บทที่ 101 ยิ่งห่างไกล ยิ่งโหยหา
หลังจากจินเฟิงล้างมือเสร็จ รุ่นเหนียงก็นำกับข้าวขึ้นโต๊ะ
จินเฟิงมุ่งมั่นอยากกลับบ้านมาตั้งแต่แรก เขาเดินทางมาทั้งวันและยังไม่ได้กินอะไรมากนัก ชายหนุ่มจึงไม่ลังเลที่จะหยิบชามบะหมี่ขึ้นมากินอย่างหิวโหย
เขากินบะหมี่เข้าไปถึงสองชามก่อนที่จะวางตะเกียบลง
รุ่นเหนียงหยิบชามและตะเกียบออกไป จากนั้นคนงานหญิงกะกลางคืนก็ทยอยมาถึงทีละคน ๆ
ทำให้ลานบ้านเล็ก ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
มีหลายคนที่เข้ามาสอบถามเรื่องที่จินเฟิงเดินทางไปยังสนามรบ
หลังจากกินอิ่มแล้ว จินเฟิงก็อยากจะทำเรื่องอื่นต่อ เขามองไปที่กวานเสี่ยวโหรวซึ่งดูมีน้ำมีนวลขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจะมีกะจิตกะใจพูดคุยกับสตรีสูงวัยคนอื่น ๆ ได้อย่างไร
พวกนางล้วนแต่พูดคุยสอบถามเรื่องไร้สาระ
“พวกเจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง จินเฟิงคงมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะพูดคุยกับเสี่ยวโหรวฟังเพราะพวกเขาไม่ได้เจอกันนาน พวกเจ้ามัวมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ไม่มีงานมีการทำอย่างนั้นหรือ?”
ซานเสิ่นจือเพิ่งมาถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่นางเข้ามาในลานบ้าน นางก็เอ่ยตำหนิสตรีเหล่านั้นจนคนที่เหลือรีบแยกย้ายกันไปทำงาน
“ไอหยา ข้าลืมเรื่องนี้ไปสนิท มิน่าจินเฟิงจึงดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะพูดคุยกับพวกข้า!”
“ครั้งก่อนสามีของข้าไปทำงานที่จวนว่าการอำเภอครึ่งเดือน หลังจากที่เขากลับมา เขาก็รังแกข้าทั้งคืน จินเฟิง เสี่ยวโหรวบอบบางมาก อย่างไรเจ้าก็ทะนุถนอมนางหน่อยเล่า”
“ไป ๆๆๆ แยกย้ายกันไปทำงานเถิด”
คำพูดของท่านป้าและพี่สะใภ้เหล่านี้โจ่งแจ้งกว่าครั้งก่อนเสียอีก กวานเสี่ยวโหรวได้ยินดังนั้นก็เขินอายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้น
ถังตงตงเหลือบมองพวกเขาสองคนอย่างรู้ความ จากนั้นนางก็พาเสี่ยวเอ๋อออกไป
รุ่นเหนียงผู้ชาญฉลาดต้มน้ำอาบไว้หนึ่งถัง จากนั้นก็นำไปวางไว้ที่ห้องตะวันออก ก่อนจะวิ่งไปที่กระท่อมเพิงหญ้าคาทันที
เหลือเพียงจินเฟิงและกวานเสี่ยวโหรวที่อยู่ในห้องโถง
“ฮ่า ๆ รุ่นเหนียงรู้ความขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
จินเฟิงยิ้มและปิดประตู
เมื่อรู้ว่ากวานเสี่ยวโหรวยังคงเขินอาย เขาจึงหยุดแกล้งนางและเดินไปยังห้องตะวันออกเพียงลำพัง
ในห้องฝั่งทิศตะวันออกมีถังอาบน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีกลิ่นหอมของน้ำมันตุงหรือน้ำมันไม้จีนอยู่ คงเป็นเพราะถังใบนี้เพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน
หลังจากผ่านการเดินทางที่แสนยาวนานมาตลอดวัน จินเฟิงก็อยากจะอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสียหน่อย
แต่ทันทีที่เขาถอดเสื้อผ้าออก กวานเสี่ยวโหรวก็เดินเข้ามา
“เจ้าไม่เขินอายแล้วหรือ?”
จินเฟิงพูดติดตลกพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้าเป็นสามีของข้า มีอะไรให้เขินอายกัน?”
กวานเสี่ยวโหรวหน้าแดงและโต้กลับอย่างปากแข็ง
“เช่นนั้น… มาอาบด้วยกันดีหรือไม่?”
“อย่าล้อเล่นสิ!”
กวานเสี่ยวโหรวปัดมือปลาหมึกของเขาออก จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาถูหลังให้จินเฟิง
ในขณะที่นางกำลังถูหลังให้เขา นางก็ถูกดึงลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว
ยิ่งห่างไกล ยิ่งโหยหา อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ทั้งสองอยู่ในวัยเรียนรู้กันและกัน กวานเสี่ยวโหรวจึงเริ่มปล่อยวางและเริ่มแสดงความปรารถนาที่มีต่อจินเฟิง
ทั้งคู่เล่นบทรักกันถึงกลางดึกก่อนที่จะหยุดลง
ซึ่งจริง ๆ แล้ว จินเฟิงยังไม่อยากจะออกห่างภรรยาแม้เพียงนิด แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากตอนนี้ถึงเวลาที่คนงานหญิงกะกลางคืนจะพักกินอาหารแล้ว
จินเฟิงได้ยินเสียงพวกนางหัวเราะคิกคักอยู่ใต้หน้าต่าง
กวานเสี่ยวโหรวที่นอนหอบหายใจบนแผงอกของสามี วาดนิ้วผ่านหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและแอบยิ้มออกมา
“บ้านอิฐยังสร้างไม่เสร็จอีกหรือ?”
