“ทำไมถึงปิดประตูแล้วล่ะ?” เมื่อเห็นเจ้าของร้านยื่นมือออกไปดึงประตูเหล็กม้วน ไป๋เสี่ยวเฟยก็ถามอย่างสงสัย
“ที่บ้านผมมีเรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน พวกคุณเป็นโต๊ะสุดท้าย ผมปิดประตูเอาไว้ก่อน อีกเดี๋ยวพวกคุณทานเสร็จออกไปทางประตูด้านหลังก็ได้แล้ว ผมกลัวว่าถ้าเปิดประตูขายต่อ จะมีแขกคนอื่นเข้ามา ถึงตอนนั้นจะไล่พวกเขาออกไปก็คงไม่ได้?” เจ้าของร้านหันมาและยิ้มให้
“ตกลง” ไป๋เสี่ยวเฟยไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร
ตรงกันข้ามกับเฉินเกอ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าสิ่งที่เจ้าของร้านจะฟังดูมีใส่ใจในรายละเอียดและฟังแล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่ในน้ำเสียงของเขาก็ยังให้ความรู้สึกผิดปกติบางอย่างอยู่
แต่เฉินเกอก็ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงการเดาของเขาเท่านั้น
“พวกคุณทานต่อเถอะ อย่าให้ผมไปทำให้เสียอรรถรสเลย!” เจ้าของร้านปิดประตูบานม้วนลง จากนั้นก็รีบสาวเท้ากลับไปที่ห้องครัว
เมื่อเขากลับมาที่ห้องครัว เขาก็ปิดประตูห้องครัวลงทันที จากนั้นจึงดึงมีดสั้นออกมาจากถุงสีดำที่ประตู ผิวของมีดเป็นสีแดงเข้ม เห็นได้ว่ามีคราบเลือดจำนวนมากอยู่ มีแค่มีดที่ถูกเลือดซึมเข้าไปเท่านั้นถึงจะปรากฏสีแบบนี้ขึ้นมาได้
"แน่ใจไหม?"
พ่อครัวหลายคนในห้องครัวหยุดงานในมือลง สายตาของพวกเขาทั้งหมดมองไปที่เจ้าของร้าน
คนเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่พนักงานในร้านอาหารจีนเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นมือสังหารผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหน่วยรบประเทศหนานเยว่ ปกติพวกเขาจะปลอมตัว และเมื่อได้รับคำสั่งจากเบื้องบนแล้ว ก็ค่อยทำการลอบสังหาร ภายในเวลามากกว่าสิบปี การมีอยู่ของพวกเขาได้ช่วยแก้ปัญหามากมายให้กับหน่วยรบของประเทศหนานเยว่
และตอนนี้ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งจากหลี่กั๋วจุน ให้มองหาโอกาสในการจัดการเฉินเกอ
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะได้รับคำสั่งมา จู่ๆพวกเขาก็เห็นเฉินเกอและไป๋เสี่ยวเฟยมาทานอาหารในร้าน หลังจากยืนยันว่าคนทั้งสองที่อยู่ข้างนอกเป็นคนที่ถูกสั่งให้จำกัดจริงๆ เจ้าของร้านก็ออกไปข้างนอกเพื่อปิดประตูลงกันไม่ให้เฉินเกอหนีไป
เป็นพวกเขาแล้ว ยังไม่ทันที่เราจะไปที่คฤหาสน์เพื่อหาพวกเขา พวกเขาดันมาหาถึงที่ แบบนี้ก็ลงมือฆ่าทิ้งซะเถอะ!” เจ้าของร้านถอดเสื้อคลุมออกและเผยให้เห็นรอยสักบนหน้าอกของเขา
“ผู้นำหลี่กั๋วจุนไม่ได้บอกหรือว่าผู้ชายคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่และต้องการเหลือลมหายใจเอาไว้” พ่อครัวคนหนึ่งหยุดเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ถ้านายไม่เตือนฉันก็เกือบลืมไปแล้ว อย่างนั้นนอกเหนือจากเฉินเกอ อีกสองคนที่เหลือก็ฆ่าทิ้งซะ” เจ้าของร้านตบหัวของตน หลังจากพูดจบ เขาก็ยืนเอียงข้างอยู่ข้างประตูห้องครัวและมองดูสถานการณ์ผ่านกระจก
“ทำไมจู่ๆฉันถึงรู้สึกหนาวๆขึ้นมา?” ขณะรับประทานอาหาร เหลียงลู่รู้สึกได้ถึงลมหนาวพัดมาจากด้านหลัง จนขนบนแขนของเธอลุกชันขึ้นมา เธอแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พึมพำขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เป็นหวัดหรือเปล่า?” ไป๋เสี่ยวเฟยถามอย่างเร่งรีบ
เหลียงลู่คือคนที่เขาต้องคุ้มกัน นอกจากปกป้องความปลอดภัยแล้ว เขายังต้องดูแลเธอให้ดีทุกวัน ถ้าเธอป่วยขึ้นมา เขาจะต้องถูกเบื้องบนวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน และอาจจะถึงขั้นไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นด้วย
“อีกเดี๋ยวปกป้องเธอให้ดีเถอะ” เฉินเกอลูบนิ้วของตน
ทันทีที่เจ้าของร้านปิดประตูลง เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว และเตรียมพร้อมที่จะลงมือในทุกเมื่อ
“อะไรนะ?” ไป๋เสี่ยวเฟยไม่เข้าใจ
แต่เขายังไม่ทันได้มีเวลาจะถามต่อ
จู่ๆก็มีคนสี่หรือห้าคนพุ่งออกมาจากในห้องครัวที่อยู่ข้างหลังเขา แต่ละคนถือมีดยาวเกือบ 1 เมตร การเคลื่อนไหวของพวกเขาคล่องแคล่วอย่างยิ่ง และมาถึงที่โต๊ะในพริบตา
เจ้าของร้านที่เป็นหัวหน้า ในมือกำลังถือมีดสั้นยาวครึ่งเมตรจะพุ่งตวัดเข้าใส่ที่เฉินเกอทันที
สถานการณ์ที่จู่ๆก็ระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหันทำเอาเหลียงลู่ตกตะลึงอยู่กับที่ แต่ไป๋เสี่ยวเฟยก็ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพระดับมืออาชีพของเขาในทันที เขารับคว้าเอวบางของเหลียงลู่เอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นมืออีกข้างก็จับเก้าอี้ข้างๆและทุบออกไปตรงหน้าอย่างแรง
"พลัก!"
เสียงดังลั่นขึ้นพร้อมกับเก้าอี้ไม้ในมือของไป๋เสี่ยวเฟยที่หักออกเป็นชิ้นๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...