“เฉินเกอ ทำไมโง่ขนาดนี้ เรียนมหาวิทยาลัยมาสามปีเหมือนเรียนเปล่าเลยนะ อย่ามัวแต่ตะลึงอยู่สิ รีบตามหวังซ่วยฟางฉิงพวกเขาเข้าไปด้านในสิ ไม่รู้น้องสาวฉันชอบไอโง่นี่เข้าไปได้ยังไง”
ถังหรานพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
เรื่องนี้ ไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว
เฉินเกอตอนนี้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลยเลิกสนใจหวงหยงหาว แล้วเดินตามพวกหวังซ่วยเข้าไปด้านในงาน
ทางเข้าของแขกวีไอพีและแขกธรรมดาจะแยกไปคนละทาง ที่นั่งก็ถูกแบ่งโซนอย่างชัดเจน
หากเดินตามทางของแขกวีไอพีเข้าไป ก็จะพบกับที่นั่งของแขกวีไอพีที่อยู่แถวหน้าสุดของห้องโถงนิทรรศการ
แต่อย่างเฉินเกอที่เข้ามาทางแขกธรรมดา ได้แต่นั่งอยู่ด้านหลัง
“เอ๊ะ หวังซ่วย นั่นนายเองเหรอ เป็นยังไงบ้าง พ่อนายสบายดีไหม”
“คุณอาลี่ คุณอาก็มาด้วยเหรอครับ สบายดีครับ ทุกคนสบายดี พ่อผมยังพูดถึงคุณลุงบ่อย ๆ”
หวังซ่วยเดินเข้ามาด้านในก็เจอกับคนรู้จักมากมาย ชายวัยกลางคนคนหนึ่งทักทายเขา
“ใช่แล้วหวังซ่วย สาวสวยสองคนที่เข้ามากับนาย คนไหนเป็นแฟนนายล่ะ”
“พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมครับ ผมยังไม่มีแฟนเลยครับคุณอาลี่”
หวังซ่วยยิ้มออกมา
ทั้งยังโบกมือทักทายกับคนรู้จักอีกด้านไปมา
รู้จักคนมากมายขนาดนี้ ในใจเขารู้สึกภาคภูมิใจมาก ไม่ว่าสถานการณ์ไหนที่ไหนก็เอาอยู่
“สวัสดีค่ะคุณลี่หว้างเฟิง หนูเคยเห็นบทสัมภาษณ์คุณในการรายงานข่าวเศรษฐกิจจินหลิง”
ฟางฉิงจัดผมเผ้าให้ดูดี ใช้จริตจะก้านผู้หญิงพูดทักทายไป
“บทสัมภาษณ์พวกนั้นของฉันไม่มีอะไรมากหรอก แต่หวังซ่วย ลุงจะเตือนนายนะ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่สำคัญมากในชีวิตคนเรา นายห้ามปล่อยโอกาสหลุดมือเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นนายจะเสียใจภายหลังได้นะ”
พูดจบ ลี่หว้างเฟิงก็หันไปจับมือกับสองสาว
ลี่หว้างเฟิงทำธุรกิจแฟรนไชน์เกี่ยวกับเครื่องครัวและสุขภัณฑ์ ธุรกิจของเขาใหญ่โตมาก
“คุณอาลี่ ที่คุณลุงพูด ผมจะจำไว้ครับ อ้อ ใช่แล้ว หมิงเฟยไม่ได้มากับคุณลุงด้วยเหรอครับ”
“ยัยลูกสาวคนนี้ของฉัน เจอเพื่อนมหาวิทยาลัยเจียงหนาน ก็เข้าไปทักทาย เรียนปีสามเข้าไปแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตอีก ลุงนี่เป็นห่วงจริง ๆ ลุงอยากจะหาแฟนดี ๆ ให้สักคน นู้น เด็กน้อยกลับมาพอดีเลย”
ลี่หว้างเฟิงยิ้มแล้วเอ่ยพูดว่า
“ยัยเด็กน้อย รีบมาทักทายพี่หวังซ่วย แล้วก็สาวสวยสองคนเพื่อนพี่หวังซ่วยเร็วเข้า”
“สวัสดีค่ะ พี่หวังซ่วย สวัสดีค่ะพี่สาวคนสวยทั้งสอง”
ลี่หมิงเฟยพูดไปยิ้มไป
เธอรูปร่างสูงมาก ผูกผมหางม้า ใส่ชุดกีฬารัดรูปราคาแพง ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย
ทันใดนั้น ลี่หมิงเฟยก็มองไปที่เฉินเกอที่อยู่ด้านหลังหวังซ่วย เมื่อเห็นเฉินเกอแต่งตัวเชยดูไร้ราคา
ลี่หมิงเฟยก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ยังเอ่ยทักทาย : “สวัสดี”
“อ้าว ไม่ทันได้สังเกต คนนี้คือ...”
ลี่หว้างเฟิงเพิ่งจะหันมาถาม
“อ๋อ คุณอาลี่ เขาชื่อเฉินเกอ ผู้อำนวยการถังหรานให้ผมช่วยพาเขามาเปิดหูเปิดตาน่ะครับ มาจากชนบท ไม่เคยเห็นงานใหญ่แบบนี้มาก่อน”
หวังซ่วยอดไม่ได้ที่จะเกาหัว
น่าอายชะมัด!
ทำไมเขาต้องพาคนแบบนี้เข้ามาด้วยเนี่ย
ถึงแม้เฉินเกอจะถูกหวังซ่วยพูดจาดูถูกไป
แต่เมื่อเห็นลี่หว้างเฟิงมองมายังตัวเอง อีกทั้งยกมือขึ้น เขาก็คิดว่าลี่หว้างเฟิงจะจับมือทักทายกับตัวเอง ถ้าไม่ยื่นมือตอบกลับก็จะดูเสียมารยาท
เฉินเกอเลยพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา พร้อมยกมือขึ้นเพื่อจะจับมือกับเขา
แต่คิดไม่ถึงว่า...
“ไปกันเถอะหวังซ่วย วันนี้นายอยู่เป็นเพื่อนลุงหน่อยละกัน มา นั่งข้าง ๆ ลุงนี่”
คิดไม่ถึงว่าลี่หว้างเฟิงจะยกมือมาดึงแว่นตาของเฉินเกอออก แล้วยกมือขึ้นเพื่อดึงแขนหวังซ่วยให้มานั่งข้างเขา
มองข้ามเฉินเกอไปอย่างไม่ใยดี
ทำให้เฉินเกอที่ยกมือค้างไว้อับอายขายหน้า
ลี่หมิงเฟยก็ไม่สนใจอะไรเฉินเกอ แล้วนั่งลงอีกข้างของลี่หว้างเฟิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...