ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 387

บทที่387 รถชนแล้ว

“รอเดี๋ยวก่อน” ฟางเมิ่งซินรีบพูดขึ้น

“เฉินเกอ ตอนนี้น้าน่าเกลียดมากแบบนี้ ถ้าน้าไป จะทำให้เฉียงเวยตกใจหรือเปล่า แล้วอีกอย่าง หลายปีมานี้ น้าไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลย แล้วยังทอดทิ้งเธออีก เธอจะเกลียดน้าไหม เกลียดแม่ที่น่าเกลียดคนนี้บ้างไหม” ฟางเมิ่งซินพูดด้วยท่าทางกังวลใจ

“เธอจะต้องไม่ยอมรับน้า ไม่ยอมรับแม่ที่หน้าตาน่าเกลียดแบบนี้แน่ๆ”

“อีกอย่าง มันเร็วมากเกินไป เฉียงเวยจะตั้งตัวไม่ทันหรือเปล่า”

ฟางเมิ่งซินลูบหน้าตัวเอง

เฉินเกอเกาท้ายทอย “ถ้าบอกเฉียงเวยตรงๆ ว่าคุณน้าเป็นแม่ของเธอ เธอต้องดีใจมากแน่ๆครับ คุณน้าไม่รู้จักนิสัยของเฉียงเวย เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่นิสัยดีมาก”

“ยังไงก็ไม่ได้ เอาอย่างนี้นะ คุณบอกกับเฉียงเวยว่าน้าเป็นแม่บ้านได้ไหม ถ้าเป็นแม่บ้านเฉียงเวยต้องไม่รังเกียจน้าแน่ๆ น้าอยากจะทำอะไรให้เธอบ้าง ถึงจะต้องเป็นวัวเป็นม้าให้เธอน้าก็ยอม”ฟางเมิ่งซินพูด

“งั้นก็ได้ครับ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง รอมีโอกาส ค่อยบอกความจริงกับเฉียงเวยทีหลัง”

คงต้องทำแบบนี้ไปก่อน

ตอนนี้ ฟางเจี่่ยนนันกับฟางหยีกลับไปแล้ว เหลือก็แต่พวกหวางเสี่ยวหัวที่ยืนรอรถอยู่ข้างนอก

เฉินเกอไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไป

พอต้องพาฟางเมิ่งซินไปด้วยยิ่งไม่สะดวกเข้าไปใหญ่ เขาจึงสั่งให้หลินเชิ่งหนานพาพวกหวางเสี่ยวหัวกลับไปก่อน

หลังจากนั้นเฉินเกอก็เรียกรถอีกคันมา แล้วพาฟางเมิ่งซินตรงไปมี่บ้านพักของเขาเอง

“ไปกันเถอะครับคุณน้า ที่นี่เลยครับ”

พอมาถึงหน้าห้อง แล้วเห็นฟางเมิ่งซินดูท่าทางลังเลที่จะเข้าไป เฉินเกอจึงขึ้น

“ได้จ้ะ”

พอเปิดประตู

“เฉียงเวย เฉียงเวย”

เฉินเกอตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง

เขารู้ ว่าเฉียงเวยจะต้องออกไปซื้อของข้างนอกแล้วแน่ๆ

“เธอไม่อยู่ครับ คุณน้า รอสักครู่นะครับ”

ฟางเมิ่งซินพยักหน้าให้ “เฉินเกอ น้าอยากไปดูห้องของเฉียงเวย ได้ไหม”

“ได้สิครับ เดี๋ยวผมพาไปดูครับ”

เฉินเกอเปิดประตูห้องของเฉียงเวยออก แต่เขาไม่เดินเข้าไปด้วย

ข้าในห้อง ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ สะอาดทุกซอกทุกมุม

ตรงตู้เสื้อผ้า มีเสื้อผ้าของเฉียงเวยแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือของเฉียงเวย

บนโต้ะหนังสือ มีกรอบรูปวางไว้ เป็นรูปของเฉียงเวยเอง

พอเห็นรูป ฟางเมิ่งซินก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีก เหมือนกาน้ำที่แตกร้าวจนมีน้ำไหลออกมา

เฉียงเวยในรูป เหมือนตัวเองตอนสาวมาก

ลูกสาว เป็นลูกสาวของเธอจริงๆด้วย

ลูกสาวเธอหน้าตาเหมือนกับเธอมาก ไม่มีเรื่องอะไรที่มีความสุขเท่ากับการได้กลับมาเจอกับลูกสาวอีกแล้ว

เธอรู้สึกว่าสวรรค์เมตตาเธอมาก เธอหยิบรูปมากอดไว้ แล้วร้องไห้ออกมาสักพัก

ก่อนจะหันไปดูบนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วเห็นว่ายังมีสมุดบันทึกวางอยู่ด้วย

พอเปิดอ่านหน้าแรก ก็เจอเข้ากับลายมือตัวหนังสือที่แสนงดงามของเฉียงเวย

นี่เป็นบันทึกประจำวันของเธอ

หลายปีมานี้ เฉียงเวยเขียนบันทึกประจำวันจนเคยชิน พอเริ่มอ่านหน้าแรก เป็นบันทึกที่เธอเขียนไว้ก่อนจะได้มาเจอกับเฉินเกอ

“วันนี้ฉันได้เป็นครูอนุบาลแล้ว ได้มาเห็นเด็กๆมีความสุขทักวัน ฉันก็พอใจมากแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่มีพ่อแม่ มีแค่เวลาที่ได้อยู่กับเด็กๆฉันถึงไม่รู้สึกเหงาใจ”

“วันนี้ฉันได้ยินครูคนหนึ่งแอบพูดกับคนอื่นเรื่องของฉัน บอกว่าฉันโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก ฉันทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่ในใจของฉันรู้สึกเสียใจมาก ฉันอยากจะหาพ่อแม่ให้เจอ แล้วถามพวกท่าน ว่าทำไมถึงทิ้งฉันไป ทำไมถึงไม่ให้ความทรงจําที่ดีตอนเด็กกับฉัน ทำไม”

“…”

“ฉันทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทำผิดโดยไม่ระวัง ถูกหัวหน้าตำหนิ มีผู้ชายคนหนึ่งช่วยฉันไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่ฉันเห็นเขา ฉันรู้สึกผูกพันกับเขามาก”

“ฉันเจอหน้าเขาอีกแล้ว เขาช่วยฉันไว้อีกครั้ง แต่ตอนฉันอยู่ต่อหน้าเขา ฉันรู้สึกต่ำต้อยมาก เพราะเขารวยมาก ฉันเป็นแค่เด็กจนๆคนหนึ่ง แต่เขาบอกกับฉันว่า เขากับฉันมีประสบการณ์เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันถึงได้รู้สึกผูกพันกับเขามาก แค่เขาอยู่ข้างๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก”

“หลายวันมานี้ ฉันคิดถึงเขามาก อยากจะเจอเขา วันนี้ ฉันเจอเขาแล้ว ฉันอยากจะคอยดูแลเขาอยู่ข้างๆตลอดไป แต่ฉันรู้ดี ว่าเขามีผู้หญิงที่รักอยู่แล้ว พี่สาวคนนั้นสวยมาก และใจดีมากด้วย พี่เฉินเกอไม่มีทางชอบฉันแน่ๆ แต่ฉันก็อยากจะทำทุกอย่างให้เขา”

“ถ้าหากฉันมีครอบครัวของตัวเอง ฉันจะบอกพี่เฉินเกอ ว่าฉันชอบเขา แต่ว่า ฉันไม่มีอะไรเลย ฉันเป็นแค่เด็กกำพร้า แม้แต่ครอบครัวก็ไม่มี จะมีความรักได้ยังไงกัน”

“…”

ฟางเมิ่งซินเปิดอ่านไปทีละหน้า จนน้ำตาของฟางเมิ่งซินเลอะไปทุกหน้า

“ยี่สิบกว่าปีก่อน ไม่รู้เลยว่าลูกสาวจะได้รับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เธอยังเป็นแค่เด็กเล็กๆอยู่เลย กลับต้องมาเจอเรื่องลำบากถึงขนาดนี้”

ฟางเมิ่งซินกอดบันทึกไว้ แล้วร้องไห้ออกมา

“พี่เฉินเกอคะ พี่กลับมาแล้วเหรอ ฉันออกไปซื้อผักมา เดี๋ยวจะไปทำอาหารให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”

ทันใดนั้นเอง มีเสียงใสของผู้หญิงดังมาจากนอกประตู และเสียงนั้น ก็ทำให้ฟางเมิ่งซินชะงักไป

พอเดินออกมาจากห้อง คนตรงหน้าก็คือซูเฉียงเวยนั่นเอง

“คุณคือ…”

ซูเฉียงเวยเห็นฟางเมิ่งซินเดินออกมาจากห้องของตัวเอง จึงถามออกมา

“น้าคือ…”

ฟางเมิ่งซินมือสั่นเทา

“เฉียงเวย นี่คือคุณน้าฟาง จากนี้จะอาศัยอยู่ที่บ้านเรา ช่วยเราสองคนทำอาหาร หลังจากนี้น้องไปซื้อของเป็นเพื่อนคุณน้าก็พอแล้ว” เฉินเกอรีบพูดอธิบาย

ฟางเมิ่งซซิรีบพยักหน้าทันที

ตอนที่เฉียงเวยเห็นแผลเป็นบนหน้าของฟางเมิ่งซี ในใจก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

พอเห็นหน้าคุณน้าฟางคนนี้ ซูเฉียงเวยก็รู้สึกผูกพันมาก

เธอจึงยิ้มออกมาแล้วพูด “สวัสดีค่ะคุณน้าฟาง หนูชื่อซูเฉียงเวยนะคะ จากนี้ไปพวกเราสองคนรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินของพี่เฉินเกอด้วยกันนะคะ”

ที่จริงแล้ว เฉินเกอไม่ได้ต้องการให้เฉียงเวยดูแลรับใช้เขา

แต่ว่า เฉียงเวยเป็นคนที่อยู่โดยไม่มีอะไรทำไม่ได้ ดังนั้น เฉินเกอจึงไปเกลี้ยกล่อมให้เธอไม่ต้องทำอีก

ส่วนฟางเมิ่งซินมีศักดิ์เป็นคุณป้ารองของเขา จะให้มารับใช้เขาก็ไม่ได้

แต่สถานการณ์แบบนี้ เฉินเกอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร

เฉินเกอดีใจมาก

แต่หวางเสี่ยวหัวก็โทรเขามา

“พี่เฉิน แย่แล้วครับ”

“แย่อะไร เกิดอะไรขึ้น” เฉินเกอถาม

“พี่นะพี่ พี่ไม่ควรจะให้คนขับรถเป็นผู้หญิงเลย พระเจ้า พวกเราเกือบจะไปเดินเล่นกันที่นรกแล้วไหมล่ะ”

หวางเสี่ยวหัวตกใจจนเกือบจะร้องไห้

เอ่อ…

เฉินเกอจนใจ ก็ในบรรดาพวกเขา มีแค่หลินเชิ่งหนานที่มีใบขับขี่รถยนต์ เรื่องของคุณน้า จะให้ใครรู้ก็ไม่ได้ ดังนั้นเฉินเกอจึงให้หลินเชิ่งหนานขับรถไป

“พวกนายเป็นอะไรมากไหม”

“ไม่เป็นไรครับ แต่พวกเราไปชนท้ายรถของคนอื่นเข้า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นจับพวกเราไว้ ไม่ยอมให้พวกเราไปไหน บอกจะให้เจ้าของรถมาเคลียร์”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน