เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 98

บทที่ 98 ของขวัญ

เขาเป็นทหารผ่านศึกและมีประสบการณ์ชีวิตมากมาย แม่ทัพฟ่านมีความเจ้าเล่ห์และคาดเดาได้ยาก เมื่อเขาเห็นว่าเส้นเลือดที่คอของชิ่งไหวปูดขึ้น ก็รีบเอ่ยขอบคุณและน้อมรับพระราชโองการ อีกทั้งยังขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามอบรางวัลก้อนโต้ให้กับขันทีอีกด้วย

“ท่านอาจารย์จินทำงานอย่างหนักจนกองทัพได้รับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”

หลังจากส่งขันทีออกไปแล้ว ชิ่งไหวก็ทุบกำปั้นกับโต๊ะด้วยความโกรธ “เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นหนานเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นยศที่ไม่มีอำนาจอะไรด้วยซ้ำ… ไหนจะเงินห้าร้อยตำลึงเงินนั่นอีก… ฝ่าบาททรงดูหมิ่นท่านอาจารย์เกินไปหรือไม่ ท่านแม่ทัพใหญ่ให้รางวัลขันทีผู้นั้นมากกว่า 500 ตำลึงเงินอีกมิใช่หรือ?”

“ชิ่งโหว ระวังคำพูดของเจ้าด้วย!”

แม่ทัพฟ่านมองชิ่งไหวด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง

ชิ่งไหวรู้ดีว่าเขาพลั้งปากไป จึงทุบโต๊ะอย่างไม่เต็มใจนัก “มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะบอกจินเฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร

“ทูตด่วนหงหลิงนำจดหมายกลับมาจากเปี้ยนจิง จดหมายเหล่านี้มาจากชิ่งกั๋วกงและฮูหยิน ท่านอ่านแล้วน่าจะรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

แม่ทัพฟ่านเดินไปปิดม่านกระโจมและหยิบจดหมายสองฉบับออกมาจากอ้อมแขนส่งให้ชิ่งไหว

ชิ่งไหวเมินเฉยต่อจดหมายของมารดา และเปิดซองจดหมายจากชิ่งกั๋วกงทันที

แม่ทัพฟ่านได้รับจดหมายมากกว่าชิ่งไหว เขาจึงนั่งลงข้าง ๆ และเลือกจดหมายหนึ่งฉบับเพื่อเปิดอ่าน

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็วางซองจดหมายลง ขณะที่สีหน้าของพวกเขาดูตึงเครียด

พวกเขาพอจะเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เหล่าขุนนางในราชสำนักแห่งต้าคังเห็นว่าผลงานของจินเฟิงนั้นน่าประทับใจมากจนทำให้ฝ่ายอื่น ๆ เกิดความกังวล พวกเขาจึงร่วมมือกันกดดันฝ่าบาทไม่ให้พระองค์ปูนบำเหน็จให้จินเฟิงอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ต้องพูดถึงการอนุญาตให้จินเฟิงเป็นแม่ทัพเลย

ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการเมืองและการถ่วงดุลอำนาจ อีกทั้งยังกลัวว่าตระกูลของชิ่งกั๋วกงจะมีอำนาจมากเกินไป พระองค์จึงตกลงทำตามข้อเสนอของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และมอบตำแหน่งที่ไร้ซึ่งอำนาจให้กับจินเฟิงเท่านั้น

ในทางตรงกันข้าม แม่ทัพเหล่านั้นไม่มีผลงานด้วยซ้ำ แต่ตราบใดที่พวกเขานำกองทหารมาในเมืองเว่ยโจวก็จะได้รับการปูนบำเหน็จในระดับที่แตกต่างกันไป แม้แต่จางฉีเวยคนที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็ยังได้รับการปูนบำเหน็จ

“ครั้งนี้เป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรเน้นย้ำคุณงามความดีของท่านอาจารย์จินจนเกินควร”

แม่ทัพฟ่านกล่าวพร้อมสีหน้าที่รู้สึกผิด

“การมีส่วนร่วมของท่านอาจารย์จินนั้นยอดเยี่ยมมาก หากไม่มีเขา กองทัพเถี่ยหลินจะปกป้องชิงสุยกู่ได้อย่างไร?”

ชิ่งไหวกล่าวออกมาด้วยโทสะ

“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ทำให้เหล่าขุนนางในราชสำนักยิ่งกลัวท่านอาจารย์จินมากขึ้น”

แม่ทัพฟ่านกล่าวว่า “การปรากฏตัวของเจ้าและข้าในกองทัพเจินซีทำให้หลายคนไม่สบายใจ ฝ่าบาททรงตอบแทนคนเหล่านั้นอย่างหนัก เพราะต้องการให้พวกเขาตรวจสอบและสร้างสมดุลระหว่างเจ้าและข้าในกองทัพเจินซี”

“คนทำดีไม่ได้ดี แต่คนที่ไม่ได้ทำอะไรกลับได้รับการปูนบำเหน็จ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปใครจะสู้เพื่อต้าคังอีกเล่า?”

ชิ่งไหวแค่นหัวเราะออกมา ทำให้บรรยากาศในกระโจมของแม่ทัพฟ่านนั้นคุกรุ่น

สิ่งใดที่ควรเผชิญหน้าก็ควรจะเผชิญ พระราชโองการของฝ่าบาทได้ถูกส่งออกไปแล้ว แม้ว่าชิ่งไหวจะไม่เต็มใจและไม่เห็นด้วย แต่เขาทำได้เพียงบอกความจริงกับจินเฟิงเท่านั้น

“ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าผลลัพธ์นี้ไม่ยุติธรรมสำหรับท่านมาก แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะเขียนจดหมายกลับไปให้ท่านพ่อลองต่อสู้เพื่อท่านอีกครั้ง”

ชิ่งไหวกล่าว

ในราชสำนัก บารมีของชิ่งกั๋วกงและแม่ทัพใหญ่ฟ่านนั้นมากพอตัว การมีส่วนร่วมของจินเฟิงในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หากมีผู้อื่นต้องการปราบปรามพวกเขา คนพวกนั้นจะต้องจ่ายในราคาที่สมเหตุสมผล มิฉะนั้นชิ่งกั๋วกงจะต้องไม่ยอมแน่

และค่าตอบแทนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องตกไปอยู่ในมือของชิ่งกั๋วกง

ดังนั้นเมื่อชิ่งไหวพูดสิ่งนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังขโมยความดีความชอบของจินเฟิงไป

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าพอใจกับผลลัพธ์มาก”

จินเฟิงยิ้มและส่ายศีรษะ

“ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าท่านโกรธ ท่านแม่ทัพฟ่านและข้าก็โกรธเช่นกัน แต่เราจะช่วยหาทางแก้ไขให้ท่านเอง”

ชิ่งไหวคิดว่าจินเฟิงกำลังโกรธ

จินเฟิงกล่าวว่า “ข้าได้อธิบายเรื่องการจัดการและป้องกันชิงสุยกู่ให้กับสวีเซียวแล้ว”

“ในเมื่อท่านตัดสินใจแน่วแน่ ข้าก็คงไม่บังคับให้ท่านอยู่ต่อไป”

ชิ่งไหวมองออกว่าจินเฟิงอยากที่จะกลับไปและไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่อ “หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่จินชวน ท่านอาจารย์สามารถไปที่เรือนชิ่งเฟิงและเข้าพบผู้ดูแลของข้าได้ เขาจะช่วยท่านจัดการกับปัญหา”

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วข้าก็มีเรื่องที่อยากจะรบกวนท่านโหว”

“ท่านอาจารย์เอ่ยมาได้เลย”

“ข้าต้องการอดีตทหารผ่านศึกที่ปลดประจำการไปแล้วของกองทัพเถี่ยหลินบางส่วน”

“ท่านอาจารย์ต้องการทหารปลดประจำการไปทำไมหรือ?”

ชิ่งไหวถามอย่างสงสัย

“ท่านโหวน่าจะรู้ว่าที่สู่ตี้มีเสือระบาด อีกทั้งบนภูเขายังมีโจรที่เข้ามายึดพื้นที่จำนวนมาก ในอนาคตข้าต้องเดินทางไกลเพื่อทำธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเรื่องยากสำหรับพี่ใหญ่จางเหลียงที่จะจัดการพวกมันเพียงลำพัง ข้าก็เลยอยากจัดตั้งขบวนคุ้มกันการขนส่งสินค้าขึ้น”

จินเฟิงกล่าวต่อ “ข้าเชื่อมั่นในตัวสหายที่เกษียณจากกองทัพเถี่ยหลิน ดังนั้นข้าเลยขอรบกวนท่านโหว”

“เรื่องนี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอก ท่านอาจารย์ช่วยข้าไว้มากมายกว่านี้เยอะ”

ชิ่งไหวกล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหายจากกองทัพเถี่ยหลินหลายคนออกจากกองทัพเนื่องจากหมดวาระการทำงานหรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีสหายอีกหลายคนที่เมื่อออกจากกองทัพไปแล้วก็ตกระกำลำบาก เป็นพรของพวกเขาที่ท่านอาจารย์ของข้าสามารถทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง และที่จินชวนเป็นศักดินาของข้า ดังนั้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของกองทัพเถี่ยหลินนั้นมาจากจินชวน ขากลับข้าจะส่งจงอู่ไปคุ้มกันท่านอาจารย์ เมื่อถึงจินชวนท่านอาจารย์ก็แจ้งแก่ผู้ดูแลว่าอยากได้ทหารทั้งหมดกี่นายก็เพียงพอแล้ว”

“นี่คือกระบวนการทำลวดเหล็กและเครื่องเหวี่ยงหินและโครงสร้างสำคัญของรูปแบบกระบวนทัพรวมถึงการแปรขบวน ข้ามอบให้ท่านโหว”

จินเฟิงยิ้มและหยิบสมุดออกมาจากใต้แขนเสื้อ “กระบวนทัพหรืออาวุธใด ๆ ก็ตามจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ครั้งแรก ศึกครั้งนี้ชาวตั่งเซี่ยงต้องประสบกับความสูญเสีย ดังนั้นพวกเขาจะต้องเตรียมแผนจัดการกับกระบวนทัพและเตรียมแผนรับมือกับเครื่องเหวี่ยงหินในศึกต่อไปแน่นอน ข้าจึงมอบวิธีสร้างหนามกระสุนไว้ในตอนท้าย หากเผชิญกับช่วงเวลาวิกฤติ ท่านโหวก็ลองดูได้ น่าเสียดายที่เหล็กดิบที่หลอมในเตาเครื่องปั้นนั้นดีสำหรับการทำลวด แต่ไม่ใช่กับการทำหน้าไม้ ข้าจะคิดหาทางหลังจากที่กลับไปที่จินชวน และเมื่อสรุปได้แล้วข้าจะส่งไปให้ท่านโหวอีกที”

“ข้าขอบคุณท่านอาจารย์มาก!”

ชิ่งไหวรับสมุดเล่มเล็กเอาไว้ด้วยสองมือของเขา

เขารู้ว่าสมุดเล่มนี้มีค่ามากกว่าของขวัญใด ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์