บทที่ 99 กลับสู่จินชวน
สิ่งที่เขาอยากได้จากการเดินทางมาที่นี่เขาก็ได้รับแล้ว สิ่งที่เขาต้องมอบให้ชิ่งไหวก็ได้มอบแล้ว และตอนนี้ก็เหลือแค่อย่างสุดท้าย นั่นก็คือการเดินทางกลับ
จางหม่านชางออกเดินทางจากเมื่อเว่ยโจวมายังชิงสุยกู่ เขารอจินเฟิงสะสางเรื่องทางนี้เรียบร้อยจากนั้นพวกเขาก็จะออกเดินทาง
ใจของแม่ทัพฟ่านอยากที่จะให้จินเฟิงอยู่กับกองทัพเถี่ยหลินต่อ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจินเฟิงตัดสินใจไปแล้ว แต่เขาก็ยังมาชักชวนอยู่หลายครั้ง และสัญญากับจินเฟิงว่าอย่างมากที่สุดภายในสามปี ชายหนุ่มจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ‘ป๋อ’
ถึงแม้การแสดงออกของแม่ทัพฟ่านจะดูจริงใจ แต่จินเฟิงก็ยังคงปฏิเสธ
เมื่อมีขุนนางใหม่เพิ่มขึ้น เขาย่อมถูกโจมตีอย่างดุเดือดโดยผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากเรื่องนี้ เมื่อมีเค้กก้อนใหญ่แต่มีคนเข้ามาเพิ่ม ก็จำเป็นต้องแบ่งส่วนของเค้กนั้นเพิ่มตามไปด้วย
หากเขาอยู่ที่นี่ต่อ เขาก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่มันจะมาพร้อมกับการนองเลือดอย่างแน่นอน
แค่คิดถึงจินเฟิงก็ปวดหัวแล้ว หลังจากส่งมอบงานในมือเรียบร้อย บัณฑิตหนุ่มก็บอกลาชิ่งไหวและแม่ทัพฟ่าน เช้าวันรุ่งขึ้นเขากับจางหม่านชางก็เดินทางกลับ
เพื่อความปลอดภัย ชิ่งไหวได้ให้องครักษ์ส่วนตัวของเขาสิบนาย ไปช่วยคุ้มครองจินเฟิงตลอดการเดินทาง
พวกเขาใช้เวลาขี่ม้าห้าวันก็ไปถึงท่าข้ามฟากของแม่น้ำเจียหลิง ซึ่งบังเอิญพบกับเรือสินค้าลำหนึ่งที่แล่นผ่านมาพอดี
ตอนขามาพวกเขาใช้เวลาเกือบสิบวัน แต่ขากลับนั้นรวดเร็วกว่ามาก
เพราะตอนขากลับพวกเขาเดินทางตามกระแสน้ำ ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็ไปถึงท่าข้ามฟากจินชวนแล้ว
จากท่าเรือ พวกเขาต้องขี่ม้าต่อเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม จากนั้นก็จะเห็นหมู่บ้านซีเหอวานจากระยะไกล
กว่าจะมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำและถึงเวลาอาหารพอดี เบื้องหน้าจินเฟิงคือควันที่พวยพุ่งขึ้นมา โดยมีฉากหลังเป็นภาพของภูเขาที่อยู่ไกลออกไปราวกับเป็นเมฆสีดำ กระท่อมแต่ละหลังกระจายอยู่ท่ามกลางภูเขา เหมือนกับภาพวาดหมึกจีน จินเฟิงอดไม่ได้ที่จะยืนบนหลังม้าแล้วทอดสายตาออกไป
แม้ว่าเขาจะเป็นนักเดินทางข้ามเวลา แต่จินเฟิงก็รู้สึกสงบลงทันทีเมื่อเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงโค้งแม่น้ำ
ตัวเขาเหมือนคนพเนจรเดินทางกลับบ้านเกิดหลังจากผ่านการเดินทางไกลที่ยาวนาน
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ มีคนรอเขากลับไปอยู่
พื้นที่โล่งตรงทางเข้าหมู่บ้าน กวานเสี่ยวเอ๋อกำลังเล่นกับเด็กวัยไล่เลี่ยกันสองสามคนอย่างสนุกสนาน จู่ ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นและเหม่อมองไปไกล ๆ
“เสี่ยวเอ๋อ เจ้ามองสิ่งใดหรือ?”
น้องสาวของจางหม่านชางดึงนางแล้วพูดว่า “ถึงตาเจ้ากระโดดแล้ว”
“เสี่ยวฮวา เจ้าคิดว่าที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ใช่กองทหารม้าหรือไม่?”
กวานเสี่ยวเอ๋อเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น “พี่เขยของข้าต้องกลับมาแล้วแน่ ๆ”
หลังจากพูดจบ นางก็ไม่รอฟังคำตอบของจางเสี่ยวฮวาและรีบวิ่งออกจากหมู่บ้านเพื่อไปต้อนรับจินเฟิง
ทว่าหลังจากที่นางวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็หันหลังกลับและวิ่งกลับไปในหมู่บ้าน
ไม่ว่ากวานเสี่ยวโหรวและถังตงตงจะได้ยินหรือไม่ แต่ในขณะที่นางวิ่งนางก็ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
“พี่สาว พี่ถัง พี่เขยกลับมาแล้ว!”
เมื่อจางเสี่ยวฮวาได้สติ นางก็รีบวิ่งออกไปอีกทางหนึ่งทันที
“ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รองกลับมาแล้ว!”
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแตกตื่นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเด็กหญิงทั้งสอง
ไม่ว่าบุรุษ สตรี เด็กหรือคนชราต่างก็วิ่งออกจากบ้านกันหมด
ที่บ้านของจินเฟิง รุ่นเหนียงและกวานเสี่ยวโหรวกำลังทำอาหารอยู่ในครัว แต่จู่ ๆ กวานเสี่ยวเอ๋อก็พุ่งตัวเข้ามา
“เสี่ยวเอ๋อ เจ้าวิ่งจนเหงื่อออกท่วมตัว รีบไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว”
กวานเสี่ยวโหรวมองไปที่เสี่ยวเอ๋อและยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู
นับตั้งแต่มาที่บ้านหลังนี้ เสี่ยวเอ๋อก็มีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อย ๆ จากผมที่เคยแห้งเสีย เปราะขาดง่าย และมีสีซีดจางก็เปลี่ยนเป็นผมหนาและมีสีที่เข้มขึ้น
ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ดูมีเนื้อมีนวลขึ้นเช่นกัน เมื่อคนอื่นในหมู่บ้านเห็นนาง ทุกคนต่างก็ชื่นชมในความงามนี้
“ท่านพี่ เร็วเข้า ตามข้ามา!”
เสี่ยวเอ๋อคว้าแขนเสื้อของกวานเสี่ยวโหรวแล้วลากนางออกไป
“อย่าก่อกวนสิ นี่มันใกล้เวลาเลิกงานแล้ว อาหารยังทำไม่เสร็จนะ”
กวานเสี่ยวโหรวตีมือของเสี่ยวเอ๋อเบา ๆ
“พี่เขยกลับมาแล้ว พี่จะไม่ไปต้อนรับเขาหน่อยหรือ?”
เสี่ยวเอ๋อกระทืบเท้า
เคร้ง!
“เสี่ยวโหรว สามีของเจ้ามีความสามารถมากจริง ๆ!”
“เสี่ยวโหรว ปีหน้าลูกสาวของข้าอายุจะครบสิบหกปีแล้ว เจ้าช่วยรับนางไปเป็นอนุภรรยาของจินเฟิงได้หรือไม่? เจ้าวางใจได้ ลูกสาวข้าจะตั้งใจทำงานอย่างหนัก นางจะดูแลเจ้าและจินเฟิงเป็นอย่างดีแน่นอน”
“เอ้อร์ต้าเหนียง ไม่เอาน่า หากจินเฟิงต้องการแต่งอนุภรรยา ถังตงตงจะต้องได้เป็นคนแรกอย่างไม่ต้องสงสัย”
“จินเฟิงเป็นผู้ที่มีความสามารถมาก จะมีอนุเพิ่มสองหรือสามคนก็ย่อมได้?”
“มันไม่ใช่เรื่องว่าจะมีมากมีน้อยหรอก บุตรสาวของเจ้าผอมแห้งเหมือนไม้เท้าเช่นนั้น จินเฟิงจะชอบนางหรือ?”
“เจ้ารู้อะไรหรือไม่ ก่อนหน้านี้เสี่ยวเอ๋อผอมมาก แต่ตอนนี้นางกินเก่งแล้ว และนางก็ดูงดงามขึ้น หากลูกสาวของข้าได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี นางก็จะต้องดูดีขึ้นแน่นอน”
“อย่างไรเสีย ไม่ว่าลูกสาวของเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีแค่ไหน แต่ก็ไม่สู้หลานสาวผู้งดงามของข้า หากจินเฟิงต้องการรับอนุภรรยาเพิ่ม เจ้าสามารถให้เขามาที่บ้านของข้าได้ ข้ามีหลานสาวถึงห้าคน”
“จิ๋วหน่ายนาย ลืมไปเถอะ หลานสาวของท่านอายุยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ”
“อายุไม่ถึงสิบปีก็สามารถนำกลับไปเลี้ยงดูได้ นางสามารถช่วยเหลืองานที่บ้านได้นะ”
…
กลุ่มสตรีในหมู่บ้านกำลังขายลูกหลานของตนให้กับกวานเสี่ยวโหรว
หากเป็นเวลาปกติ กวานเสี่ยวโหรวคงจะตอบกลับอย่างอย่างมีมารยาทแน่นอน แต่ตอนนี้นางไม่ได้ยินสิ่งที่สตรีเหล่านั้นพูดเลย ดวงตาของนางเห็นเพียงจินเฟิงที่ขี่ม้าเข้ามา
สำหรับกวานเสี่ยวโหรว จินเฟิงคือกำลังใจเดียวของนาง
นับตั้งแต่เขาจากไป นางก็รู้สึกว่างเปล่าในใจ ไม่มีช่วงเวลาแห่งความสงบสุขเลย
จนถึงตอนนี้ เมื่อนางเห็นจินเฟิงเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ กวานเสี่ยวโหรวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
นางอยากเข้าไปกอดสามีจะแย่ แต่มีคนรายล้อมอยู่มากเกินไป ดังนั้นกวานเสี่ยวโหรวจึงต้องอดทนต่อความคิดนี้
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเอ๋อไม่ได้พะว้าพะวังนัก เมื่อนางเห็นจินเฟิงลงจากหลังม้า นางก็รีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มทันที เด็กหญิงกอดคอของจินเฟิงและแสดงออกว่าดีใจอย่างเปิดเผย
“พี่เขย ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว ข้าคิดถึงพี่มาก! พี่คิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”
“ฮ่าฮ่า ข้าก็คิดถึงเสี่ยวเอ๋อเหมือนกัน”
จินเฟิงลูบหลังเสี่ยวเอ๋อแล้วพูดว่า “ปล่อยมือเถิด เจ้ารัดคอข้าแน่นจนจะตายแล้ว”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์