ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 552

บทที่ 552 วังใต้ดิน

ขณะที่คิดอยู่นั้น โม่ชางหลงก็ต้องตามเข้าไปด้านใน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หยุดชะงักฝีก้าวลง

และลูบลงไปที่รอยที่ตัวเขานั้นถูกฟัน

ใบหน้าเขานั้นแสดงออกมาถึงความหวาดหวั่นอย่างชัดเจน

“ไอ้เด็กเวร ข้าจะแนะนำอะไรให้นะ ยอมออกมาแต่โดยดีเถอะ มุ่งตรงเข้าไปในถ้ำแบบนี้ต่อให้เจ้าจะแข็งแรงแค่ไหนก็ต้องมีหยุดพักบ้าง!”

โม่ชางหลงยืนและตะโกนอยู่ที่ปากถ้ำ

ไม่นาน ก็มีเสียงตอบกลับมาจากด้านในเบา ๆ ว่า:“ไอ้แก่เอ้ย มันก็ยังดีกว่าออกไปถูกแกฆ่าข้างนอกตั้งเยอะ!”

“ไอ้เจ้าเด็กเวรนี่ อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน!”

โม่ชางหลงขมวดคิ้ว

ภายในนั้น แน่นอนว่าถือได้ว่าอันตรายมากเป็นพิเศษ เขาผู้ซึ่งเข้าขั้นเป็นปรมาจารย์แล้วนั้น พูดได้ว่าสามารถตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับโลกได้เลยทีเดียว แต่ว่าเมื่อย้อนคิดกลับไปถึงสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่เจอในถ้ำนั้นแล้ว ก็ยังคงต้องหวาดหวั่นลังเลไม่น้อย

เหตุที่เขานั้นต้องการจะตรวจสอบให้ชัดเจน

ก็เพราะต้องการที่จะรู้ให้ชัดว่ามันคุ้มค่าหรือไม่กับการที่ตัวเขานั้นจะต้องเข้าไปเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อขอที่ฝังอยู่ด้านใน

เพราะหากมันไม่คุ้มค่าแล้วล่ะก็ ตัวเขาโม่ชางหลงเองก็คงไม่เอาตัวเองเพื่อเข้าไปเสี่ยงเป็นแน่!

และเนื่องด้วยเหตุผลนี้เอง โม่ชางหลงจึงเอาแต่รอเฉินเกอปรากฏตัวออกมาเอง

“ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันคงไปได้ไม่ไกลนักหรอก เมื่อถึงเวลา ถ้าไม่วิ่งหนีออกมก็คงถูกฆ่า ข้าไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเข้าไปเสียงอันตรายอะไรเพราะเจ้าเด็กนั้น สู้รอเจ้าเด็กนั่นอยู่ที่นี่ยังดีเสียกว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร สำหรับข้าโม่ชางหลงแล้ว ก็ล้วนถือว่าเป็นผลดีทั้งสิ้น!”

เขาแอบคิดอยู่ในใจ

ทันใดนั้นเขาก็นั่งลงอยู่ที่ด้านหนึ่งของปากถ้ำ และฟังเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านใน

ทางด้านเฉินเกอ

เฉินเกอนั้นคิดว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่าโม่ชางหลง เพียงแค่คิดจะขู่ให้ตนออกไปเพียงเท่านั้น

แต่เมื่อเข้าไปลึกขึ้น ๆ ก็มีกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ทำให้เฉินเกอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเป็นอย่างมาก

และเขานั้นก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า ในตอนแรกที่เขาพบกับโม่ชางหลงนั้น เขามีอาการขยาดอยู่พอสมควร

แถมที่บริเวณใบหน้ายังมีรอยฟกช้ำ

เจ้าแก่นั่นแม้ว่ามันจะรู้ว่าที่สุสานโบราณนี้นั้นไม่ธรรมดา แต่ว่าจากอารมณ์ของเขาแล้วนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่ตามเข้ามา

นอกเสียจากว่า ที่ด้านในจะมีอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ เพราะแบบนั้นเค้าเลยไม่ตามเข้ามาอย่างงั้นเหรอ?

เฉินเกอคิดในใจ

และก็ตรงเข้าไปด้านในต่อ

นี่น่ะเป็นอุโมงค์แคบยาวที่มีทางเพียงเส้นเดียว

เมื่อเดินเข้ามาด้านในได้ไม่นานนัก สุดท้ายก็พบกับแสงสว่าง

มีถ้ำหินสูงใหญ่ปรากฏขึ้นมาตรงที่ด้านหน้าของเขา

ภายในถ้ำนั้นดำมืดสนิท

นอกจากนี้แล้ว ดูเหมือนว่าที่ด้านในสุดของถ้ำนั้นจะมีถ้ำขนาดใหญ่อีก 2 ถ้ำ

ถ้ำขนาดใหญ่ทั้งสองนั้นมีขนาดความสูงพอ ๆ กับตัวคน

และสิ่งที่ทำให้เฉินเกอรู้สึกประหลาดใจก็คือ ภายในถ้ำขนาดใหญ่นั้น ราวกับว่าเป็นดินแดนที่แตกต่างจากทั่ว ๆ ไป

เพราะว่าตัวมันนั้นเปล่งแสงสีเขียวระเรื่อออกมา

และเนื่องด้วยแสงสีเขียวที่เปล่งประกายออกมานั้นเอง ทำให้เฉินเกอสามารถเห็นถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านในถ้ำได้อย่างชัดเจน

ถ้ำหินทั้งสองนั้น ที่ตั้งอยู่ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นรูปแกะสลักหินของเหล่านักรบทั้งสิ้น

แต่ละชิ้นนั้นล้วนดูยิ่งใหญ่และสง่างาม ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมและสุขุม

นับได้ทั้งหมดประมาณ 10 กว่าตัว

นี่น่ะคงจะไม่ใช่เหล่านักรบที่ลงมาจากสวรรค์ ที่เขียนอยู่บนภาพจิตรกรรมฝาผนังพวกนั้นหรอกนะ?

ดูจากที่พวกเขาแต่งตัวกับแต่งหน้าแล้ว มันเหมือนกับในรูปจิตรกรรมฝาผนังนั้นไม่มีผิดเลย

ถ้างั้น นักรบจากสวรรค์ผู้ลึกลับคนนั้น ก็อยู่ด้านในโลงศพอายุยืนนี้อย่างงั้นเหรอ?

ในขณะที่เฉินเกอกำลังคิดอยู่นั้น

ก็เห็นว่ารอบ ๆ นั้นมีเชิงเทียนอยู่ ระหว่างที่เฉินเกอเดินไป ก็จุดไฟขึ้นทีละดวง ๆ

ภายในถ้ำใหญ่นั้น ก็สว่างไสวขึ้นมา

ในเวลานั้นเองเฉินเกอจึงได้มองเห็นสภาพด้านในของถ้ำทั้งหมด

ที่พื้นนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกสีขาว ดูจากการแต่งตัวแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกโจรขโมยสุสาน

แต่ในขณะที่เฉินเกอเงยหน้าขึ้นไปมองถ้ำสีเขียวทั้งสองนั่นเอง เขากลับเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นถูกหลอกซะแล้ว

เจ้าสิ่งนั้นเดิมทีแล้วไม่ใช่ถ้ำสีเขียว!

แต่เป็น……แต่เป็น……

ขาทั้งสองข้างของเฉินเกออ่อนแรงลงในทันที

มุมปากเองก็แสดงออกถึงท่าทีลังเล

นั่นคือหัวของงูเหลือมยักษ์ที่ขนาดของมันนั้นใหญ่จนน่าตกใจ ถ้ำสีเขียวทั้งสองนั้นคือดวงตาของมัน!

ทันใดนั้นงูเหลือมยักษ์ที่ก็เงยหัวสูงขึ้น และค้อนมองไปยังเฉินเกอ。

“ชิบหายแล้ว!”

เฉินเกอสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ

ขนลุกซู่ทั่วร่าง

ก้าวเท้าออกวิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน