ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 447

บทที่ 447 ต่อจากนี้จะไม่ใช่คุณชายเฉินอีกต่อไป

“คุณพ่อครับ ผมผิดเอง เรื่องนี้ผมเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาเองครับ!”

คนทั้งครอบครัวของเฉินจิ้นตงมาที่ห้องหนังสือกันหมด

เฉินจิ้นตงไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้

บัดนี้ เฉินเกอพูดอย่างนอบน้อม

“ไม่หรอกเสี่ยวเกอ นี่ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา คุณปู่ลูกเคยพูดถึงโม่ฉางคงตระกูลโม่มาตั้งนานแล้ว เขาเป็นคนที่ตัณหาจัด โลภมากทีเดียว คุณปู่ของลูกเคยลิ้นลองความโหดร้ายของเขามาก่อน และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมตระกูลเฉินของพวกเราถึงได้ย้ายถิ่นฐานจากหัวเซี่ยมาที่เมืองหนานหยาง ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของโม่ฉางคงนั่นเอง!”

เฉินจิ้นตงกล่าว

“ดังนั้น ถึงวันนี้เขาจะไม่ได้มาเพื่อตระกูลหลง พรุ่งนี้ก็อาจจะมาเพื่อตระกูลหลี่หรือตระกูลจ้าว ซึ่งจะหาข้ออ้างมาหาเรื่องเราอยู่ดี!”

เฉินจิ้นตงพูดพลางขมวดคิ้ว

“คุณพ่อครับ ที่พ่อเคยระแวงตระกูลโม่ก็เพราะสาเหตุนี้ใช่ไหมครับ?”

เฉินเกอเหมือนเคยฟังคุณพ่อเล่ามาก่อนว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พ่อจะไม่ไปขอความช่วยเหลือตระกูลโม่ และไม่อยากจะมีความเกี่ยวพันใดๆกับพวกเขาทั้งสิ้น

เฉินจิ้นตงพยักหน้าอย่างเป็นกังวล

“เสี่ยวเกอ ลูกรู้เพียงว่าตระกูลฟางมีฐานะเทียบเท่ากับตระกูลเฉินของพวกเรา พ่อลูกยังไม่เคยบอกลูกมาก่อนว่า อันที่จริงแล้วเมื่อสี่สิบปีก่อนมีสามชาติตระกูลใหญ่ ซึ่งได้แก่ตระกูลเฉิน ตระกูลฟาง และยังมีอีกหนึ่งตระกูลเรียกว่าตระกูลมู่หรง เพียงแต่ตอนนี้ตระกูลมู่หรงในตอนนี้ได้เปลี่ยนแซ่เป็นโม่แล้ว แม่พูดอย่างนี้ ลูกเข้าใจใช่ไหม?”

คุณแม่พูดในเวลานี้

เฉินเกอพยักหน้า

“เห้อะ แต่ถ้าไม่มีตระกูลโม่คอยช่วยเหลือ พวกเราก็จะไม่สามารถต่อกลอนกับไท่หยางเหมิงผู้ลี้ลับได้ ซึ่งจะทำให้หาตัวอาสองของลูกไม่เจอ แล้วก็จะไม่รู้ความลับอันทรงคุณค่าจากอาสองของลูก!”

เฉินจิ้นตงทุบโต๊ะแรงๆ

“คุณพ่อ ผมไม่เข้าใจมาโดยตลอดกับสิ่งที่คุณพ่อเคยบอกว่าตระกูลเฉินโดนคำสาปแช่งนั้นมันเป็นยังไงกันแน่?อำนาจตระกูลเฉินของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า ทำไมถึงล้มละลายก็ล้มละลายได้ล่ะ?”

“และที่สำคัญ ถึงโม่ฉางคงคิดจะแก้แค้นก็ไม่แน่ว่าจะแก้แค้นได้สำเร็จ หรือตระกูลเฉินของพวกเราก็ต้องเหมือนตระกูลมู่หรงแต่ก่อนที่เปลี่ยนแซ่ไปใช้แซ่โม่เหรอ?”

เวลานี้เฉินเสี่ยวพูดขึ้นมา “หนูไม่เชื่อเด็ดขาด!”

เฉนจิ้นตงยกมือขึ้นมา “ใช่ ถึงเขาคิดจะแก้แค้น ลำพังอำนาจของเขาอยากจะทำให้ตระกูลเฉินของพวกเรากลายเป็นอย่างตระกูลมู่หรงแต่ก่อนคงจะยาก แต่ว่า เขาสามารถทำให้ตระกูลเฉินของพวกเราบาดเจ็บสาหัสได้!”

“ถึงจะสาหัสเพียงใด พ่อก็ไม่ค่อยเป็นกังวลเท่าไหร่นัก ขอแค่ตามหาอาสองของลูกเจอ หากตระกูลเฉินล้มละลายก็จะสามารถสร้างรากฐานให้มั่นคั่งได้เป็นร้อยเท่า ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเฉินจะกลายเป็นผู้นำอภิมหาอำนาจตลอดกาล พ่อพูดแบบนี้พวกลูกเข้าใจไหม?ไม่เช่นนั้นพ่อกังวลว่า ภายในสิบปี ไม่ใช่สิ ไม่ถึงสิบปี!ตระกูลเฉินก็จะหายสาบสูญไปเลย!”

เฉินจิ้นตงส่ายหัว“ดังนั้น จำเป็นต้องหาอาสองของลูกให้เจอ และจำเป็นต้องให้ตระกูลโม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ!”

เฉินเกอฟังออกแล้ว ถึงตนจะถามอย่างไร คุณพ่อก็จะไม่มีทางพูดถึงเรื่องคำสาปแช่งนั้นเลย

“คุณพ่อ หรือจะให้ทรัพย์สินเขาครึ่งหนึ่ง?เชอะๆ เขาสมควรได้รับไหม!”

เฉินเสี่ยวพูดอย่างไม่พอใจ “งั้นหนูจะสู้กับเขาสักตั้งหนึ่ง หนูไม่เชื่อว่าอำนาจมหาศาลในแอฟริกาเหนือของหนูจะสู้กับโม่ฉางคงไม่ได้?”

“พี่สาว ตอนนี้พ่อไม่ได้พูดถึงเรื่องต่อสู้กับโม่ฉางคง แต่พูดว่าตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องร่วมมือกับตระกูลโม่ มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น!”

เฉินเกอกล่าว

“แต่ว่า ยังมีวิธีอะไรเหรอ?ตอนนี้ตระกูลโม่คงจะไม่ร่วมมือกับพวกเราต่อแล้วมั้ง?”

เฉินเสี่ยวพูดอย่างวิตกกังวล

“ทำไมจะไม่มีวิธีล่ะ!”

เฉินเกอหัวเราะแห้งๆหนึ่งครั้ง

จากนั้นก็มองพ่อแม่ และพี่สาว

พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า“ผมมีวิธี!”

“เสี่ยวเกอ?ลูก……ลูกหมายความว่าอย่างไร?”

และเฉินจิ้นตงราวกับฟังความคิดของเฉินเกอออกได้เล็กน้อย จึงรีบถาม

“คุณพ่อ อย่าได้สนใจเลยครับ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมจัดการเองครับ!”

เฉินเกอพูดจบ จึงเดินออกไป

“โม่ฉางคง ตระกูลเฉินและตระกูลหยางล้วนเป็นเพื่อนของโม่เว่ยผิงอย่างผม คุณอย่าได้เกินไปเชียวนะ!”

และด้านนอก โม่เว่ยผิงกำลังปะทะคารมกับโม่ฉางคงอยู่

“และอีกอย่าง ตระกูลเฉินมีเงินทองค้ำฟ้า คุณคิดจะแก้แค้นก็แก้แค้นได้อย่างนั้นเหรอ?ผมไม่ยุ่งเรื่องนี้ก็ได้ แต่คุณโม่ฉางคงต้องคิดดูให้ดีๆ ตระกูลเฉินตอนนี้เป็นตระกูลระดับโลก เมื่อใดที่ได้รับความเสียหาย สิ่งที่ตามมาจะมีผลกระทบเช่นไรล่ะ ตระกูลไม่ใช่ตระกูลมู่หรงเมื่อสี่สิบปีก่อนนะ!หากเกิดการปะทะกันเมื่อไหร่ ตอนนั้นเจ้าบ้านคงจะออกตัวมาแน่ คุณทำลายสมดุลแล้ว คุณคิดว่าจะสามารถครอบครองทรัพย์สินตั้งครึ่งหนึ่งเหรอ?”

โม่เว่ยผิงพูดจบก็โบกมือนั่งลง

ส่วนดวงตาสามเหลี่ยมของโม่ฉางคงนั้นขมวดคิ้วขึ้น

โม่ฉางคงไม่เคยคิดในแง่นี้มาก่อนเลย

พูดตามความเป็นจริง ขนมเค้กก้อนโตอย่างตระกูลเฉิน โม่ฉางคงอยากกินมาตั้งนานแล้ว

แต่หลังจากที่ลองมาได้สักพักหนึ่ง จึงรู้ว่าการกลืนตระกูลเฉินนั้นยากราวกับปืนขึ้นท้องฟ้าเลย

ภายหลังตระกูลเฉินได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองหนานหยาง

โม่ฉางคงจึงเพ่งสายตามองไปที่ตระกูลใหญ่ในหัวเซี่ยแทน

คำพูดของโม่เว่ยผิงบัดนี้ได้เตือนสติเขาอีกครั้ง

หากก่อเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ตอนนั้นเจ้าบ้านตระกูลโม่คงไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ

แต่ว่าตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าจะมีลูกเป็ดอยู่ในกำมืออยู่แล้ว จะให้บินหนีไปง่ายๆอย่างนี้ จึงทำให้โม่ฉางคงไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

ไม่ได้ครึ่งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ต้องให้ได้สักหนึ่งส่วนสาม!

สรุปแล้วคือจะปล่อยไปง่ายๆไม่ได้!

โม่ฉางคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

และในเวลานี้เฉินเกอเดินออกมา

“เฉินเกอ คุณวางใจเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฉันจะช่วยคุณแน่ๆ และยังมีลุงสามก็จะช่วยคุณแน่ๆ!”

โม่ชิงหยิงเดินเข้ามาถือแขนของเฉินเกอแล้วพูด

“ผมรู้ครับ ขอบคุณคุณมากครับชิงหยิง!”

จากนั้นก็มองโม่เว่ยผิงแล้วพูดว่า“คุณลุงสามโม่ ถ้าเคลียร์ความบาดหมางระหว่างผมกับตระกูลหลงได้ ท่านจะอยู่ช่วยตระกูลเฉินต่อใช่ไหมครับ?”

คุณลุงสามโม่ไม่รู้ว่าเฉินเกอกำลังหมายถึงอะไร

แต่ก็ยังพยักหน้าแรงๆพลางพูดว่า“อันนี้คุณวางใจได้เลย ตอนนั้นคุณยายของคุณเคยช่วยชีวิตลูกชายของผมเอาไว้ ตอนนี้ได้รับเชิญจากเธอ ผมต้องช่วยสุดความสามารถอยู่แล้ว!ตระกูลโม่ไม่เคยผิดคำสัญญาใดๆอยู่แล้ว!”

“ดีเลยครับ!”

เฉินเกอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม

จากนั้นเฉินเกอก็มองมาที่โม่ฉางคง “ผู้อาวุโสโม่ คุณพูดว่าแก้แค้นแทนตระกูลหลง แต่ความจริงแล้ว คุณก็ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผมกับตระกูลหลง ไม่มีความเกี่ยวพันกับตระกูลเฉินเลย!ดังนั้นคุณช่วยพวกเขามาฟังคำชี้แจง ก็มาลงที่ผมเลยครับ คุณไม่ต้องไปหาตระกูลเฉิน!”

โม่ฉางคงยิ้มเยาะเย้ย “ฮาฮา?ทำไม คุณเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเฉิน ตอนนี้คุณไปมีเรื่องกับเพื่อนของผม ก็เท่ากับตระกูลเฉินมีเรื่องกับเพื่อนของผมนั่นแหละ!”

“ผู้อาวุโสโม่เข้าใจผิดแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผมไม่ใช่ลูกชายคนโตของตระกูลเฉินแล้ว ดังนั้นคุณจะไปหาเรื่องกับตระกูลเฉินไม่ได้แล้ว!”

เฉินเกอพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณว่ายังไงนะ?”

โม่ฉางคงที่มีตาหยีตอนนี้เปิดกว้างขึ้น

“เสี่ยวเกอ อย่าพูดซี้ซั้ว!”

และเฉินจิ้นตงเดินออกมา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็โมโหตะคอกออกมา

เฉินเกอยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ผมบอกว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะออกจากตระกูลเฉิน ผมจะไม่ใช่คุณชายเฉินอีกต่อไป!ดังนั้นท่านอาวุโสโม่ ท่านมีเรื่องอะไรก็มาหาผมได้เลย!”

“คุณลุงสามโม่ เมื่อกี้ท่านรับปากแล้วว่าจะอยู่ช่วยตระกูลเฉินต่อ เมื่อผมออกจากเชื้อตระกูลแล้ว ถ้างั้นเรื่องหนี้แค้นกับตระกูลหลงก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลเฉินแล้วใช่ไหมครับ?”

โม่เว่ยผิงหยุดชะงัก คิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะสละชื่อเสียงเงินทองทิ้งได้

ขณะนั้นจึงพยักหน้ากล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว คุณไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินแล้ว ใครจะกล้ามาหาเรื่องตระกูลเฉินกันล่ะ!”

เมื่อยังพูดไม่จบก็มองไปที่โม่ฉางคง

เห็นได้ชัดว่าโม่เว่ยผิงกำลังใบ้ให้โม่ฉางคงเข้าใจว่าอย่าเหลื่อมล้ำให้มากเกินไปนัก!

และดวงตาของโม่ฉางคงแดงขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ฮาฮา ออกจากตระกูลเฉิน?ไอ้หนุ่มเอ่ย อย่าโทษว่าผมไม่เคยเตือนคุณนะ หลังจากที่คุณออกจากตระกูลเฉิน คุณคิดว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่ต่อได้เหรอ?ถึงผมจะไม่ลงมือ แต่ก็จะมีศัตรูของตระกูลเฉินลงมือแน่ๆ ถ้าตอนนั้นตระกูลเฉินยื่นมือช่วยเหลือคุณเมื่อไหร่ คุณก็ตายอย่างไร้ประโยชน์ ผมยังคงไม่ปล่อยตระกูลเฉินไปแน่!”

“อันนี้ท่านวางใจได้ ไม่มีใครมาช่วยผมหรอก แน่นอน หลังจากที่ผมออกจากประตูตระกูลเฉิน คุณก็สามารถมาหาผมได้!”

เฉินเกอกล่าว

“น้องชาย!”

เฉินเสี่ยวก็กังวลเช่นกัน

มองเฉินจิ้นตงพลางพูดว่า “คุณพ่อ รีบพูดอะไรสักอย่างสิค่ะ!”

และเฉินจิ้นตงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเริ่มแดงชื้น

จากนั้นมุมปากกระตุกพลางพูดว่า “ดี ลูกชายแบกรับความรับผิดชอบในครั้งนี้ สมัครใจออกไปจากตระกูลเฉิน งั้นพ่อก็ของรับรองกับลูกว่าถ้าใครกล้าแตะต้องตัวลูกที่เมืองหนานหยาง เฉินจิ้นตงอย่างผมจะใช้กำลังทั้งหมดของตระกูลเพื่อสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย!”

ปัง!

เฉินจิ้นเกอใช้หนึ่งฝ่ามือแรงๆตบขวดเหล้าแตก

และเปลือกตาของโม่ฉางคงกระตุกอย่างแรง

“คุณพ่อกำลังพูดอะไรอยู่?”

“จิ้นตง คุณบ้าไปแล้ว นี่มันลูกของเรานะ!”

เฉินเสี่ยวกับหยางยู่ผิงต่างก็เป็นห่วงมาก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน