บทที่ 108 ปรับเปลี่ยนทัศนคติ
เมื่อได้ยินดังนั้นจินเฟิงก็เป็นทุกข์เช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ในอนาคตไม่ต้องให้เด็ก ๆ มาที่นี่อีก”
หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้ายอมรับ พลางคิดในใจว่าจะช่วยเด็กทั้งสองคนนี้อย่างไรดี แต่แล้วจินเฟิงก็เอ่ยต่อ
“พวกเขาทั้งคู่ยังเด็กเกินไป ที่นี่เต็มไปด้วยอิฐและของอื่น ๆ ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก”
จินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาไปที่โรงงานปั่นด้ายเพื่อช่วยจัดการกับด้ายป่านและให้ค่าตอบแทนวันละครึ่งเหรียญทองแดง เด็กคนอื่น ๆ ที่อายุต่ำกว่าสิบสามก็ควรอยู่ให้ห่างจากที่นี่เช่นกัน หากไม่มีผู้ใหญ่ในครอบครัวที่ทำเงินได้ ก็ให้พวกเขาทั้งหมดไปที่โรงงานปั่นด้าย คัดเด็กหญิงสักสองสามคนไปหารุ่นเหนียงเพื่อช่วยหยิบจับในครัวทำอาหาร ส่วนเด็กหญิงคนอื่นพร้อมเด็กชายก็ให้ไปช่วยจัดระเบียบด้ายป่าน”
ในความเป็นจริง โรงงานไม่ต้องการเด็กจำนวนมากสำหรับการจัดเรียงด้ายป่าน แต่จินเฟิงทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็ก ๆ อดอยาก
ถ้าหากเขาไม่มีหนทางมันก็อีกเรื่องหนึ่ง หากเขามองไม่เห็นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เขารู้ทุกอย่างชัดเจนอีกทั้งยังมีความสามารถในการดูแลเด็ก ๆ ได้ จินเฟิงจะปล่อยไปเฉย ๆ ได้อย่างไร
ข้าวถ้วยเดียวในวันนั้นเปรียบเสมือนพรของพระเจ้าที่ให้โอกาสจินเฟิงผู้นี้ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“เสี่ยวเฟิง ข้าขอบใจเจ้ามาก นี่นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่งจริง ๆ”
หัวหน้าหมู่บ้านคำนับจินเฟิงอย่างซาบซึ้ง จากนั้นจึงวิ่งไปรวบรวมเด็ก ๆ อย่างมีความสุข
ในหมู่บ้านมีหลายครอบครัวที่เหมือนกับครอบครัวของสวีเหล่าซาน เมื่อเด็ก ๆ ได้ยินว่ามีงานให้ทำและพวกเขาจะมีกินแล้วต่างก็พากันส่งเสียงตื่นเต้นดีใจ
เด็กที่รู้ความสองสามคนเข้ามาคำนับขอบคุณจินเฟิง
จินเฟิงถอนหายใจและประคองพวกเขาขึ้นมา มันทำให้เขาหวนคิดถึงอดีตและอดไม่ได้ที่จะสงสารเด็ก ๆ เหล่านี้
เขาคิดว่าในชีวิตที่แล้วเขาลำบากมามาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กเหล่านี้แล้ว ความยากลำบากของเขากลับเทียบไม่ได้เลย
อย่างน้อยเขาก็มีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอ อีกทั้งการพากเพียรร่ำเรียนอย่างหนักก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ทว่าไม่ใช่เพราะเด็กเหล่านี้ไม่หมั่นเพียร แต่พวกเขาทำได้แค่ทำทุกอย่างให้มีชีวิตรอดไปวันต่อวันเท่านั้น
บางทีความปรารถนาสูงสุดของพวกเด็ก ๆ อาจเป็นการได้มีอาหารกินครบทุกมื้อ
หลังจากจัดการเรื่องเด็ก ๆ แล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็กลับไปยังสถานที่ก่อสร้าง
เดิมทีเขาคิดว่าจินเฟิงกลับไปแล้ว เพราะชายหนุ่มเข้ามักจะเข้ามาดูงานครู่เดียวแล้วก็กลับออกไป
แต่เมื่อกลับมาเขาก็พบว่าจินเฟิงยังคงอยู่ที่เดิม หัวหน้าหมู่บ้านจึงรีบเข้าไปเอ่ยถาม “เสี่ยวเฟิง มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”
“ข้ารู้สึกว่าตอนนี้การดำเนินงานค่อนข้างล่าช้า”
จินเฟิงกล่าวต่อ “หัวหน้าหมู่บ้าน เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านไปที่กวานเจียวานแล้วลองสอบถามว่ามีผู้ใดเต็มใจจะมาช่วยงานหรือไม่?”
