เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 97

บทที่ 97 ชิงสุ่ยหนาน

กองทัพหนานเจิงของตั่งเซี่ยงมีกองกำลังนับหมื่นคน ตั้งแต่กองทหารรบหลักไปจนถึงกองพลาธิการ ฝ่ายจัดเตรียมอาหาร และกองกำลังเสริมอื่น ๆ ในเวลานี้มากกว่า 20,000 คนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาถูกมัดและแขวนไว้ทีละคน ๆ เป็นกระบวนการที่ยุ่งยากมาก

ในฐานะแม่ทัพเถี่ยหลิน ชิ่งไหวต้องอยู่ที่นี่เพื่อบังคับบัญชา

กว่าจะจัดการฝ่ายศัตรูที่ยอมจำนนเสร็จ ก็เป็นเวลารุ่งเช้าแล้ว

ในใจของท่านโหวหนุ่มยังคงคิดถึงเรื่องของจินเฟิง ชิ่งไหวจึงไปที่ภูเขาชิงสุ่ยตอนเช้า โดยที่ยังไม่ทันได้พักผ่อน

จินเฟิงพาสวีเซียวไปด้วยเพื่อสอนวิธีจัดวางกองกำลังป้องกันและการใช้เครื่องเหวี่ยงหิน

ชิ่งไหวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

เขาพอจะมองออกว่าจินเฟิงตั้งใจที่จะจากไปและเขาคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนี้ได้

จินเฟิงรู้ว่าชิ่งไหวเห็นแล้ว เขาเลยพาสวีเซียวเดินเข้าไปหา

เมื่อวานนี้ที่กระโจมของแม่ทัพฟ่าน บัณฑิตหนุ่มพอจะมองออกว่าชิ่งไหวเองก็รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของแม่ทัพฟ่านเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นชิ่งไหวยังมอบความไว้วางใจให้เขาดูแลกองทัพเถี่ยหลินก่อนที่จะหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมา อีกฝ่ายก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อขอความช่วยเหลือและส่งอาหารไปยังภูเขาชิงสุ่ย

ทุกสิ่งทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าชิ่งไหวปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ จินเฟิงไม่จำเป็นต้องขุ่นเคืองท่านโหวหนุ่มเพราะแม่ทัพฟ่าน

“ท่านโหว ร่างกายของท่านยังไม่หายดี เหตุใดท่านจึงขึ้นเขามาแต่เช้าล่ะ?”

จินเฟิงมองดูใบหน้าซีดเซียวของชิ่งไหวและบอกให้สวีเซียวไปเอาเก้าอี้มา

“ข้าเป็นแม่ทัพออกศึก อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่ปัญหาอันใด”

ชิ่งไหวโบกมือให้สวีเซียว จงอู่ และคนอื่น ๆ ออกไปก่อน “ท่านอาจารย์อยู่ที่นี่ต่อได้หรือไม่ ข้าสามารถช่วยจัดหาตำแหน่งของท่านในกองทัพได้”

แม้เขาจะรู้ว่าความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก แต่ก็อยากจะลองเอ่ยปากถามดูก่อน

“ขอบคุณท่านโหวสำหรับความเมตตา แต่ข้ายังอยากที่จะกลับไป”

จินเฟิงส่ายศีรษะอย่างไม่ลังเล

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาได้เห็นหลาย ๆ อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากการสู้รบครั้งนี้ จินเฟิงได้รับความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการทหารและการเมืองในต้าคัง

แม่ทัพฟ่านเป็นขุนนางระดับสูงในราชสำนัก แต่อีกฝ่ายก็ยังถูกขัดขวางโดยแม่ทัพที่ไม่ได้ความคนอื่นทุก ๆ ด้าน ทั้ง ๆ ที่กองทัพเจินซีมีกองกำลังนับหมื่นชีวิต แต่กองทัพที่สามารถลงสนามรบและต่อสู้ได้กลับเป็นกองทัพฟ่านเจียและกองทัพเถี่ยหลิน

หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของแฟแลงซ์มาซิโดเนียและเครื่องเหวี่ยงหินครั้งนี้ คงเป็นเรื่องยากสำหรับกองทัพเจินซีที่จะปกป้องชิงสุยกู่เอาไว้ได้

และกองทัพเถี่ยหลินก็คงไม่ได้มีบทสรุปที่สวยงามเช่นนี้

ในชีวิตที่แล้ว จินเฟิงเป็นคนที่เก่งกาจด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เขายอมอยู่ในห้องทดลองนานครึ่งเดือนดีกว่าอยู่ในห้องประชุมครึ่งชั่วโมง

ผู้บริหารระดับสูงล้วนเป็นบุคคลที่พูดจาวกวนคาดเดาได้ยาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยากจะพูดอย่างหนึ่ง แต่ก็กล่าวอ้อมเป็นวงกลมใหญ่และพูดออกมาอีกอย่างหนึ่ง

ด้วยไอคิวของจินเฟิง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้น แต่เขาเกลียดการวางอุบายจากก้นบึ้งของหัวใจ

หากมีเวลาและกำลัง เขาก็อาจจะนั่งเฉย ๆ ประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ให้ถังตงตงหาเงิน และใช้เวลาเดินทางไปกับกวานเสี่ยวโหรว

ชิ่งไหวเตรียมใจมาพอสมควรแล้ว แต่เขาก็ยังต้องเผชิญกับความผิดหวังเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าจินเฟิงตัดสินใจแน่วแน่ ท่านโหวหนุ่มจึงหยุดโน้มน้าวและเปลี่ยนเรื่องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ที่ตีนเขา แม่ทัพฟ่านเองก็นอนไม่หลับทั้งคืน หลังจากนับจำนวนเชลยศึกและจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว เขาก็เขียนสาส์นกราบทูลฝ่าบาทและจดหมายส่วนตัวอีกหลายฉบับเพื่อมอบให้กับทูตด่วนหงหลิง โดยสั่งให้ส่งไปที่เปี้ยนจิงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

สาส์นกราบทูลดังกล่าวจะถูกถวายแด่ฝ่าบาท ในขณะที่จดหมายส่วนตัวจะถูกส่งไปยังอดีตสหายร่วมรบ

จนถึงขณะนี้แม่ทัพฟ่านยังคงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เขาเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของจินเฟิงอีกครั้งในสาส์นกราบทูล ทั้งยังทูลของให้ฮ่องเต้แต่งตั้งจินเฟิงเป็นแม่ทัพ

นี่เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์ครั้งแรกในสงครามระหว่างต้าคังและตั่งเซี่ยงในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทูตด่วนหงหลิงรีบไปยังเปี้ยนจิงพร้อมกับข่าวแห่งชัยชนะโดยไม่หยุดพัก

ระหว่างการเดินทางมีการเปลี่ยนม้าแต่ไม่มีการเปลี่ยนคน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ถึงเมืองหลวงที่อยู่ห่างจากชิงสุยกู่หลายพันลี้

“กองทัพเจินซีได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ กองทัพเถี่ยหลินได้สังหารศัตรูนับหมื่นในชิงสุยกู่ และแม่ทัพใหญ่จากกองทัพหนานเจิงแห่งตั่งเซี่ยงอย่างหลี่จี้ขุย รวมถึงทหารม้าตั่งเซี่ยงหลายหมื่นนายถูกจับกุมทั้งหมด!”

หงหลิงรีบวิ่งผ่านประตูทิศตะวันตกของเปี้ยนจิงพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง

ครั้งก่อน ข่าวทหารม้าตั่งเซี่ยงไม่ถึงพันคนถูกจับไปทั้งเป็นก็ทำให้เกิดความโกลาหลในเปี้ยนจิงแล้ว แต่คราวนี้กองทัพหนานเจิงแห่งตั่งเซี่ยงทั้งหมดถูกจับทั้งเป็นในคราวเดียวหรือ?! เหตุการณ์นี้ต้องสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่แน่

เมืองเปี้ยนจิงทั้งเมืองต่างก็เดือดพล่าน

เมื่อรวมกับกระบวนทัพและเครื่องเหวี่ยงหินที่จินเฟิงประดิษฐ์ขึ้น ความมั่นใจของชิงไหวก็เพิ่มขึ้นมาก

แต่สิ่งที่ทำให้ชิ่งไหวและแม่ทัพฟ่านประหลาดใจคือจินเฟิงผู้ซึ่งมีคุณูปการมากกว่าพวกเขา ถูกกล่าวถึงเพียงไม่กี่ประโยคในราชโองการเท่านั้น

จินเฟิงได้รับตำแหน่งชิงสุ่ยหนาน และได้รับการปูนบำเหน็จเป็นเงินห้าร้อยตำลึงเงิน นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีการพูดถึงอีก

“ท่านอาจารย์ได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ได้มอบเพียงบรรดาศักดิ์หนานเท่านั้นหรือ?”

ตำแหน่งหนานเป็นตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในต้าคัง ชิ่งไหวจึงออกปากบ่นแทนจินเฟิงทันที

“ชิ่งโหว ท่านกำลังตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของฝ่าบาทหรือ?”

ขันทีคนสนิทถามพร้อมยกยิ้มขึ้นบาง ๆ

เรื่องนี้ใครจะกล้าตอบ?

ชิ่งไหวส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วและถามว่า “ศักดินาของชิงสุ่ยหนานอยู่ที่ใด?”

เมื่อทำคุณงามความดีย่อมได้รับศักดินา

ตัวอย่างเช่น ศักดินาก่อนหน้านี้ของชิ่งไหวคืออำเภอจินชวน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบริหารที่นั่นโดยตรงได้ แต่ครึ่งหนึ่งของรายได้จากภาษีของอำเภอจินชวนจะตกเป็นของชิ่งไหว

นี่เป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของเขาที่ใช้ขยายกองทัพเถี่ยหลิน

ถึงแม้ศักดินาของตำแหน่งหนานจะมีขนาดเล็กมาก แต่จินเฟิงไม่จำเป็นต้องใช้มันสนับสนุนกองทัพ แม้ว่าศักดินาจะเล็กเพียงหยิบเมืองเดียว รายได้จากภาษีก็เพียงพอให้เขาอยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต

แต่ใครจะรู้ว่าขันทีคนสนิทกลับส่ายหัวแล้วพูดว่า “ชิงสุ่ยหนานไร้ซึ่งศักดินา”

“ไม่มีศักดินาหรือ?”

ชิ่งไหวหรี่ตาลงและกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

เดิมทีเขาคิดว่าการที่ฮ่องเต้แต่งตั้งจินเฟิงเป็นชิงสุ่ยหนาน เป็นเพราะต้องการเฉลิมฉลองการต่อสู้บริเวณชิงสุยกู่แห่งหุบเขาชิงสุ่ย ทว่าตอนนี้ชิ่งไหวรู้แล้ว ความหมายที่แท้จริงของชิงสุ่ยหนาน คือจินเฟิงเป็นเพียงขุนนางตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ค่าเหมือนชิงสุ่ยที่มีความหมายว่าน้ำจืด

ตอนนี้ แม้แต่แม่ทัพฟ่านยังรู้สึกว่าฝ่าบาททำเกินไปแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์