จินเฟิงถามอย่างสงสัย
เป็นเวลาร่วมสองเดือนที่เขาเดินทางไปยังเมืองเว่ยโจว พูดตามหลักเหตุผล บ้านอิฐน่าจะสร้างเสร็จตั้งนานแล้ว แต่เหตุใดคนงานหญิงจึงยังทำงานที่กระท่อมเพิ่งหญ้าคาอยู่เล่า?
คงไม่ใช่เพราะขาดเขาเลยทำให้งานล่าช้าหรอกนะ?
“ส่วนที่เป็นโรงงานสร้างเสร็จแล้ว แต่ว่าส่วนพักอาศัยของเรายังไม่เสร็จ ตงตงกล่าวว่าเมื่อบ้านของเราสร้างเสร็จแล้วค่อยย้ายทีเดียวน่ะ” กวานเสี่ยวโหรวกล่าว
จินเฟิงยิ้มและพูดว่า “บ้านที่เรือนชิ่งเฟิงดีกว่าบ้านหลังคากระเบื้องใช่หรือไม่?”
“เรือนชิ่งเฟิงเป็นบ้านที่มีแต่ท่านโหวเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ ชีวิตนี้แค่ข้าได้อาศัยในบ้านมุงหลังคากระเบื้องข้าก็พอใจแล้ว”
กวานเสี่ยวโหรวพูดด้วยท่าทางพึงพอใจ
“ไม่ต้องกังวล ในอนาคตข้าจะทำให้เจ้าได้อาศัยอยู่ในบ้านที่ดีกว่าเรือนชิ่งเฟิงให้ได้”
จินเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“จะมีบ้านใดดีไปกว่าเรือนชิ่งเฟิงอีกหรือ?”
เห็นได้ชัดว่ากวานเสี่ยวโหรวไม่เชื่อ “เจ้าอย่าบอกว่าพระราชวังนะ เพราะไม่ว่าจะมีเงินมากแค่ไหน ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าสร้างบ้านที่ใหญ่กว่าพระราชวังเป็นแน่”
“บ้าน ไม่ใช่ว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดี”
จินเฟิงลูบหลังกวานเสี่ยวโหรวแล้วพูดช้า ๆ “บ้านที่ข้าต้องการสร้าง คือบ้านที่มีหน้าต่างบานใหญ่และมีผลึกแก้วป้องกันลมและฝน ไม่ว่าแดดออกหรือฝนตก บ้านก็จะดูดีน่ามอง พื้นจะถูกปูด้วยหินอ่อนที่สะท้อนเงามนุษย์ได้ โดยมีท่อเหล็กฝังอยู่ใต้พื้นนั้น เพื่อที่ในฤดูหนาวจะได้เทน้ำร้อนลงไปและทำให้บ้านทั้งบ้านอุ่นขึ้น ข้ายังอยากให้มีห้องน้ำในห้องนอนส่วนตัวของเราด้วย จะได้ไม่ต้องไปอาบน้ำหรือเข้าห้องน้ำที่อื่น…”
จินเฟิงนึกถึงแบบจำลองบ้านสมัยใหม่และบอกกับกวานเสี่ยวโหรวเป็นฉาก ๆ
กวานเสี่ยวโหรวฟังด้วยความหลงใหล “มีบ้านเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
“มีสิ”
“ข้าได้ยินมาจากตงตงว่าผลึกแก้วมีมูลค่ามาก การใช้ผลึกแก้วมาทำหน้าต่างมีค่าใช้จ่ายเท่าใดกัน? อีกอย่าง มีผลึกแก้วชิ้นใหญ่ขนาดที่ใช้ทำหน้าต่างได้ด้วยหรือ?”
“ตอนนี้ไม่มี แต่ในอนาคตมีแน่ ๆ”
ดวงตาของจินเฟิงแวววาว
ตอนนี้ต้าคังยังไม่มีกระจก หน้าต่างทั้งหมดจึงทำด้วยกระดาษ อย่างไรก็ตาม กระดาษเองก็มีราคาแพงมากและมีคนไม่มากที่เลือกใช้มัน
เพื่อป้องกันการสึกกร่อนจากลมและฝน บ้านมุงจากของคนธรรมดาจึงไม่มีหน้าต่าง และแม้ว่าคนรวยจะสร้างบ้านอิฐมุงหลังคากระเบื้อง แต่ก็จะไม่สร้างหน้าต่างบานใหญ่ไว้ พวกเขาสร้างเพียงรูระบายอากาศขนาดเท่าอ่างล้างหน้าบริเวณใกล้ ๆ คานเท่านั้น
บ้านในเรือนชิ่งเฟิงก็มีรูปแบบนี้เช่นกัน
ไม่ว่าจะหน้าหนาวหรือหน้าร้อน แสงในบ้านก็น้อยมาก หากปิดประตู แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ยังมองเห็นได้ไม่ชัด
ครั้งแรกที่จินเฟิงไปที่เรือนชิ่งเฟิง เขาก็คิดถึงกระจกหน้าต่างขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์