ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 446

บทที่446 ข่มขู่

“โอ๊ะพี่ ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนพี่หนานกงเคยทำร้ายจิตใจพี่ แต่พี่ดูสิภรรยาของพี่หนานกงก็เป็นคนธรรมดาคนหนี่งนะ!”

โม่ชิงหยิงกล่าว

และดวงตาของโม่ชิงหวูจู่ๆก็มีอาการโมโหเกิดขึ้น“หุบปาก พี่บอกหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าห้ามพูดถึงเขา!ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงคนนั้น!”

“ฉัน……ฉันรู้แล้วพี่ ฉันรู้ว่าพี่เจ็บปวดและดูถูกคนสามัญชน ฉันจะไม่พูดถึงแล้ว!”

ขอบตาของโม่ชิงหยิงแดงเล็กน้อย

โม่ชิงหวูก็รู้สึกว่าคำพูดของตนนั้นแรงไปหน่อย

ลูบหัวของชิงหยิงแล้วพูดว่า

“พี่ก็แค่หวังดีกับน้อง เฉินเกอก็เห็นความสำคัญของเงินทองเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนั่นแหละนอกจากเงินแล้ว ไม่มีอะไรดีเลย

เขาไม่เหมาะจะเป็นที่โปรดปรานคนใดคนหนึ่งของตระกูลโม่เลย และที่พวกเราถูกส่งให้มาช่วยพวกเขาครั้งนี้ก็เพื่อทำตามสัญญาลูกชายของผู้อาวุโสสามเท่านั้น ตระกูลโม่ของพวกเราไม่เหมือนกับคนทั่วไป พวกเราเป็นคนรักษาสัจจะเป็นอย่างมาก!”

“ดังนั้น ถึงน้องจะรู้สึกดีกับเฉินเกอ แต่เป็นไปไม่ได้ พี่ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!”

ดวงตาของโม่ชิงหวูเผยความดูถูกขึ้นมาแวบหนึ่ง

“อืม……ฉันรู้แล้ว!”

โม่ชิงหยิงก้มหน้าลง

“แต่ถ้าน้องอยากให้เฉินเกออยู่ข้างกายน้องก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธีนะ?”

โม่ชิงหวูกล่าว

“หา?วิธีอะไร?”

โม่ชิงหยิงกล่าว

ใช่แล้ว 10 วันก่อน วันที่เฉินเกอเพิ่งมา โม่ชิงหยิงเมื่อเห็นคนหน้าตาหล่อเหลาที่มีอายุน้อยอย่างนี้

ตนก็รู้สึกเริ่มหวั่นไหวแล้ว

บวกกับหลังจากที่ได้รู้จักกัน ได้ยินเฉินเกอเล่าถึงเรื่องภายนอก

ดังนั้นจึงรู้สึกสนใจในตัวเฉินเกอเป็นอย่างมาก

บางครั้ง ความรู้สึกของผู้หญิงก็จะแปลกประหลาดอย่างนี้แหละ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้หลงรัก และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้เกลียดชังนัก

สรุปแล้วคือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในเพียงชั่ววูบเดียว

คุณว่าเขาดีไหม?ยอดเยี่ยมไหม?ก็ไม่ดีไม่ยอดเยี่ยมนะ แต่ก็คือรัก!

โม่ชิงหยิงก็มีความอารมณ์เช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเติบโตมาจากครอบครัวที่เก็บตัวในตระกูลโม่ ทำให้เธอไม่มีความคิดเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ

“ฮาฮา ง่ายมาก ก็แค่ให้เขากลายเป็นสาวรับใช้ของน้องไง คอยติดตามอยู่ข้างกายน้อง!”

โม่ชิงหวูพูดเรียบๆ

“เพราะหลังจากที่กลายเป็นทาสรับใช้ของบ้านตระกูลโม่ ตระกูลโม่มีความสามารถทำให้เขาอายุยืนยาว นี่เป็นสิ่งที่เงินทองหาซื้อไม่ได้เชียวนะ!”

“อุ๊ย ฉันไม่อยากให้เขาเป็นคนรับใช้ แต่พี่ พี่ไม่ชอบเขาเลยเหรอ?ถึงยังไงเขาก็……”

“พอแล้ว อย่าพูดถึงอีกเลย นอกจากวิธีนี้ก็ไม่มีทางอื่น อย่าโทษที่พี่ไม่เคยเตือนน้องมาก่อนนะ!”

พูดจบ โม่ชิงหวูก็เดินจากไป

และในงานเลี้ยง

เฉินจิ้นตงกำลังพูดคุยอยู่กับผู้อาวุโสสามในตระกูลโม่และผู้ช่วยที่มาจากตระกูลโม่

“เรื่องครั้งนี้ ต้องขอรบกวนทุกท่านแล้วครับ!”

เฉินจิ้นตงพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณท่านตระกูลเฉิน เกรงใจแล้ว พวกเราจะพยายามเต็มที่เลยครับ และหวังว่าการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างตระกูลเฉินกับตระกูลโม่จะเป็นไปอย่างราบรื่นมีความสุขกันทั้งสองฝ่ายนะครับ!”

โม่เว่ยผิงผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“สงสัยคงจะไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก?”

และในเวลานี้มีชายชราอายุ60ปีนำคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

“คุณเป็นใคร?ทำไมถึงเข้ามาได้?”

เฉินจิ้นตงเห็นชายชราคนนี้ก็รู้สึกหยุดชะงัก

“ก็แค่เด็กเมื่อวานซืนก็อยากจะรั้งฉันอย่างนั้นเหรอ?”

ชายชราพูดเยาะเย้ย

“โม่ฉางคง คุณจะทำอะไร?ตอนนี้พวกเราจะร่วมมือกับตระกูลเฉิน คุณกล้าเสียมารยาทขนาดนี้เลยหรือ?”

โม่เว่ยผิงขมวดคิ้วพลางยืนขึ้น

“ฮาฮา ร่วมมือ?ร่วมมือกันไม่ได้!”

โม่ฉางคงพูดอย่างเย็นชา

อายุของเขา60กว่าแล้ว แต่ยังดูเหมือน50กว่าๆอยู่เลย มีดวงตารูปสามเหลี่ยมที่ทำให้ผู้สบตารู้สึกขนหัวลุกเลยทีเดียว

“ทำไมถึงร่วมมือกันไม่ได้?”

โม่เว่ยผิงกล่าว

“ผมรู้อยู่ว่าลูกชายของลุงสาม เคยถูกคนตระกูลหยางช่วยชีวิตไว้ ดังนั้นจึงติดหนี้บุญคุณตระกูลหยาง ดังนั้นจึงผิดกฏยืนออกมาจากการอันเชิญของตระกูลหยางเพื่อมาช่วยเหลือตระกูลเฉิน!”

“แต่ว่า ลูกชายคนโตของตระกูลเฉิน เฉินเกอไปมีเรื่องกับตระกูลหลงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันเป็นตัวแทนของตระกูลหลงมาฟังคำชี้แจงจากตระกูลเฉิน!”

“ลุงว่า ลุงยังจะช่วยพวกเขาได้อยู่ไหม?”

โม่ฉางคงพูดอย่างเย็นชา

ถึงแม้โม่ฉางคงจะเรียกโม่เว่ยผิงที่มีอายุ 90 กว่าปีว่า ลุงสามก็ตาม

แต่ถ้าพูดถึงสถานะทางตระกูลแล้ว ลุงสามก็เป็นแค่ผู้อาวุโสสามเท่านั้น

ส่วนเขาเป็นผู้อาวุโสรอง

ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าเขาอีกขั้น

“ตระกูลหลง?”

เฉินเกอยืนอยู่ข้างๆ ไอ้ตระกูลทำไมถึงมีความสัมพันธ์กับตระกูลโม่ได้ล่ะ?

และที่สำคัญ พี่สาวกับตนมีความบาดหมางกับตระกูลหลงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โม่ฉางคงจะมาขอคำชี้แจงอะไรกัน?

“สวัสดีครับผู้อาวุโสโม่ฉางคง ไม่ทราบว่าท่านต้องการคำชี้แจงอะไรมิทราบครับ?”

เฉินจิ้นตงพูดอย่างยิ้มแย้ม

“ฮาฮา ก็ง่ายมาก ฉันต้องการให้คุณเอาทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเฉินให้ตระกูลหลง เรื่องนี้ก็จะถือเป็นอันจบสิ้น ฉันจะไม่มายุ่งอีก!”

โม่ฉางคงยิ้มเยาะเย้ย

“เวอร์มาก!”

คนตระกูลเฉินต่างสบตากัน

ตกใจกับคำพูดของโม่ฉางคง

ทรัพย์สินของตระกูล?อย่าว่าแต่ครึ่งหนึ่งเลย แค่เศษหนึ่งส่วนพันก็เทียบเท่ากับตระกูลหลงแล้ว

ไอ้โม่ฉางคงคนนี้ ไม่ใช่จะมาฟังคำชี้แจงเลย แต่มาขโมยมากกว่า?

เฉินเกอก็ขมวดคิ้ว

“คุรท่านตระกูลเฉิน คุณคิดให้รอบคอบนะ ถ้าไม่ทำให้เพื่อนผมพอใจ พอถึงเวลาฉันจะให้ตระกูลเฉินของพวกคุณต้องเจอดีแน่ๆ คุณคงไม่สงสัยในความสามารถของผมหรอกนะ?”

โม่ฉางคงพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อกี้ที่เขาไม่ได้แจ้งบอกล่วงหน้าก็เข้ามาโดยพลการ

ก็เพื่อมาขู่ขวัญตระกูลเฉิน

ทำให้ตระกูลเฉินรู้ว่า ถ้าเขาคิดจะแก้นแค้น ไม่ว่าจะยังไงตระกูลเฉินก็รับมือไม่อยู่เป็นอันขาด!

“ผู้อาวุโสรอง จะเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง จะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?ไอ้ตระกูลหลงเป็นตัวอะไร?กล้าเอาทรัพย์สินตั้งครึ่งหนึ่ง”

และในเวลานี้โม่ชิงหยิงยืนขึ้นมาพูด

อันที่จริงตระกูลโม่ก็แบ่งแยกพรรคพวกกันหลายพวก

และโม่ฉางคงก็หัวหน้าแกนนำพรรคหนึ่ง

คนตระกูลโม่ ใครจะไม่รู้ว่า โม่ฉางคงหลงใหลต่อโลกภายนอกแค่ไหน แค่ผู้หญิงก็ไม่รู้ว่ามีตั้งเท่าไหร่แล้ว

ดังนั้นโม่ชิงหวูกับโม่ชิงหยิงพวกเธอขยะแขยงโม่ฉางคงมากเลย

และที่สำคัญตอนนี้ รวมทั้งโม่เว่ยผิงและคนที่มาจากตระกูลโม่ต่างก็ดูออกว่า

โม่ฉางคงมาแก้แค้นแทนตระกูลหลงที่ไหนกัน แต่เขาเองต่างหากที่มาหาเรื่องตระกูลเฉินเอง

เพียงแค่หาข้ออ้างให้น่าฟังก็เท่านั้นเอง

เรื่องลักษณะนี้ ไม่รู้ว่าโม่ฉางคงจะแอบไปยึดเงินจากตระกูลอื่นมาแล้วเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว

ได้ยินมาว่า โม่ฉางคงแอบก่อตั้งตระกูลโม่ตระกูลใหญ่ข้างนอกก็ใช้วิธีอย่างนี้เนี่ยแหละ!

เพียงแต่เขาไม่เคยยอมรับต่อสาธารณชน

“ชิงหยิง หนูไม่มีสิทธิ์มาพูดที่นี่ ส่วนคุณลุงสามคงจะไม่มาแทรกเรื่องนี้ของผมหรอกใช่ไหม?ถ้าลุงคิดจะมายุ่งก็ให้ไตร่ตรองให้ดีๆก่อนว่ามันคุ้มไหมที่จะมาช่วยตระกูลเฉิน?”

โม่ฉางคงแอบใบ้ให้โม่เว่ยผิงฟังหนึ่งประโยค

ส่วนโม่เว่ยผิงที่ความโกรธกำลังลุกเป็นไฟ แต่บัดนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

ถ้าพูดถึงอำนาจบารมีแล้ว โม่ฉางคงมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากๆ

“เจ้าบ้านตระกูลเฉิน ฉันให้เวลาพวกคุณพิจารณาครึ่งชั่วโมง แล้วฉันจะเอาคำตอบ!”

พูดจบ โม่ฉางคงก็นำลูกน้องเดินจากไป……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน