บทที่ 105 สบู่
“เอาล่ะ ๆ เลิกล้อเล่นกันได้แล้ว รุ่นเหนียงเอาน้ำมันหมูมาให้ข้าหน่อย”
จินเฟิงยิ้มและดึงกวานเสี่ยวโหรวมาใกล้ ๆ พร้อมบอกเจตนาที่เขามาที่นี่
“จินเฟิง เจ้าจะเอาน้ำมันหมูไปทำอะไรหรือ?”
รุ่นเหนียงถามอย่างสงสัย
เพราะปกติแล้วจินเฟิงจะไม่ได้ลงมือทำอาหาร
แต่นางก็ยังคงวิ่งไปที่ไหน้ำมันด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าต้องการเท่าใด?”
“เจ้านำมาให้ข้าทั้งหมดเถิด”
จินเฟิงไม่ได้อธิบายแต่บอกความต้องการเพิ่มเติม “นำน้ำมันเมล็ดพืชมาด้วย แล้วก็เตรียมกระปุกให้ข้าที”
“เอานี่”
รุ่นเหนียงยื่นไหน้ำมันให้จินเฟิงอย่างเชื่อฟัง
จินเฟิงรับไหน้ำมันแล้วจากไป จากนั้นกวานเสี่ยวโหรวก็เดินตามเขาไปติด ๆ
ไม่เพียงแต่รุ่นเหนียงที่สงสัย กวานเสี่ยวโหรวเองก็อยากรู้เช่นกันว่าจินเฟิงคิดจะทำอะไร?
เมื่อพวกเขาเดินไปถึงสถานที่ปลอดผู้คน กวานเสี่ยวโหรวจึงคว้าจินเฟิงแล้วถาม “สามี เจ้าเอากระปุกกับน้ำมันมาทำอะไรหรือ?”
“ทำสบู่”
จินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไม่นานหลังจากการเดินทางข้ามเวลา จินเฟิงก็ค้นพบว่าผู้คนในต้าคังใช้ฝักจ้าวเจี่ยว*[1] ในการซักเสื้อผ้าและสระผม
ซักเสื้อผ้าก็พอได้อยู่มันช่วยทำความสะอาดได้ดี แต่หากนำมาสระผมกลับไม่มีประสิทธิภาพนัก เพราะล้างความมันที่ติดเส้นผมและหนังศรีษะออกยาก หลังจากล้างแล้วก็ยังหลงเหลือความมันและมีกลิ่นเหม็นติดอยู่
โชคดีที่คนร่ำรวยสามารถใช้น้ำซาวข้าวมาสระผมได้ พวกเขาจึงไม่มีปัญหากับกลิ่นไม่พึงประสงค์
แต่ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปใครจะสามารถซื้อข้าวได้เล่า?
ไม่นานหลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกัน เมื่อจินเฟิงมีเวลาเขาก็จะทำสบู่ให้กวานเสี่ยวโหรวไว้ใช้สองก้อน
ก้อนหนึ่งสำหรับสระผมและอาบน้ำ และอีกก้อนสำหรับซักเสื้อผ้า
“สบู่ทำมาจากน้ำมันหมูหรือ?”
กวานเสี่ยวโหรวเบิกตากว้าง
นางพูดได้เต็มปากว่าหากไม่นับรวมจินเฟิง นางเป็นคนแรกในต้าคังที่ได้ใช้สบู่ นางจึงรู้สรรพคุณของมันเป็นอย่างดี
ตั้งแต่ได้สบู่มาใช้นางก็รู้สึกสดชื่นทุกวัน อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นของเส้นผมอีกต่อไป
จินเฟิงเพิ่งบอกนางว่าสบู่ที่มีความสามารถในการขจัดความมันได้ดีเยี่ยมทำมาจากน้ำมันหมูอย่างนั้นหรือ?
กวานเสี่ยวโหรวรู้สึกเหลือเชื่อ
ราวกับมีคนบอกนางว่าไฟในเตาเกิดจากน้ำอย่างไรอย่างนั้น
แต่จินเฟิงกลับยิ้มและพยักหน้า
ในความเป็นจริง กระบวนการทำสบู่นั้นง่ายมาก การเกิดขึ้นของสบู่ในประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องบังเอิญเช่นกัน
ตำนานเล่าว่า ขณะทำงาน ลูกมือของช่างตีเหล็กคนหนึ่งบังเอิญเอาจาระบีไปใส่กองไฟที่เพิ่งดับ จาระบีนั้นติดไฟได้ ลูกมือกลัวจะเกิดเพลิงไหม้จึงรีบเอาขี้เถ้ากลบ
โดยปกติแล้วเมื่อมือเปื้อนจาระบีจะทำให้ล้างความมันที่ติดอยู่บนมือยาก แต่ครั้งนี้เมื่อลูกมือของช่างตีเหล็กไปล้างมือกลับพบว่ามีฟองสีขาวบนมือจำนวนมาก อีกทั้งคราบมันบนมือก็ถูกชะล้างออกไปจนหมด
จากนั้นเขาก็รู้ว่าก้อนแข็ง ๆ ที่เกิดจากการควบแน่นของจาระบีและขี้เถ้ามีความสามารถในการชำระล้างคราบสกปรกได้
จากนั้นสบู่จึงถือกำเนิดขึ้น
แม้ว่าจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่กวานเสี่ยวโหรวก็เชื่อในสิ่งที่จินเฟิงทำโดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ
จินเฟิงบอกว่าน้ำมันหมูใช้ทำสบู่ได้ เช่นนั้นมันก็ต้องเป็นไปได้
“สามี สบู่ที่เจ้าทำครั้งที่แล้วยังใช้ไม่หมดเลย ไม่ต้องทำใหม่หรอก”
กวานเสี่ยวโหรวกล่าว
“คราวที่แล้วเร่งรีบจึงทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร คราวนี้จะทำใหม่ สองก้อนที่แล้วเจ้าโยนทิ้งไปได้เลย”
“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ของดีเช่นนั้นทิ้งไปก็น่าเสียดายนะ?”
กวานเสี่ยวโหรวหวงสบู่สองก้อนนั้นมาก นอกจากนางแล้ว มีเพียงถังตงตง เสี่ยวเอ๋อ และรุ่นเหนียงเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
ซานเสิ่นจือเองก็อยากได้ นางเอ่ยปากขอยืมอยู่หลายครั้งแต่กวานเสี่ยวโหรวก็ยังคงลังเล
“มันก็แค่สบู่ก้อนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ของดีอะไรหรอก”
จินเฟิงยิ้มและพูดว่า “รอข้าทำออกมาใหม่ก่อน เดี๋ยวเจ้าก็จะโยนอันเก่าทิ้งเอง”
จินเฟิงถือไหน้ำมันเข้าไปในโรงตีเหล็กซึ่งมีหม้อ เตา และเครื่องมืออื่น ๆ เตรียมไว้อยู่แล้ว
หนึ่งชั่วยามต่อมา จินเฟิงก็เทสบู่เหลวลงในแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ขั้นตอนเบื้องต้นในการทำสบู่สิ้นสุดลงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องรอ
เมื่อปฏิกิริยาซาพอนนิฟิเคชัน*[3] เสร็จสมบูรณ์ และของเหลวแข็งตัวเป็นก้อน เขาก็จะได้สบู่อย่างที่ตั้งใจไว้
พอมองไปที่ถาดขนาดใหญ่สามถาดที่เต็มไปด้วยสบู่ ดวงตาของจินเฟิงก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
แม้ว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอจะสร้างรายได้ แต่รายได้ที่ว่านั้นก็ช้าเกินไป
เขาต้องรู้จักกระจายความเสี่ยง
ตลาดสำหรับสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีการแข่งขัน
ผมมันเยิ้มเป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ในต้าคัง หากทำอย่างถูกต้อง สบู่ก้อนเล็ก ๆ ย่อมสามารถสร้างรายได้เร็วกว่าอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างแน่นอน
แน่นอนว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอก็ไม่สามารถหยุดพัฒนาได้
ท้ายที่สุดแล้ว อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และการคมนาคมขนส่งต้องมาก่อน
ประชาชนคนธรรมดาสามารถปรุงอาหารเองและอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำเสื้อผ้าของตนเองได้
ทุกคนไม่สระผมได้ แต่ก็ไม่สามารถขาดอาภรณ์นุ่งห่ม
ดังนั้นแนวโน้มของอุตสาหกรรมสิ่งทอก็ดูจะเป็นไปในทิศทางที่ดีเช่นกัน แต่แน่นอนว่าในอนาคตจินเฟิงจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น
จินเฟิงและหม่านชางย้ายสบู่ไปยังที่ที่มีอากาศถ่ายเท ขณะเดียวกันจางเหลียงก็กลับมาพร้อมกับชายผิวคล้ำสหายของเขา
ด้านหลังพวกเขามีชายร่างผอมสองคนสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง
“เสี่ยวเฟิง สองคนนี้เป็นสหายจากกองทัพเถี่ยหลินนามว่า ต้าจ้วง และเถี่ยฉุย”
ฟางเหลยแนะนำเขา จากนั้นชี้ไปที่จินเฟิงแล้วพูดว่า “นี่คือท่านอาจารย์จิน”
“พี่ใหญ่ฟางเหลย สุภาพบุรุษผู้นี้คือผู้ที่พากองทัพเถี่ยหลินของเราเอาชนะชาวตั่งเซี่ยงในชิงสุยกู่ได้หรือ?”
ชายทั้งสองมองไปที่จินเฟิง จากนั้นจึงหันไปมองชายผิวคล้ำอีกครั้ง
[1] ฝักจ้าวเจี่ยว (皂角) : ต้นไม้ผลัดใบ พบได้ในประเทศจีน เยื่อในฝักเมล็ดสามารถใช้ทำสบู่ได้
[2] เหอโส่วอู (何首乌) : ช่วยให้ผมดำสลวย ป้องกันผมหงอกขาวก่อนวัยและป้องกันเส้นผมหลุดร่วง
[3] ซาพอนนิฟิเคชัน (Saponification) : เป็นปฏิกิริยาระหว่างไขมันหรือน้ำมัน ที่ได้จากพืชหรือสัตว์กับสารละลายด่างในอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้เกิดสบู่และมีผลพลอยได้เป็นกลีเซอรีนหรือกลีเซอรอล

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์