ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 856

“อย่าเพิ่งพูด ออกไปก่อนแล้วค่อยพูด” เฉินเกอพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นสองมือก็จับที่ราวเหล็ก ใช้แรงในการดึงออกจากกัน

ราวเหล็กสองอันที่เท่าแขนของเด็กทารกก็ถูกดึงออกไปเสียอย่างนั้น ท่านซินแสกุ่ยกับคนของตำหนักสวนหยางไม่ได้ชักช้า ก็รีบมุดตัวออกมาเลย

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงนี้ คนที่ถูกขังอยู่ข้างในก็ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

ไม่ว่าคนที่ถูกขังอยู่ตรงนี้หนึ่งปีหรือสองปี พวกเขาไม่ได้มีความคิดเพียงแค่ครั้งเดียวที่อยากจะหนีไปจากที่นี่ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับราวเหล็กที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึง ผู้ชายตรงหน้าที่รูปร่างผอมบาง ใช้มือเพียงข้างมือก็สามารถดึงมันแยกออกจากกัน เช่นนี้แล้วมันทำให้พวกเขาเห็นความหวังในการหนีเอาชีวิตรอด

“ไอ้หนุ่ม ฟังที่ฉันนะ ฉันเป็นพ่อค้าจิวเวลรี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหนานเยว่ ขอเพียงนายช่วยฉันออกไป ฉันจะให้เงินนายก้อนใหญ่ ให้นายสามารถสุขสบายไปตลอดทั้งชาติเลย!”

“ฉันเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทการค้าข้ามชาติ ฉันก็สามารถให้เงินนายเหมือนกัน!”

คนเกือบทั้งหมดกำลังคร่ำครวญขอร้องเฉินเกอ ขอเพียงสามารถออกไปจากที่ พวกเขายินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่าง แม้กระทั่งหมดตัวก็ยอม

เพราะว่าการอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่เห็นความหวังอะไรเลย มีชีวิตอยู่อย่างโง่เขลาทุกวัน ได้ทานข้าวเพียงวันละหนึ่งมื้อ อาหารก็ไร้รสชาติ ไม่ต่างอะไรกับอาหารหมูเลย

“รีบไปกันเถอะ” เฉินเกอไม่ได้สนใจพวกเขา สามารถช่วยท่านซินแสกุ่ยกับศิษย์ของตำหนักสวนหยางออกไปก็ไม่ง่ายแล้ว สำหรับคนพวกนี้แล้วเขาก็ไม่มีปัญญาที่จะไปสนใจแล้ว และก็ไม่อยากจะสนใจด้วย

“น้องชายรอก่อน นายพูดมาเลยว่าต้องการอะไร ขอเพียงช่วยฉันออกไป ฉันจะให้นายทุกอย่าง!” เมื่อเห็นเฉินเกอกำลังจะเดินไป คนเหล่านั้นก็พูดอย่างรีบร้อน

เฉินเกอไม่แม้แต่จะที่มองพวกเขา พาท่านซินแสกุ่ยกับลูกศิษย์ของตำหนักสวนหยางเดินตามทางไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเฉินเกอเดินไป เสียงของพวกเขายิ่งอยู่ยิ่งดัง ถึงขั้นเริ่มโห่ร้องกันแล้ว

หากไม่มีเรื่องนี้ พวกเขาก็คงยอมรับชะตากรรมไปแล้ว ยอมใช้ชีวิตที่เสื่อมโทรมต่อไป ไม่แน่วันดีคืนดีก็จะถูกนำตัวไปประหาร แต่ตอนนี้กลับเห็นความหวังของชีวิตในทันที

จนกระทั่งเห็นเฉินเกอหายไปจากแสงไฟที่อยู่ลึกๆ ในที่สุดพวกเขาก็ถอนหายใจ เข้าใจดีว่าการที่ถูกช่วยเหลือออกไป เรื่องดีเช่นนี้ ไม่มีทางเกิดกับพวกเขา

“ขึ้นมา” เฉินเกอพลิกตัวมุดแล้วตัวออกมาจากหลุม หลังจากที่ยืนมั่นคงแล้ว ก็ยื่นมือลงไป

“ขอบคุณมาก” ท่านซินแสกุ่ยจับมือของเฉินเกอ หลังจากที่ขึ้นมาแล้วก็พูดขึ้นทันที “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะหาที่ตรงนี้เจอแล้วช่วยพวกเราออกไป ตอนแรกที่ถูกขัง พวกเราต่างหมดหวังกันไปแล้ว”

“ใช่ครับ เจ้าสำนัก เจ้าสำนักมาได้จังหวะมากเลย” เหล่าลูกศิษย์ของตำหนักสวนหยางก็พูดอย่างไม่ขาดสาย

“ตอนนี้เรายังไม่รอดพ้นจากอันตราย ฉันจี้ตัวท่านรองของหน่วยรบ นำใบผ่านของเขาจึงสามารถมาที่นี่ ฉันคิดว่าไม่ช้าเขาน่าจะตามมาแล้ว ดังนั้นการที่จะออกไปจากที่นี่มันไม่ง่ายเลย เตรียมตัวรับมือกันให้ดี เฉินเกอเป่าลมกำลังภายใน” แล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกหนึ่งมวน กล่าวอย่างเรียบเฉย

“ไม่มีปัญหา!” เหล่าลูกศิษย์ตำหนักสวนหยางต่างก็พยักหน้า

เดิมพวกเขาก็อัดอั้นกันอยู่แล้ว คนที่มีความสามารถกลับถูกประเทศหนานเยว่วางแผนจนต้องมาถูกขังอยู่ที่นี่ ตอนนี้ได้รับอิสระแล้ว อยากที่จะบุกออกไปจัดการคนพวกนั้นให้สาสม

ตอนนี้ได้ยินเฉินเกอบอกว่ามีโอกาสที่จะประมือกัน พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่กลัว ตรงกันข้ามกลับตื่นเต้นมาก

นั่งพักข้างในโกดังไปครู่หนึ่ง เฉินเกอก็ผลักประตูออก

หัวหน้าที่ยืนอยู่ด้านนอกก็รีบหันหน้ามองมาทางเฉินเกอ กำลังอยากจะถามว่าท่านรองได้สั่งการอะไรพวกเขาหรือเปล่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเฉินเกอ

เขานั้นจำได้แม่นยำเลย คนเหล่านี้เป็นคนที่หลี่กั๋วจุนสั่งคนส่งมา บอกว่าเป็นนักโทษที่สำคัญที่สุดในคุกใต้ดิน ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้เป็นอันขาด

“คุณผู้ชาย นี่มัน........” หัวหน้าทีมแม้จะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินเฉินเกอ ทำได้เพียงถามอย่างลองเชิง

หากเป็นคำสั่งของหน่วยรบล่ะ?

“ท่านรองระบุชื่อให้ฉันพาพวกเขากลับไป หรือว่าพวกนายจะขัดขวางฉัน?” เฉินเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เกิดการปะทะกับพวกเขาที่ตรงนี้จะเป็นการดีที่สุด หากสู้กันขึ้นมา เกรงว่าข่าวจะถูกส่งไปอย่างรวดเร็ว

“คุณผู้ชายครับ เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่ท่านหลี่กั๋วจุนให้นำมาขังที่นี่ หากคุณจะพาคนไป ต้องได้รับอนุญาตก่อน มิเช่นนั้น พวกเราก็ทำงานลำบากเหมือนกัน” หัวหน้าทีมก้มหน้า ดึงดันที่จะพูด เขากลัวที่จะล่วงเกินคนของท่านรองที่อยู่ตรงหน้า แต่กลัวที่จะล่วงเกินหลี่กั๋วจุนมากกว่า

“งั้นนายก็ไปถามดู” เฉินเกอทิ้งบุหรี่ลงไป สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มือขวาได้กำมือสั้นที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเอาไว้

ในขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์แล้วจะโทรออกนั้น เฉินเกอกระแอมด้วยเสียงต่ำไปสองที จากนั้นลูกศิษย์ของตำหนักสวนหยางที่อยู่ข้างหลังก็เข้าใจในทันที ก็บุกมาข้างหน้าในทันที

หัวหน้าทีมคนนั้นยังไม่ทันรู้สึกตัว ลำคอก็รู้สึกถึงไอเย็นบางๆ ตามมาด้วยเขาก็ถอยหลังไปสองก้าว ร่างกายก็โซเซไปมา แล้วล้มลงบนพื้นโดยตรง

เขากุมคอเอาไว้ เลือดได้ไหลออกมาตามซอกมือของเขาอย่างไม่หยุด หลังจากทรมานไปหลายวินาที ก็สิ้นใจ

และคนอื่นๆก็ได้ต่อสู้กับคนของตำหนักสวนหยาง แม้ว่าปกติจะเคยผ่านการฝึกฝนพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแกงค์ดากอน การต่อสู้ในระยะประชิด อาวุธที่พวกเขาพกพามันก็ไร้ประโยชน์ เหมือนขอนไม้ที่ไม่มีประโยชน์ที่แขวนอยู่บนตัว ไม่เพียงแต่ใช้การไม่ได้ กลับเป็นตัวถ่วง

ไม่ถึงห้านาที ทหารหลายสิบคนก็ถูกศิษย์ของตำหนักสวนหยางบีบจนเข้ามุม ทุกคนต่างหดตัวโดยที่ไม่กล้าขยับตัวเลย เกรงว่าจะมีจุดจบเหมือนกับหัวหน้า

“เจ้าสำนัก จะจัดการพวกเขายังไง?” ศิษย์ของตำหนักสวนหยางถามขึ้น

“ฆ่าให้หมดเลย อย่าให้รอดแม้แต่คนเดียว” เฉินเกอไม่ได้อยากจะฆ่าคน แต่ถ้าหากเก็บพวกเขาไว้ก็จะมีปัญหาที่ไม่สิ้นสุด จะถูกพวกมันรู้ทิศทางการเดินทางของพวกเขา และก็จะถูกพวกมันรายงานสถานการณ์ให้กับหน่วยรบ

ไม่มีความลังเล ทหารสิบกว่านายภายในเวลาไม่กี่นาที ก็ล้มอยู่บนกองเลือดทั้งหมด แม้กระทั่งตอนตาย พวกเขายังไม่มีโอกาสได้ทรมานเลย ความสามารถแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“มีคนใกล้เข้ามาแล้ว” เฉินเกอกำลังจะหยิบอาวุธบนตัวของพวกมันไปใช้ ยังไม่ทันหยิบ หูก็ได้ยินเสียงที่วุ่นวาย มันเป็นเสียงที่ชื้นและเหนียวของรถที่ขับบนถนนที่เป็นโคลน “ห่างจากเราไม่ถึงห้ากิโลเมตร รีบไปจากที่นี่กันเถอะ!”

ทุกคนก็รีบขึ้นรถ ไปให้ไกลจากโกดัง

หลังจากที่เฉินเกอและพวกออกไปสิบนาทีแล้ว ยานพาหนะของทหารสิบกว่าคันจากหน่วยรบก็มาจอดที่หน้าโกดัง พวกเขาไม่ได้ยินเสียงผิดปกติใดๆตอนที่ใกล้เข้ามา ยังคิดว่าทุกอย่างที่นี่ยังเป็นปกติ แต่เมื่อลงจากรถ เห็นประตูโกดังเปิด และทหารลาดตระเวนหลายสิบคนนอนเอียงศีรษะอยู่บนพื้น พวกเขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“รีบไปตรวจดู!”

ลู่เฉิงคุนรีบโบกมือให้สั่งการ

เขากลับไปที่หน่วยรบแล้วถูกหลี่กั๋วจุนด่าชุดใหญ่ และยังได้เตือนเขาหากแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ให้เขาลงจากตำแหน่งท่านรอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน