ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 551

บทที่ 551 จะปล่อยเจ้านี้ไปไม่ได้

เฉินเกอนั้นจดจำรูปใบนั้นได้มาตั้งนานแล้ว

ดังนั้น สำหรับเฉินเกอแล้ว การหาที่อยู่ของโลงศพอายุยืนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

ในใจของเขานั้นได้แต่แอบรู้สึกว่า ถ้างั้นในโลงศพอายุยืนนั่น อาจจะมีความลับยิ่งใหญ่บางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้

เพราะโลกนี้นั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

โดยเฉพาะจากที่ได้เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังนั่น ยิ่งทำให้เฉินเกอรู้สึกประหลาดเข้าไปใหญ่

จะเป็นยังไงกันนะ?

ภายในเงามืดดำทั้งหมดนั่น ราวกับมีมือคู่หนึ่งที่กำลังควบคุมอยู่ในเงามืด

แม้แต่ท่ามกลางทะเลทรายเองก็เป็นพื้นที่ที่อันตรายเป็นอย่างมาก

ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น

แต่แน่นอนว่าการที่พบกับสัตว์ร้ายเล็ก ๆ น้อยนั้น สำหรับเฉินเกอผู้ซึ่งเป็นถึงปรมาจารย์ครึ่งระดับแล้วนั้น มันไม่ได้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

ช่วงพลบค่ำ เฉินเกอก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของใจกลางนั่น

ที่ที่ซึ่งถูกเรียกว่า วูซาจุ่ย

เม็ดทรายในที่แห่งนี้นั้นไม่ได้มีสีเหลือง แต่กลับเป็นสีดำทมิฬ

แถมยังมีลมพัดแรง ราวกับสามารถพัดเอากระดูกคนให้กระจัดกระจายได้เลยทีเดียว

“แปลกจริง ๆ จากตำแหน่งที่ระบุบนแผนที่ ที่ตั้งของสุสานโบราณอมตะน่ะก็ต้องเป็นที่นี่สิ!แต่ที่นี่กลับรกร้างว่างเปล่า!”

เฉินเกอรู้สึกสงสัยอย่างประหลาด

“แผนที่น่ะไม่มีทางผิดแน่ ๆ!”

ท่ามกลางสายลมอันรุนแรงนั้น เฉินเกอก็มองไปรอบ ๆ

ทันใดนั้น เฉินเกอก็ได้พบกับถ้ำที่ดูลึกและน่ากลัว อยู่ที่บริเวณข้างหุบเขา

คาดไว้แล้วไม่ผิด ยังไงก็ต้องเป็นที่นี่แหละ!

เมื่อเฉินเกอย้อนนึกไปถึงตำแหน่งบนแผนที่ ก็อดที่จะพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกดีใจไม่ได้

ในขณะที่กำลังจะเข้าไปดูด้านในนั้น

“เด็กน้อย ข้าล่ะแปลกใจจริง ๆ เฉินเตี๋ยนชางนั้นถึงกับยอมเอาชีวิตเข้าแลก แล้วไหนจะเจ้าอีกที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาสุสานโบราณนี้ให้เจอ จริง ๆ แล้วมันมีอะไรอยู่กันแน่ ถ้าเป็นพวกสมบัติพวกคุณตระกูลเฉินก็คงไม่สนใจ หรือว่าด้านในนี้มันมีของอันแสนล้ำค่าอยู่กันแน่นะ!ถึงได้ทำให้เฉินเตี๋ยนชางสู้สุดชีวิตขนาดนี้?”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากทางด้านเหนือหุบเขา

ทำให้หัวใจของเฉินเกอนั้นสูบฉีดขึ้นมา

“โม่ชางหลง!!!”

ชายชราที่อยู่บนหุบเขานั้น นอกเสียจากโม่ชางหลงแล้วยังจะเป็นใครไปได้อีก!

ในเวลานั้น โม่ชางหลงก็กระโดดลงมาจากยอด

และยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเฉินเกอ พร้อมกับรอยยิ้มอันหยอกล้อบนใบหน้าของเขา

เพียงแต่ว่าโม่ชางหลงในตอนนี้นั้นเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อนแล้ว สภาพของเขาในตอนนี้นั้นมีอาการขยาดเล็กน้อย ใบหน้าเองก็มีรอยฟกช้ำให้เห็น

“ข้าน่ะสงสัยมานานแล้วว่าปู่ของเจ้าพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะปกป้องเจ้ามาให้ถึงยังเป่ยซานี้เพื่ออะไรกัน โชคดีที่ข้าแอบตามเจ้ามา แล้วก็ถ้าไม่ใช่เพราะแผนที่นี่ ข้าเองก็คงไม่สามารถที่จะมาถึงก่อนเจ้าได้ ที่แผนที่นี่มันมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ขาดหายไป เนื้อหาของส่วนที่ขาดหายไปมันคืออะไร?มันคือความลับที่อยู่ด้านในของสุสานโบราณใช่หรือไม่?”

โม่ชางหลงขมวดคิ้วและถามขึ้น

“แก……แกทำอะไรกับพวกฉินหยา?”

เฉินเกอโกรธจนดวงตาแดงก่ำ

เจ้าจิ้งจอกตัวนี้ วันนั้นเขานั้นถูกหลอกทำให้เขาเสียโอกาสไป

ตอนแรกก็รู้สึกสงสัยอยู่ว่า ทำไมเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ถึงยังไม่ได้ตามมาสักที เฉินเกอนั้นจึงสวมหน้ากากปกปิดตัวเองตลอดวัน ไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวจน

แต่ไม่คิดเลยว่า เจ้าจิ้งจองเฒ่าตัวนี้แท้จริงแล้วนั้นได้ตามมานานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่ที่ตัวเขานั้นมอบให้ กลับเป็นการทำร้ายฉินหยา。

จิตสังหารนั้นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินเกอ

“ฮ่า ๆ เด็กน้อยวางใจเถอะ ข้าไม่ได้ทำอะไรคนสหายของเจ้าหรอก ข้าโม่ชางหลงเพื่อจุดมุ่งหมายแล้วแม้ว่าจะไม่เลือกวิธีการ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะใช้กำลังลงมือกับคนธรรมดาหรอก พวกเธอน่ะก็แค่หลับไป ผ่านไป 1 วัน 1 คืนก็จะตื่นขึ้นมาเอง!”

โม่ชางหลงยิ้มกว้าง

“ที่ข้าน่ะยังไม่ฆ่าพวกเขาซะก็เพราะเห็นแก่หน้าของเจ้าหรอกนะ ตอนนี้ก่อนที่เจ้าจะตาย ก็บอกความลับทั้งหมดออกมาให้ข้ารู้ก่อนจะดีกว่ามั้ย เพราะหลังจากที่เจ้าตายไป ข้าจะได้ไม่ต้องไปทำร้ายพวกสหายของเจ้า ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็คงเดาได้นะว่าชะตากรรมของพวกมันจะเป็นยังไง!”

โม่ชางหลงพูดขึ้น

“คุณเป็นถึงปรรามจารย์ กลับมาไร้ศีลธรรมเช่นนี้หรอ!”

“มันไม่มีทางเลือกน่ะ ในโลกนี้น่ะมีเรื่องที่เฉินเตี๋ยนชางให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างมาก แต่ว่าข้ากลับไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เพราะงั้นข้าก็ต้องรู้ และเอามันมาให้ได้!เอาล่ะ พูดกันเท่านี้เถอะ เฉินเกอเจ้าพูดให้ข้าชื่นใจหน่อยสิ จะบอกหรือไม่บอก?”

โม่ชางหลงมีสีหน้าน่ากลัวขึ้นมาในทันที

“ยิ่งแกอยากจะรู้มากเท่าไร ฉันก็ยิ่งจะไม่ยอมบอกแกมากเท่านั้น นอกจากนี้หลังจากที่ฉันตายไปแล้ว แกจะฆ่าใครฉันก็ไม่รับรู้ไม่หนักใจทั้งนั้น แกคิดจะขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?”

เฉินเกอยิ้มอย่างเย็นชา

“เจ้าเด็กเวรพูดได้ดีนี่ แต่ว่าข้าก็อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะต่อล้อต่อเถียงได้ถึงเมื่อไรกัน ชายชราผู้นี้จะข้าเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”

โม่ชางหลงยักคิ้วเล็กน้อย และลงมือตรงไปยังเฉินเกอ

เฉินเกอที่คิดต่อต้านนั้น กลับไม่ใช่คู่มือของโม่ชางหลงแม้แต่น้อย

เขาถูกฝ่ามือซัดลอยไป จนกระอักเลือดออกมา

“อย่างเจ้าน่ะทนข้าได้ไม่ถึง 3 กระบวนท่าหรอก เอาล่ะ ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า ถ้าเจ้ายอมพูดข้าก็จะไว้ชีวิต”

โม่ชางหลงพูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา

“เหอะ ๆ ท่านตระกูลโม่ เจ้าทำอย่างกับว่าข้าเป็นเด็ก 3 ขวบไม่รู้ความ คิดว่าจะหลอกข้าได้งั้นเหรอ?”

เฉินเกอเช็ดเลือดที่ปากของเขา

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรนหาที่!”

โม่ชางหลงโกรธหนัก ใช้มือดึงเข้ามา ตัวของเฉินเกอทั้งตัวนั้นลอยขึ้นกลางอากาศ

เมื่อดึงจนเขามาอยู่ด้านหน้าแล้ว โม่ชางหลงก็ใช้ฝ่ามือซัดเขาออกไป

ครั้งนี้ หลังของเฉินเกอนั้นราวกับหม้อต้มที่ระเบิดออก มีควันสีขาวลอยออกมา เพียงพริบตาเดียวก็ถูกซัดกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร

พลังภายในและกระแสเลือดปั่นป่วน เฉินเกอเลือดพุ่งกระฉูด

“จะพูด……หรือจะไม่พูด!?”

โม่ชางหลงกัดฟันพูดขึ้นมา

“ไม่พูด ถ้าฉันตายไปแกก็ไม่ได้อะไร!”

เฉินเกอ เช็ดเลือดและพยายามที่จะประคองตัวลุกขึ้นยืน แต่ใบหน้าของเขานั้นกลับยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยัน

“เจ้าทำอย่างกับว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้อย่างนั้นแหละ ไว้ข้าฆ่าเจ้าเสร็จแล้ว ฝึกฝนอีกหน่อย ข้าค่อยไปซักเฉินเตี๋ยนชางให้รู้เรื่องเอาทีหลังก็ได้ ตายซะเถอะ!”

โม่ชางหลงโกรธหนัก ใช้มือซ้ายดึงเฉินเกอเข้ามาอีกครั้ง

แต่ในครั้งนี้ เฉินเกอเบิกตาทั้งสองออกกว้าง และอาศัยแรงดึงที่ข้อมือของเขาในการซัดออกไป

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็ชักกระบี่ชิงหยูออกมาจากที่เอว

แสดงกลยุทธ์หยดน้ำทั้งสามที่ได้เรียนมาจากพั่วจวิน

ทำไมถึงเรียกว่ากลยุทธ์หยดน้ำทั้งสาม ล่ะ นั่นก็เพราะว่าตามความเข้าใจของเฉินเกอแล้ว เขานั้นพบกว่าการโจมตีกลยุทธ์ทั้งสามออกมานั้น ไม่มีที่ติ และเมื่อใช้ร่วมกับรูปทรงกระบี่ของกระบี่ชิงหยูแล้ว การโจมตีก็จะกลายเป็นการป้องกันไปในตัว นอกจากนี้แล้วยังจะทำให้พลังของดาบนั้นรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ราวกับหยดน้ำที่ค่อย ๆ กัดเซาะก้อนหิน

เพราะเหตุนี้เอง มันจึงถูกขนานนามว่ากลยุทธ์หยดน้ำทั้งสาม

ขณะนั้นเอง ร่างเงาของเฉินเกอก็พุ่งไปอย่างรวดเร็ว

เงาของดาบที่ทับซ้อนกันนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปเพื่อจู่โจม

ณ เวลานั้น โม่ชางหลงก็เอาแต่ระมัดระวังและคิดที่จะหลบหลีกจากการพุ่งทะลวงมาของพั่วจวิน

เมื่อหันกลับมา

ห่าฝนดาบก็ได้จู่โจมเข้ามาแล้ว

โม่ชางหลงตอบสนองได้ทันด้วยความตกใจ

แต่อย่างไรก็ตาม ด้ามดาบนั้นก็ราวกับมีชีวิต หันกระเด้งไปโจมตียังจุดบอดของโม่ชางหลง

ดางตาของโม่ชางหลงเบิกกว้างและมองเห็นอย่างชัดเจน ด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

ในเวลานั้นเขาหลบไม่ทันแล้ว

จึงถูกกระบี่ชิงหยูวาดลงที่กึ่งกลางอก

ฟุบตัวลงไปนอนลงกับพื้น

และมีเลือดไหลออกมาเป็นสาย

“กระจกวิเศษ!”

โม่ชางหลงที่อยู่ในอาการตกใจนั้น ก็พลิกข้อมือและก็ได้มีกระจกวิเศษปรากฏขึ้นมาบนมือของเขา

ส่วนทางด้านเฉินเกอนั้นก็ได้ผ่านร่างของโม่ชางหลง และตรงเข้าไปยังด้านในของถ้ำ

เนื่องจากเฉินเกอนั้นรู้อยู่แก่ใจดีว่า เมื่อสักครู่นี้เขาเพียงแค่โชคดีเท่านั้น ถ้าหากต้องประเชิญหน้ากับโม่ชางหลงตรง ๆ แล้วล่ะก็ ฝีมือที่แท้จริงนั้นมันห่างชั้นกันเกินไปมากมายนัก

มีเพียงแค่การมุ่งตรงเข้ามาในถ้ำเท่านั้น ที่อาจจะมีโอกาสรอดอยู่บ้าง

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เฉินเกอนั้นได้คิดคำนวณเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่เขานั้นจะจู่โจมออกไปแล้ว

เขานั้นจะต้องทำทั้งหมดนี้พร้อมกันในจังหวะเดียว และเมื่อโม่ชางหลงเบิกลืมตาลุกขึ้นมาจากพื้นได้ เฉินเกอนั้นก็ได้เข้าไปในถ้ำเสียแล้ว

“สมแล้วจริง ๆ ที่มีร่างกายอันแสนพิเศษ ช่างทรงพลังจริง ๆ ข้าคนนี้เกือบพ่ายท่าให้กับเจ้านั่นเสียแล้ว!”

โม่ชางหลงที่มองตามหลังของเฉินเกอไปนั้น ก็พูดขึ้นกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต

“จะปล่อยเจ้านี่ไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นผ่านไปไม่ถึง 5 ปีตระกูลโม่ก็คงจะถึงวาระเป็นแน่!จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!!!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน