“คุณหลี่ ไม่รู้ว่าคุณมาที่นี่หาผมในวันนี้ ต้องการทำธุระอะไร?” เฉินเกอขี้เกียจเกินกว่าจะไปพูดจาอ้อมค้อมกับเขา อีกทั้งเขาก็รู้ว่าที่หลี่กั๋วจุนมาที่บ้านของเขาด้วยตนเองแบบนี้ ก็คงเป็นเพราะมีเรื่องบางอย่างอยากพูดกับตน
“คงไม่ได้จะพูดกันที่นี่หรอกใช่ไหม?” รอยยิ้มของ ลี่กั๋วจุนอบอุ่นอย่างยิ่ง
“เชิญเข้ามา” เฉินเกอพยักหน้า จากนั้นก็ผายมือเชิญชวน
ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ เฉินเกอนั่งไขว่ห้างบนโซฟา โดยมีพ่อบ้านกำลังชงชาร้อนให้เขาและหลี่กั๋วจุน
ไป๋เสี่ยวเฟยก็ยืนอยู่ข้างหลังเฉินเกอ ดวงตาของเขามองดูบอดี้การ์ดหลายคนของหลี่กั๋วจุนอยู่ตลอด แม้ว่าเขาจะอยู่ต่อหน้าผู้นำของประเทศหนานเยว่ แต่เขาก็ยังจดจ่อที่เฉินเกอ
หากจู่ๆ คนตรงหน้าเหล่านี้ระเบิดขึ้นและคิดอยาดจะคุกคามเฉินเกอ เขาก็จะต่อสู้ในทันที แม้ว่าเขาจะต้องทำผิดฐานต่อต้านผู้นำประเทศหนานเยว่ เขาก็จะต้องปกป้องความปลอดภัยของเฉินเกอเอาไว้
“คุณเฉิน คุณมาที่หนานเยว่ของพวกเราก็ไม่บอกไม่กล่าวสักหน่อย” หลี่กั๋วจุนนั่งลงตรงหน้าเฉินเกอ เขามองดูชายหนุ่มด้วยความประเมินอย่างไม่หยุด เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตระกูลจินเมื่อสองวันก่อนแล้ว
หลังจากผ่านการพิจารณาของเบื้องบน วันนั้นเขาจึงตัดสินใจมาดูด้วยตนเอง
หากปล่อยให้ชายหนุ่มคนนี้ไปยั่วยุตระกูลทั้งสามในหนานเยว่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาจะไปทำให้ตระกูลหลินและตระกูลโถ้ป๋าที่เหลืออยู่หายไปหรือไม่ อย่างน้อยๆ เขาก็จะต้องส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อหนานเยว่แล้วแน่ๆ และอาจถึงขั้นส่งผลกระทบต่อตำแหน่งผู้นำของเขาด้วย
“ผมก็แค่คนธรรมดา จะกล้าดียังไงไปรบกวนคุณ” เฉินเกอยิ้มจาง ๆ
“คุณไม่ใช่คนธรรมดา คนธรรมดาสามารถทำให้ตระกูลจินหายไปจากประเทศหนานเยว่ได้หรือ?” หลี่กั๋วจุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าคุณเฉินมีความแค้นอะไรกับตระกูลจินงั้นหรือถึงได้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แบบนี้ "
“คุณหลี่ ผมเองไม่พูดเรื่องอ้อมค้อมพวกนี้กับคุณแล้ว สาเหตุที่ทำให้ผมต้องจัดการกับตระกูลจินคุณคงจะรู้ดีกว่าใคร ปล่อยคนของผมออกมาซะ จากนั้นก็ให้ผมยืมภาพไห่ซิน แล้วเรื่องก่อนหน้านี้ผมจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
เฉินเกอจุดบุหรี่ เขารับไม่ไหวกับท่าทางหน้าซื่อใจคดของหลี่กั๋วจุน
“ภาพไห่ซินเป็นสมบัติของประเทศหนานเยว่ของเรา นี่แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนอื่นยืมได้อย่างง่ายๆ ส่วนเรื่องเพื่อนที่คุณพูดถึง ผมไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของหลี่กั๋วจุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงกับฉีกหน้ากากออกมาโดยตรง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นก็เชิญคุณหลี่กลับไปเถอะ ผมไม่คิดว่าพวกเรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีก คนของผม ผมจะช่วยเอาเอง ภาพไห่ซิน ผมก็จะไปเอาเองเช่นกัน” เฉินเกอหรี่ตาลงและเอ่ยเสียงเรียบ
“คุณเฉิน แม้ว่าคุณจะมีกำลังอยู่บ้าง แต่พวกเราประเทศหนานเยว่ก็ไม่ได้อ่อนแอไร้ประโยชน์ ตระกูลหลินและตระกูลโถ้ป๋าล้วนมีประวัติสืบทอดกันมากว่าหลายร้อยปี หากคุณต่อสู้กับพวกเขา คุณจะไม่พบกับจุดจบที่ดี” เมื่อเห็นว่าท่าทีของเฉินเกอไม่ค่อยดีนัก หลี่กั๋วจุนก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าของตน ในคำพูด แฝงด้วยคำเตือนเบาๆ
“อย่างนั้นก็รอดูเถอะ” เฉินเกอกดปลายบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตู
แน่นอนว่าหลี่กั๋วจุนรู้ความหมายของเฉินเกอ เขาแค่นเสียง จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดคนสนิท
“พี่เฉิน นายไล่เขาไปทั้งแบบนี้เลยหรือ?” ไป๋เสี่ยวเฟยตกตะลึงตาค้าง เขารู้ว่าการที่หลี่กั๋วจุนมาหาถึงที่นั้นไม่ใช่เรื่องดีอะไร แต่เขาไม่คาดคิดว่าเฉินเกอจะไม่เห็นคนๆ นี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด คนที่เขาไล่ไปเป็นถึงผู้นำ หากจะพูดก็นี่คือทำราวกับเขาเป็นขอทานข้างถนนที่มาขอข้าวกิน
“หรือจะให้รั้งเขาไว้เชิญเขากินข้าวด้วยหรือไง?” เฉินเกอลุกขึ้น สองมือไพล่หลังและมองออกไปนอกคฤหาสน์ “จำเอาไว้อย่างหนึ่ง พวกเรามาที่หนานเยว่เพื่อช่วยคนและหาของ ไม่ได้มาเพื่อรักษาหน้าตากับพวกคนเหล่านี้”
“เข้าใจแล้ว” ไป๋เสี่ยวเฟยพยักหน้า
“นาย ออกไปกับฉันสักหน่อย”
ในเวลานี้ เหลียงลู่ออกมาจากห้อง เธอชี้นิ้วขาวๆของตนไปทางไป๋เสี่ยวเฟย แต่ดวงตาของเธอกลับเหลือบไปที่เฉินเกออย่างดูถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...