เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 100

บทที่ 100 ของขวัญจากจินเฟิง

“พี่เขย ข้าอยากขี่ม้าตัวใหญ่”

เสี่ยวเอ๋อชี้ไปที่ม้าศึกอย่างตื่นเต้น

“ได้สิ อยากขี่ม้าตัวใหญ่อย่างนั้นหรือ”

จินเฟิงยิ้มและอุ้มเสี่ยวเอ๋อขึ้นหลังม้า

เสี่ยวเอ๋อจับอานไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง คิ้วของนางเลิกขึ้น ขณะที่ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

“ช้า ๆ ระวังล้มนะ”

จินเฟิงเตือนแล้วมองไปที่กวานเสี่ยวโหรว

“เสี่ยวโหรว สามีของเจ้ามองมาที่เจ้าน่ะ รีบเข้าไปเร็ว!”

ซานเสิ่นจือยิ้มและผลักกวานเสี่ยวโหรวให้ไปข้างหน้า

กวานเสี่ยวโหรวมีหลายสิ่งที่อยากจะพูดกับจินเฟิง แต่เมื่อถูกซานเสิ่นจือกระตุ้น นางก็หลงลืมสิ่งเหล่านั้นความเขินอายเข้ามาแทนที่ถ้อยคำมากมายทันที

นางเดินหน้าแดงเข้าไปหาจินเฟิง พร้อมจับชายเสื้อของเขาแน่นแล้วกระซิบ “สามี เจ้ากลับมาแล้ว”

ก่อนที่นางจะเริ่มพูดอะไร น้ำตาของนางก็เริ่มไหล

“อื้ม ข้ากลับมาแล้ว”

จินเฟิงยื่นมือออกมาเช็ดน้ำสีใสจากหางตาของกวานเสี่ยวโหรว เดิมทีเขาต้องการสวมกอดนาง แต่เมื่อเขาเห็นว่าใบหน้าของภรรยาแดงมากราวกับมีเลือดอาบ เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้

เมื่อรู้ว่ากวานเสี่ยวโหรวเป็นสตรีหน้าบาง จินเฟิงจึงเปลี่ยนหัวข้อและทักทายชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ แทน

ชาวบ้านหลายคนยังคงจุดไฟทิ้งไว้ที่บ้านของตน พวกเขาจึงทยอยแยกย้ายกันไปหลังจากเฝ้าดูความตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง

จงอู่เหลือบมองกวานเสี่ยวโหรวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านอาจารย์ พวกข้าขอตัวกลับก่อน หากมีเรื่องอะไรท่านส่งคนไปตามข้าได้เสมอ”

บ้านที่ชิ่งไหวเช่าเซี่ยกวางอยู่ยังไม่เลยระยะเวลาการเช่า จงอู่และคนอื่น ๆ ก็เลยกลับไปอาศัยอยู่ที่นั่น

“ตกลง ตอนเย็นมากินข้าวที่บ้านข้านะ”

จินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านอาจารย์และพี่สะใภ้ไม่ได้เจอกันนาน พวกข้าไม่รบกวนดีกว่า”

จงอู่ขยิบตาให้จินเฟิงจากนั้นก็รีบขึ้นหลังม้าและควบออกไป

“ชายผู้นี้นี่…”

จินเฟิงยิ้มและส่ายหัว เขาจับม้าด้วยมือซ้ายและมือขวาก็กุมมือกวานเสี่ยวโหรวเอาไว้

กวานเสี่ยวโหรวแอบขัดขืนเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ แต่นางก็ไม่ได้หนีและทำได้เพียงปล่อยให้จินเฟิงกุมมือเอาไว้อย่างนั้น

ใครจะรู้ว่าจินเฟิงนั้นแอบซุกซน เขาจับมือกวานเสี่ยวโหรวแล้วใช้นิ้วสะกิดฝ่ามือของนางเบา ๆ

กวานเสี่ยวโหรวจ้องมองจินเฟิงอย่างเขินอายและชี้ไปด้านหลัง

จากนั้นจินเฟิงก็ตระหนักได้ว่าถังตงตงเดินตามมาอยู่

“ข้ากลับไปดูรุ่นเหนียงก่อนนะว่าทำกับข้าวเสร็จหรือยัง”

ใบหน้าอันงดงามของถังตงตงแดงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางก็รีบวิ่งจากไปทันที

ในใจของนางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเสียงที่ได้ยินตอนกลางคืน สมัยที่นางอาศัยอยู่ในห้องตะวันออกกับเสี่ยวเอ๋อ อีกทั้งยังนึกถึงเสียงกระซิบของเสี่ยวโหรวที่บอกนางในช่วงเวลาที่นอนห้องเดียวกันด้วย…

“ถังตงตง เจ้าคิดอะไรของเจ้า”

นางแอบตำหนิตัวเองในใจและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ตอนที่นางวิ่งไปก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย

ก่อนที่จินเฟิงจะจากไป ถังตงตงรู้สึกว่านางสามารถดูแลโรงงานได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับเด็กที่กระตือรือร้นอยากจะพิสูจน์ตัวเองกับบิดามารดา นางมีความพยายามที่จะลองทำสิ่งต่าง ๆ

แต่เมื่อจินเฟิงจากไปจริง ๆ งานทุกอย่างในโรงงานก็หล่นลงบนบ่าเล็ก ๆ มันทำให้นางตระหนักได้ว่านางคิดผิด

ไม่ใช่ว่านางไม่สามารถจัดการโรงงานนี้ได้ แต่เมื่อไม่มีจินเฟิง นางมักจะรู้สึกว่านางไม่มีความมั่นใจ และรู้สึกว่างเปล่าเหมือนกับกวานเสี่ยวโหรว

จนถึงตอนนี้ที่จินเฟิงมายืนอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกขาดหายในหัวใจของถังตงตงก็เลือนไปจนหมด

แม้ว่าจินเฟิงจะไม่ได้ทำอะไรเลยและแค่นอนอยู่เฉย ๆ ที่บ้าน ถังตงตงก็รู้สึกปลอดภัย

เมื่อกลับถึงบ้าน สตรีทุกคนที่เข้ากะกลางวันออกจากงานอย่างรวดเร็ว พวกนางรู้ความจึงนำอาหารกลับไปกินที่บ้าน เพื่อให้พื้นที่จินเฟิงได้ใช้เวลากับครอบครัว

ส่วนผู้ที่เข้างานกะดึกก็ยังไม่ถึงเวลาเข้างาน ลานบ้านเล็ก ๆ แห่งนี้จึงเงียบสงบ

เสียงของรุ่นเหนียงและถังตงตงดังมาจากในครัว

“จินเฟิง ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”

รุ่นเหนียงได้ยินเสียงกีบม้า นางจึงวิ่งออกจากครัว จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไปล้างมือเร็ว ๆ บะหมี่จะสุกแล้ว จินเฟิงเจ้ากินสิ่งนี้ไปก่อนนะ เมื่อวานพี่เหลียงเพิ่งนำไก่ฟ้ามาให้สองตัว ไว้พรุ่งนี้ข้าจะตุ๋นให้เจ้ากิน”

เสี่ยวเอ๋อยื่นมือเล็ก ๆ ของนางออกมา

“แน่นอนว่าข้าก็ต้องมีให้เจ้าเช่นกัน”

จินเฟิงหยิบปิ่นกลัดมวยผมที่เหมือนกันออกมาจากเสื้อคลุมของเขา เขาปักอันหนึ่งไว้บนหัวของเสี่ยวเอ๋อ และยื่นอีกอันให้ถังตงตง “นี่สำหรับตงตง”

ถังตงตงไม่มีท่าทีเกรงใจและรีบรับปิ่นกลัดมวยผมด้วยรอยยิ้ม

รุ่นเหนียงรู้สึกไม่สบายใจ แต่นางก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นถังตงตงรับของขวัญชิ้นนั้นด้วย

นางโตมาจนอายุสิบกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้

นางรู้สึกมีความสุข จนหางตาเปียกชื้นขึ้นมา

ผู้ที่เคยประสบกับความมืดย่อมหวงแหนแสงสว่างมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่นางถูกเซี่ยกวางเลือก ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความมืดมน

ในวันแต่งงาน เซี่ยกวางเอาแต่ทุบตีนางและค่อย ๆ ปล้นของสองสามอย่างที่นางมีติดตัวมา เขาทิ้งนางไว้ในห้องเล็ก ๆ ที่มืดมิดและไม่มีแม้แต่อาหาร

เมื่อนางกลับไปบ้านพ่อแม่ นางก็ถูกไล่กลับมาอีกครั้ง ทำให้นางไม่มีที่ไป

จนกระทั่งจินเฟิงรับนางมาอยู่ด้วย หัวใจของนางจึงสงบลงได้

ที่นี่เป็นที่ที่รุ่นเหนียงรู้สึกถึงความอบอุ่น เป็นบ้านจริง ๆ

ตอนนี้นางตัดสินใจแล้วว่าตราบใดที่จินเฟิงและกวานเสี่ยวโหรวไม่ขับไล่นางออกไป นางก็จะอยู่ที่นี่และคอยทำอาหารให้พวกเขาไปทั้งชีวิตของนาง

รุ่นเหนียงและถังตงตงต่างก็มีของขวัญ ทว่ากวานเสี่ยวโหรวเป็นภรรยาของเขา ย่อมขาดสิ่งนี้ไม่ได้

จินเฟิงถอดย่ามที่สะพายออก แล้วยัดมันลงในมือของกวานเสี่ยวโหรว

“เสี่ยวโหรว ทั้งหมดนี้เป็นของเจ้า”

ในย่ามไม่ได้มีปิ่นกลัดผมเพียงห้าหรือหกอันเท่านั้น แต่ยังมีอัญมณีอื่น ๆ ด้วย ทั้งสร้อยคอและของมีค่าอีกมากมาย

เดิมทีกวานเสี่ยวโหรวแอบเสียใจ แต่หลังจากมองดูแล้ว นางก็หลงลืมความเสียใจไปเสียสนิทและวิ่งกลับเข้าไปในห้องโดยกอดย่ามของขวัญเหล่านั้นเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น

[1] ออกจากบ้านได้กินเกี๊ยว หลังกลับบ้านได้กินบะหมี่ (上车饺子下车面) : สุภาษิตจีนโบราณทางเหนือ

– การได้กินเกี๊ยวก่อนออกจากบ้าน หมายถึง ให้ผู้ออกไปทำงานได้พบเจอกับความมั่งคั่งเหมือนตัวเกี๊ยวที่มีรูปร่างเหมือนเงินแท่งปลายโค้ง เป็นความหมายแห่งความปรารถนาดี

– หลังกลับบ้านได้กินบะหมี่ หมายถึง ความมั่งคั่งอายุยืนยาว เป็นคำอวยพรว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวจะคงอยู่ตลอดไปไม่แยกจากกัน และหลังจากนี้จะเจอแต่ความราบรื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์