“เจ้ารีบร้อนขนาดนั้นเชียวหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านไม่พอใจเล็กน้อย
ในความเห็นของเขา การมีงานทำและได้รับค่าตอบแทนถือเป็นพรอันประเสริฐ
แต่แน่นอนว่าของดี ๆ ควรสงวนไว้ให้คนในหมู่บ้าน เรื่องแบบนี้จะหยิบยื่นให้คนนอกได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้หัวหน้าหมู่บ้านก็แอบไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าจินเฟิงรับสมัครทหารปลดประจำการมาช่วยงาน
แต่เมื่อรู้ว่าทหารผ่านศึกเหล่านั้นล้วนเป็นคนจากกองทัพเถี่ยหลิน เขาจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร
แต่กวานเจียวานและเถียนเจียวานเคยรังแกซีเหอวานอยู่บ่อยครั้ง ดีแค่ไหนที่เขาไม่ไปเอาเรื่องคนพวกนั้น แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาต้องหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ไปให้คนพวกนั้น?
มันไม่ดีกว่าหรือที่จะสงวนสิ่งเหล่านี้ไว้ให้คนในหมู่บ้านเดียวกัน?
“นี่ค่อนข้างเป็นเรื่องเร่งด่วน”
จินเฟิงยิ้มออกมาเล็กน้อยและพอจะคาดเดาได้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านคงลืมไปว่าข้ามีธุรกิจใหม่ หลังจากสร้างโรงงานแห่งใหม่แล้ว ทุกคนก็จะสามารถไปทำงานในโรงงานใหม่ได้ ซึ่งง่ายกว่าการสร้างบ้านมาก อีกทั้งยังมีความมั่นคงมากกว่าด้วย”
“จริงสินะ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย”
ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกมั่นใจขึ้น
ในความเป็นจริง หัวหน้าหมู่บ้านยังคงมีความคิดแบบเกษตรกรตัวเล็ก ๆ และมีมุมมองที่จำกัดอยู่เพียงในหมู่บ้านซีเหอวานแห่งนี้ แต่วิสัยทัศน์ของจินเฟิงนั้นไปไกลในระดับอำเภอจินชวน หรืออาจจะไปไกลจนออกนอกอาณาจักรต้าคังแล้วก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นซีเหอวาน กวานเจียวาน หรือเถียนเจียวาน ทั้งหมดล้วนถูกจัดอยู่ในการเริ่มต้นแผนการดำเนินงาน
ยิ่งมีคนมากเท่าไร แผนของเขาก็จะสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น
“เสี่ยวเฟิง เสี่ยวโหรวไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าตอนที่เจ้าไม่อยู่บ้านพี่ชายนางเดินทางมาที่นี่หลายครั้งเชียวล่ะ” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“นางไม่ได้บอกอะไรข้านะ” จินเฟิงส่ายหัว “เขามาที่นี่ทำไมหรือ?”
หากแม่ยายของเขามาจินเฟิงก็พอจะเข้าใจได้
แต่กวานจู้จือรังแกกวานเสี่ยวโหรวอยู่บ่อยครั้ง และกวานเสี่ยวโหรวก็ไม่ชอบพี่ชายคนนี้มากเท่าไรนัก



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์