะมีการเซ็นสัญญามีมากกว่าสองร้อยแห่งแล้วนะครับ ตอนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ ข้อมูลการลงทุนพวกเราก็ดูแล้วด้วย ลงทุนไปเกือบ80ล้านเชียวนะครับ!”

จ้าวเหอมองพวกเขา อดที่จะฝืนยิ้มออกมาไม่ได้

เห็นตัวเองเป็นอะไรกัน? เด็กสามขวบอย่างนั้นหรือ

เรื่องแบบนี้ตัวเองจะเข้าใจผิดได้อย่างไร?

เหอๆ

และได้เห็นหวางเสี่ยวหัวเซ็นสัญญากับจ้าวเหอกับตา

อีกทั้งจ้าวเหอ ก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างมีมารยาทให้กับเฉินเกอที่อยู่ข้างๆอีกด้วย

ทำให้ฉินหน่วนยิ่งทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นไปกว่าเดิม

ตัวเองเพียงแค่คิดอยากจะเช่าสถานที่ ก็ไม่มีเงินแล้ว

แต่หวางเสี่ยวหัว กลับซื้อทั้งสองที่ได้ภายในการพูดคุยเพียงครั้งเดียวเช่นนี้

อีกทั้ง หวางเสี่ยวหัวเปิดบริษัทท่องเที่ยว มีโครงการที่เซ็นสัญญากันกว่าสองร้อยแห่งแล้ว

นี่มันต้องเป็นแนวความคิดอะไรกัน!

ส่วนเฉินเกอกับหวางเสี่ยวหัวที่เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นก็เตรียมตัวจะกลับออกไป

หลี่เสียงก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหวางเสี่ยวหัวอีกเลย

แต่ฉินหน่วนกลับตามออกไปอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก

“เสี่ยวหัว นาย....นายเปิดบริษัทแล้วหรือ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เลย?”

ฉินหน่วนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว

“เพิ่งจะเปิดได้สองวันนี้น่ะ! อีกไม่กี่วันก็จะเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว ตอนนี้โครงการกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำ!”

หวางเสี่ยวหัวมองฉินหน่วนแวบหนึ่ง รู้แต่กลับไม่ยอมพูดออกมา

“ถ้าอย่างนั้นนาย....นายทำไมมีเงินขนาดนี้ได้ล่ะ?”

ฉินหน่วนเอ่ยขึ้นมา

“เธอไม่ต้องสนใจหรอก!”

หวางเสี่ยวหัวหันหลังกลับ

ราวกับว่าเขาไม่เคยรู้สึกดีใจหลังจากที่ตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแบบนี้มาก่อน

“นาย!”

ฉินหน่วนกระทืบเท้าด้วยความโมโห

ในใจนั้นทั้งโมโหทั้งร้อนรน

ความอัดอั้นตันใจที่อยู่ในอกนี้จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเอาออกมาได้เลย

ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมเป็นแบบนี้กัน?

ฉินหน่วนย้ำถามตัวเองหลายครั้ง

พูดถึงเฉินเกอแล้ว ตอนที่เขาไปจัดการขั้นตอนต่างๆเป็นเพื่อนหวางเสี่ยวหัวนั้นก็เป็นเวลากลางวันแล้ว

ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วนั้น ทั้งสองคนก็กลับมาที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน

ส่วนเรื่องที่หวางเสี่ยวหัวและเฉินเกอเปิดบริษัทด้วยกันนั้น เพื่อนร่วมชั้นทั้งห้องก็รู้กันหมดแล้ว

และเรื่องโครงการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมหลายๆโครงการนั้นก็ถูกเผยแพร่ไปด้วยเช่นกัน

โดยรวมแล้วนับว่ามีกระแสดีมาก

เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงห้องแล้วนั้น

“โอ้ว!”

เสียงร้องตื่นเต้นดังขึ้นมา

“เฉินเกอ เสี่ยวหัว พวกนายไปทำอะไรกันมาน่ะ?”

สาวสวยสองสามคนพากันล้อมเข้ามาคุยกับเฉินเกอและเสี่ยวหัว

และส่งสายตาที่รักใคร่ ขยิบตาให้กับเฉินเกอ

จริงๆแล้วเพื่อนๆในห้องล้วนแต่พากันเดาออก ว่าความจริงแล้วเฉินเกอช่วยหวางเสี่ยวหัว แม้ว่าบุคคลที่ถูกต้องของบริษัทนั้นจะเป็นหวางเสี่ยวหัวก็ตาม

แต่แหล่งการลงทุนหลักๆนั้น ก็มาจากเฉินเกอ

ดังนั้นพวกผู้หญิงจึงมีท่าทางอารมณ์เช่นนี้กับเฉินเกอ

แน่นอนว่า ตำแหน่งของหวางเสี่ยวหัวนั้นก็สูงขึ้นตามน้ำไปด้วย

ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้าไปคุยกับหวางเสี่ยวหัวนั้นจึงมีไม่น้อย

ส่วนสวี่หยางหยางกับหลินเซิ่งหนานนั้นสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

ถึงอย่างไรพวกเขาก็จ้องเล่นงานแต่กับเฉินเกอ

ตอนนี้ เฉินเกอได้สร้างบารมีและชื่อเสียงให้กับห้องนี้เอาไว้สูงมาก

ทำให้สวี่หยางหยางรู้สึกเครียดขึ้นมาเช่นกัน จึงมองไปทางเหลียงเฟยแวบหนึ่ง

ก่อนหน้านี้เวลาเลิกเรียนแล้ว คนที่จะไปคุยกับเหลียงเฟย และเข้าใกล้นั้นมีไม่น้อยเลย

แต่ตอนนี้ ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว

สวี่หยางหยางเดินเข้าไป แล้วตีลงบนหลังมือของเหลียงเฟยเบาๆ ให้เขาใจเย็นลง

ถึงอย่างไรตอนงานพิธีการเงาดำที่ทำให้เหลียงเฟยต้องขายหน้านั้นยังคงไม่ผ่านไป

“ขอถามหน่อยนะคะ ว่าเหลียงเฟยอยู่ไหมคะ?”

เวลานี้เอง มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาเขา

“ทำไมหรือ?” สวี่หยางหยางเอ่ยถาม

“คืออย่างนี้ค่ะ การแข่งขันตอนบ่าย หัวหน้าหยางให้ฉันมาเรียกตัวเหลียงเฟยไป! และให้เหลียงเฟยทำการแสดงรอบนี้ด้วย!” ผู้หญิงคนนั้นกล่าว

“อา? ดีเลยสิ! พี่เฟยได้ยินรึยัง ทางมหาวิทยาลัยเชิญพี่ด้วยนะ!”

สวี่หยางหยางตะโกนออกมาอย่างดีใจ

เหลียงเฟยพยักหน้า

สวี่หยางหยางตบโต๊ะ พลางเอ่ยขึ้น : “ตอนบ่ายการแข่งขันเทควันโด เหลียงเฟยของพวกเราจะเข้าร่วมด้วย พวกเราจะต้องไปดูกันนะ ไปตะโกนให้กำลังใจพี่เฟยกัน!”

“อ่อ ได้สิ ยินดีด้วยนะพี่เฟย!”

เพื่อนๆในห้องต่างพากันส่งเสียงออกมา

ถึงอย่างไรตอนนี้การเป็นจุดสนใจแม้ว่าเหลียงเฟยจะเทียบกับเฉินเกอไม่ได้

แต่ก็มีแรงดึงดูดอยู่เช่นกัน อีกทั้งทุกคนก็อยากดูการแสดงเทควันโดของเหลียงเฟยด้วย

ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันรับปาก หลังจากนั้นก็ไปที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยด้วยกัน

“พี่เฉิน พวกเราเองก็ไปกันเถอะนะ หลายๆห้องก็ไปกันหมดเลย!”

“ได้สิ!”

เฉินเกอเองก็อยากไปดูมากเหมือนกัน

ถึงอย่างไรใครๆก็มีความฝันในเรื่องศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กๆด้วยกันทั้งนั้น

สำหรับเรื่องการต่อสู้พวกนี้ ถึงแม้ว่าเฉินเกอโตมาแล้วความคิดเหล่านี้จะจางหายไปบ้าง แต่ก็ชอบอยู่เหมือนกัน

ในขณะเดียวกันก็อยากจะเห็นการแสดงของเหลียงเฟยอีกด้วย

จะว่าอย่างไรดี แม้ว่าเหลียงเฟยจะเห็นเขาขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่สำหรับเฉินเกอแล้วก็ไม่ได้มีอะไรกับเขา

ก็เลยตามไปดูด้วยเช่นกัน

ตอนถึงที่โรงยิมแล้วนั้น ที่นี่มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อย

และสาเหตุที่อาศัยเหลียงเฟยนั้น เฉินเกอและพวกห้องของพวกเขานั้น ได้ดูอยู่ในระยะที่ใกล้มาก ระยะห่างนั้นสามารถร้องเชียร์เหลียงเฟยได้

ถึงอย่างไรงานแบบนี้ จะต้องมีผู้ที่มีฝีมือมาดำเนินการแสดง เป็นการทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวามากขึ้น

เหลียงเฟยเป็นถึงรองชนะเลิศระดับมณฑล

และเมื่อเฉินเกอเดินเข้ามาไม่เพียงแค่เห็นนักกีฬาที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกันแข่งขันเทควันโดเพียงเท่านั้น แม้แต่หูฮุ่ยหมินและเฉินจุนเหวินก็มาด้วยเช่นกัน

สิ่งที่จะต้องเอ่ยถึงก็คือ ไม่คิดว่าตอนนี้เฉินจุนเหวินจะใส่ชุดแข่งขันเทควันโดด้วยแบบนี้

ทำให้เป็นที่ดึงดูดสนใจของคนอื่นๆเป็นอย่างมาก

ส่วนหลี่เหวินเทานั้น ก็ยืนอยู่ข้างๆเฉินจุนเหวิน ก็สวมใส่ชุดแข่งขันนี้ด้วยเช่นกัน

แต่ที่เห็นได้ชัดคือ ห้องของหลี่เหวินเทาและเฉินจุนเหวินนั้น พวกผู้หญิงบางคนกำลังถือป้ายของเฉินจุนเหวินอยู่ พากันส่งเสียงร้องเรียกเฉินจุนเหวินกันดังมาก

ชัดเจนว่าห้องของพวกเขาก็รู้ถึงความสามารถของเฉินจุนเหวินเช่นกัน

ส่วนทางด้านเหลียงเฟยนั้นก็กำลังวอร์มร่างกาย หลังจากที่เห็นเฉินจุนเหวินแล้ว ดวงตาของเขานั้นก็ดูจะสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย

“เป็นเขาหรือ?”

เหลียงเฟยเอ่ยพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน