ย่านการค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่ในสายตาของคุณชายเฉิน เป็นของที่ไม่มีค่าอะไรเลยงั้นเหรอ
เจ้าบ้านเฉิน ตกลงว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน
เจียงเวยเวยและเหล่านักเรียนหญิงแทบจะสลบแล้ว ถ้าเกิดใครได้เป็นแฟนของคุณชายเฉิน มันจะดีขนาดไหนกัน
“แต่ว่าคุณชายจวง หรือว่าแกจะพูดเรื่องของบ้านเฉินเวอร์เกินไป!?”
“ถ้าเกิดเป็นตระกูลใหญ่ พวกเราก็ควรจะได้เห็นข่าวในโลกอินเตอร์เน็ตบ้างสิ!”
มีนักเรียนหญิงบางพวกที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
จวงเฉียงยิ้ม “ส่วนใหญ่ที่พวกคุณเห็นกันนั้น ล้วนไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากจริงๆ พวกคุณลองคิดดูดีๆ ตอนนี้พวกกลุ่มใหญ่ที่ดังๆในโลกอินเตอร์เน็ต คนที่คอยหนุนหลังพวกกลุ่มใหญ่อยู่ จะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน? เพราะงั้น อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทุกที่ เบื้องหลังล้วนมีคนรวยหนุนหลังอยู่ทั้งนั้น และการหนุนหลังแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยได้ยินมาก่อนอย่างตระกูลใหญ่!”
“......มีเหตุผล!”
คราวนี้เหล่านักเรียนหญิงต่างก็เชื่อกันหมด
กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง...!
และในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
หวังหุ้ยหมิ่นเดินไปดูว่าเป็นเบอร์ของใคร จู่ๆก็ตกใจขึ้นมา “คนที่โทรมาก็คือของสำนักงานบริหารธุรกิจการค้า!”
จู่ๆใจของหวังหุ้ยหมิ่นก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
เป็นความจริงที่ว่าบริษัทเกือบจะล้มละลายเพราะมีเงินทุนไม่เพียงพอ แต่ว่า เมื่อกี้ จินหลิงบริษัทการค้าได้ประกาศว่าจะเอาเงินมาลงทุนกับบริษัท
และในเวลานี้สำนักงานบริหารธุรกิจการค้าก็โทรเข้ามา คงจะไม่ใช่ว่าอยากจะตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัทหรอกใช่ไหม?
ต้องรู้เอาไว้ว่า ธนาคารที่ตัวเองไปกู้ยืมเงินทุนมานั้นไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนที่ตัวเองหาเงินไม่ได้สำนักงานบริหารธุรกิจการค้าก็คือสิ่งแรกที่พวกเขาจะต้องรายงาน
มันชัดเจนมาก ทุกคนล้วนเข้าใจเหตุผลนี้ดี
จากนั้นทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก รอฟังข่าวอยู่เงียบๆ
“ขอบคุณผู้อำนวยการหวาง ค่ะๆๆ ขอขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากท่าน!โอเครค่ะ ไว้เจอกัน!”
จากนั้น หวังหุ้ยหมิ่นพูดจบประโยคด้วยเสียงที่ตื่นเต้นและดูมีความสุข
ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
“ผู้อำนวยการหวางเป็นคนโทรมาเหรอ?”
พ่อของซูมู่หานพูดด้วยความตกใจ
บริษัทธรรมดาอย่างพวกเขา ล้วนหวาดกลัวสำนักงานบริหารธุรกิจการค้ากันทั้งนั้น
ฟังจากน้ำเสียงของหวังหุ้ยหมิ่น ก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นข่าวดีไม่ใช่ข่าวร้าย
“ใช่แล้ว!”
หวังหุ้ยหมิ่นตื่นเต้นจนบอกคำอวยพรของผู้อำนวยการหวางให้ทุกคนรู้ในทันที
“ดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของคุณชายเฉินจริงๆสินะ ไม่งั้นก็คงจะไม่ได้ผลลัพธ์แบบนี้!”
“คุณชายเฉินคนนี้ คงจะมีอำนาจมากจริงๆ!”
ซูฉีและคนอื่นๆต่างก็พูดด้วยความนับถือ
เรื่องนี้ทำให้คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ว่า คนที่เต็มไปด้วยปริศนาอย่างคุณชายเฉิน เป็นใครกันแน่?
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เฉินเกอก็รู้สึกสงบสติอารมณ์ได้ไม่น้อย แน่นอนว่า ก็ได้เอาบัตรช้อปปิ้งยี่สิบล้านที่พี่สาวเป็นคนให้ เงินประมาณหนึ่งล้านที่เหลือก็เรียกได้ว่าเอาไปใช้จ่ายจนหมด
ได้ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้กับตัวเอง แล้วก็พวกของใช้อื่นๆ นาฬิกาอะไรทำนองนั้น
ระหว่างนั้น
มีอยู่ครั้งนึงที่หยางเสว่ได้โทรเข้ามา ขอยืนเงินกับเฉินเกอ แต่ก็ถูกเฉินเกอปฏิเสธ
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเฉินเกอใจร้าย แต่เป็นเพราะเขาอยากจะให้บทเรียนกับหยางเสว่
แค่ไปขอยืมเงินจากทุกๆคนที่รู้จักมันไม่มีประโยชน์ บางครั้งเห็นว่ามันห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่ความเป็นจริงก็ได้เสียมันไปแล้ว
เขาหวังจากใจจริงว่าหยางเสว่จะไม่เดินในเส้นทางนี้ต่อ
แบบนั้นไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องสูญเสียตัวตนของตัวเองไปแน่
ส่วนหยางเสว่หลังจากที่ถูกเฉินเกอปฏิเสธไป หลายวันมานี้ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรอีก
เฉินเกอกำลังตั้งใจจะเตรียมตัวไปสอบวิชาที่สาม(สอบใบขับขี่)ของตัวเอง
“ทำอะไรอยู่เหรอเจ้าน้องชาย?”
วันนี้เป็นวันเสาร์ เฉินเกอที่กำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
พวกหยางฮุยออกไปเล่นข้างนอกแล้ว
ในระหว่างที่กำลังรู้สึกเบื่อๆ จู่ๆพี่สาวเฉินเสี่ยวก็โทรเข้ามา
“กำลังอ่านหนังสืออยู่พี่!มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ตอนนี้เฉินเกอเริ่มรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย กับพี่สาวขี้โวยวายของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...