ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 371

บทที่ 371 คุณป้าของฟางเจี่่ยนนัน

“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?”

พอก้าวเข้ามาในห้องหนังสือท่านปู่ฟางก็เอ่ยไปพลาง

ฟางเจี่่ยนนันพยักหน้าอย่างแข็งขัน

หากจะกล่าวว่าการห้ามปรามเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ทำให้ฟางเจี่่ยนนันไม่เหงาอยู่ทุกวัน ถ้าอย่างนั้นเรื่องของพ่อแม่ อาจจะกลายเป็นเรื่องทุกข์ใจตลอดกาลของฟางเจี่่ยนนันก็ได้

เพราะว่าการถูกห้ามปราม อย่างน้อยตัวเองก็ยังอิดออดได้บ้าง แต่เรื่องของพ่อแม่ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครเล่าให้ตัวเธอฟังเลย ถามขึ้นก็พาลถูกทุบตีเอา

“เจ้าเกลียดคุณปู่หรือ? ที่คุณปู่ปิดบังเจ้ามานานหลายปีขนาดนี้?”

ท่านปู่ฟางเอ่ยถาม

“เปล่าคะ หนูรู้ว่าคุณปู่ปิดบังอะไรบางอย่างไว้ ก็เพื่อตัวหนูเองทั้งนั้น!”

ฟางเจี่่ยนนันตอบ

“เจี่่ยนนัน การกระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเจ้านี้ ข้าได้เห็นมันกับตาตัวเองแล้ว พูดกันตรงๆ คุณปู่มีหลานสาวอย่างเจ้าคนนี้คุณปู่รู้สึกภาคภูมิใจมาก ดวงวิญญาณของพ่อแม่เจ้าในสวรรค์ ก็คงภาคภูมิใจในตัวเจ้าด้วยเช่นกัน”

ท่านปู่ฟางตบไหล่ของฟางเจี่่ยนนันเบาๆ

“ถ้างั้นคุณปู่คะ ที่ผ่านมา ใครกันแน่ที่เป็นศัตรูของตระกูลฟางของเรา แล้วก็ พ่อแม่ของหนู ถูกพวกนั้นทำร้ายใช่ไหมคะ?”

ฟางเจี่่ยนนันเอ่ยถาม

ท่านปู่ฟางถอนหายใจยาว มองไปที่มุมหนึ่งในห้องหนังสือ พยักหน้าไปพลาง

“ข้ารู้ว่า เรื่องพวกนี้ปิดบังเจ้าไม่ได้ ตอนนี้ เจ้าฉลาดขึ้นมากทีเดียว เข้มแข็งมากพอ ปู่คงจะเล่าเรื่องบางเรื่องให้เจ้าฟังได้แล้ว!”

ท่านปู่กล่าวว่าอึดอัดใจ :

“ถูกต้อง ที่ผ่านมาตระกูลฟางของพวกเรา เป็นศัตรูกับตระกูลที่มีอิทธิพลมากตระกูลหนึ่ง นั่นก็คือตระกูลเฉิน!”

“ตระกูลเฉิน? ทำไมหนูไม่เคยได้ยินชื่อของตระกูลนี้เลยล่ะคะ?”

ฟางเจี่่ยนนันเอ่ยด้วยความประหลาดใจ

“แน่นอน ถึงแม้ตระกูลของพวกเขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนเหมือนอย่างพวกเรา แต่ว่าในโลกนี้ น้อยคนนักที่จะสามารถยิ่งใหญ่เหมือนอย่างพวกเขาได้! อีกอย่าง ข้าห้ามปรามพวกเจ้ามาเป็นเวลานานยี่สิบกว่าปี พวกเจ้าจะได้เห็นโลกภายนอกสักเท่าไหร่กันเชียวล่ะ!”

ท่านปู่กล่าว

“แต่ว่า ทำไม ทำไมตระกูลเฉินต้องทำกับเราแบบนี้ด้วยละคะ?”

สายตาของฟางเจี่่ยนนันฉายเปลวไฟแห่งความเคียดแค้นและเกลียดชัง

“เรื่องมันยาวน่ะ เอาเป็นว่า ตั้งแต่สมัยรุ่นปู่มาแล้ว รวมถึงรุ่นพ่อแม่ของเจ้าด้วย สู้รบกับพวกเขามาโดยตลอดไม่หยุดหย่อน! แต่ว่าเจ้าจำไว้ให้ดี ระแวดระวังคนของตระกูลเฉินเอาไว้ตลอดชีวิต! เข้าใจไหม?”

ท่านปู่พูดด้วยความหดหู่ใจ

“หนูทราบแล้วคะคุณปู่!”

“อีกอย่างเจี่่ยนนัน ไหนๆเจ้าก็รู้เรื่องราวของตระกูลแล้ว ข้าจะปิดบังเจ้าต่อไป ก็คงไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ เจ้าก็ได้เห็นโครงสร้างภายในของ ตระกูลฟาง แล้ว ปู่เตรียมการเอาไว้แล้ว ตั้งแต่นี้ไป เจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดมรดกทั้งหมดจากพ่อของเจ้า! ต่อไปนอกจากเขาแล้ว ทายาทผู้สืบทอดมรดกต่อไปจะเป็นผู้หญิงเท่านั้น!”

ท่านปู่กล่าว

ฟางเจี่่ยนนันทำหน้าตกใจ แต่ว่า เธอรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงอีกคนหนึ่งคือใคร

พูดถึงตรงนี้ท่านปู่ก็ทำหน้าเศร้าสร้อย

“ตอนนั้น เป็นเพราะปู่ใจร้อนเกินไป คุณป้าของเธอจึงไม่กล้าสู้หน้าปู่มาจนทุกวันนี้ เมิ่งซินน่ะ เด็กโง่คนนี้ มีนิสัยดื้อรั้น ถึงแม้คุณพ่อจะปากแข็ง แต่ก็เป็นห่วงอยู่เสมอ คือป้าของเธอนั่นแหละ!”

ท่านปู่น้ำตาไหลออกมา

“เจี่่ยนนัน รับปากปู่เรื่องหนึ่งนะ”

“ปู่คะหนูเข้าใจแล้ว หนูจะตามหาป้าให้เจอคะ!”

ฟางเจี่่ยนนันเอ่ยขึ้น

เรื่องนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ตัวเองยังเด็กมาก

แม่บ้านคนเก่าของตระกูลเคยเล่าให้เธอฟังว่า

ตระกูลฟางเคยมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เก่งกาจมาก เธอเป็นคุณป้าของตัวเธอชื่อว่าฟางเมิ่งซิน

แต่ต่อมาเขาละเมิดกฎของบ้าน จึงถูกคุณปู่ขับไล่ออกไป

ความจริงหลายปีมานี้ คุณปู่ตามหาเธอมาตลอด แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆที่เกี่ยวกับเธอเลย

กลายเป็นความทุกข์ใจอย่างหนึ่งของคุณปู่

ตอนนี้ฟางเจี่่ยนนัน รับหน้าที่สืบทอดกิจการต่อจากคุณพ่อ ตามหาคุณป้า แน่นอนมันเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว

ขณะเดียวกันฟางเจี่่ยนนันก็อยากเจอมาก คุณป้าท่านนี้เป็นที่ชื่นชมของคนในตระกูลฟาง อีกอย่างทุกคนต่างพูดว่าตัวเธอช่างเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นมากทีเดียว! ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ หรือรูปร่างหน้าตาก็คล้ายคลึงเป็นพิเศษ

ตกลงว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่นะ?

เขาหลงรักใครกัน ถึงได้ทำให้คุณปู่ช้ำใจจนต้องขับไล่เธอออกจากบ้านไป?

แต่สุดท้ายคุณปู่ หยิบภาพถ่ายใบหนึ่งยื่นให้กับฟางเจี่่ยนนัน ผู้หญิงที่อยู่ในภาพ สวยมาก ท่าทางของเขามีเสน่ห์ชวนให้หยุดหายใจ

เขา ก็คือคุณป้าของเธอเองฟางเมิ่งซิน!

ส่วนเรื่องที่ตัวเองถูกบังคับให้รับหน้าที่ต่อ แน่นอนเป็นแผนการที่คุณปู่วางไว้แล้ว

ฟางเจี่่ยนนันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องตระกูลซือถู ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลซือถูจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรสุมสี่สุ่มห้า!

จากนั้น เมื่อออกจากห้องหนังสือของคุณปู่แล้วฟางเจี่่ยนนันเก็บภาพถ่ายเอาไว้อย่างดี เตรียมจะกลับไปที่ห้อง

“เจี่่ยนนัน ข้ารอเจ้าอยู่พักหนึ่งแล้วล่ะ!”

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในคฤหาสน์

“ซือถูหยาง เจ้ามารอข้าทำไมกัน?”

ฟางเจี่่ยนนันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เมื่อตอนบ่ายข้าได้ยินมาว่า เจ้าถูกคนทำร้าย ข้าเป็นห่วงเจ้า ก็เลยมาสอบถามดู เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจี่่ยนนัน ข้าจะสั่งสอนมันให้สาสมเลยเชียว!”

ซือถูหยางบอก

“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย! ข้าจะบอกอะไรให้ ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องเพื่อนของข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

ฟางเจี่่ยนนันโกรธขึ้นมาแล้ว

“ก็ได้ๆ งั้นข้าจะยกโทษให้เด็กคนนั้น เจี่่ยนนัน เจ้าอย่าโกรธเลยนะ!”

ซือถูหยางรีบแก้ตัว

“หมดเรื่องแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว? ข้าขอตัวก่อนนะ!”

พูดจบ ก็ปรายตามองซือถูหยางอย่างรังเกียจฟางเจี่่ยนนันเดินจากไปทันที

“เจี่่ยนนัน เจี่่ยนนัน!”

ซือถูหยางตะโกนเรียก

แต่ฟางเจี่่ยนนัน เดินไปไกลแล้ว

ซือถูหยางกำหมัดไว้แน่น

“คุณชาย ข้าเคยบอกท่านแล้ว ท่านดีกับเธอเช่นนี้ เธอก็ไม่เห็นคุณค่าหรอก!”

ณ เวลานี้ ชายชราคนหนึ่งเดินกอดอกออกมา จากหลังต้นไม้ที่อยู่ริมถนน

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนมองออกไป ใบหน้าของชายชราคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน

เพราะใบหน้าของเขา ครึ่งหนึ่งสีขาว อีกครึ่งหนึ่งสีดำ คล้ายกับคนหยินหยางแบบนั้น

ดวงตาทั้งสองข้างมืดมน ลึกลงไปในเบ้าตา น่ากลัวอย่างมาก

และมองไปที่เขาทั่วทั้งตัว รูปร่างผอมบางหนังหุ้มกระดูก ราวกับว่าลมพัดมาเบาๆ เขาก็อาจแตกสลายไป

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ซือถูหยางเอ่ย

ชายชราคนนั้นอมยิ้ม : “โอกาส เราต้องสร้างมันขึ้นด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้โอกาสมาถึงตัว เหตุผลที่เธอไม่ยอมรับรักเจ้า นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือของเจ้า มันกระจอกเกินไปน่ะสิ!”

“วิธีการที่แท้จริง คือทำให้เธอรู้สึกว่า เธอทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่มีเจ้า ต้องพึ่งพาอาศัยเจ้าอยู่เสมอถึงจะสำเร็จ!”

เสียงของชายชรา ราวกับนกแก่ร้อง

ซือถูหยางพยักหน้า

“ข้าเข้าใจแล้วล่ะ!”

พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่นที่มุมปาก

พูดถึงเฉินเกอ

รอจนถึงวันรุ่งขึ้น เฉินเกอก็มาโรงเรียนแต่เช้า

เพราะว่าสองวันแรกนี้ต้องเรียนร่วมชั้นกัน

ดังนั้นเฉินเกอเรียกหวางเสี่ยวหัว ให้มาแต่เช้า

ตอนนี้ ในห้องเรียนรวมยังมีนักเรียนมาไม่มาก

แต่ว่าฟางเจี่่ยนนันและฟางหยีกลับมาถึงแล้ว

เมื่อเห็นเฉินเกอเข้า ฟางเจี่่ยนนันและฟางหยีเงยหน้าขึ้นมองเขา

โดยเฉพาฟางหยี มองด้วยสายตาขยะแขยง

เฉินเกอสีหน้าสลดเดินมาที่ข้างๆ ฟางเจี่่ยนนัน : “เรื่องเมื่อวานนี้ ขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”

จะว่าไปฟางเจี่่ยนนันก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะความรีบร้อนของตัวเองตอนนั้น ไม่ทันได้ระวังฟางเจี่่ยนนัน โยนเธอออกไป

เฉินเกอรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก เพราะว่าตัวเองต้องการฉวยโอกาส เพื่อต่อสู้จริงๆ ทำไมถึงได้ทำร้ายฟางเจี่่ยนนัน เอาได้

ส่วนฟางเจี่่ยนนัน ยิ่งได้ยินสิ่งที่เฉินเกอพูด ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก

ต่อมาฟางเจี่่ยนนัน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาซึ่งหายาก : “เช้านี้ได้เห็นหน้าเจ้า ข้าก็สบายใจแล้วล่ะ!”

เฉินเกอ : “ห๊ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน