บทที่ 114 ชายชราผู้ดื้อรั้น
“ข้าไม่เหนื่อยหรอก ข้ามีวันนี้เพราะท่านอาจารย์ยินดีถ่ายทอดวิชาให้และเห็นคุณค่าในตัวข้า”
หม่านชางยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งและจริงใจ จากนั้นก็รับถ้วยน้ำชาสมุนไพรเอาไว้พร้อมดื่มจนหมด
นับตั้งแต่เขาติดตามจินเฟิง ไม่มีคนในหมู่บ้านกล้าถากถางเขาอีกต่อไป
แม้ว่าจะยุ่ง แต่หม่านชางก็มีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ท่านอาจารย์ พี่ชายของข้าได้จ้างช่างฝีมือเพิ่มอีกสองสามคน จะให้พวกเขาช่วยทำงานในส่วนใดหรือ?”
หม่านชางเอ่ยถาม
บางทีเพราะอาจจะเคยประสบกับความสูญเสียมาก่อน ถังตงตงจึงกังวลเป็นพิเศษกับการเก็บเรื่องทุกอย่างเป็นความลับ
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดกับแค่โรงงานสิ่งทอเท่านั้น เพราะเมื่อนางได้ยินว่าจินเฟิงจะสร้างเตาหลอมเหล็กแห่งใหม่ นางก็รีบมอบหมายให้จางเหลียงและฟางเหลยเดินทางไปยังหัวเมืองเล็ก ๆ หรือหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อหาช่างก่ออิฐมาหลาย ๆ กลุ่ม สำหรับสร้างชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเตาทันที
จริง ๆ แล้วถ้าต้องการทำเหล็กที่ดี นอกจากเตาเผาแล้วยังมีกระบวนการที่เข้มงวดและการเติมเม่งแซ่เพื่อเข้าไปช่วยเร่งปฏิกิริยาด้วย นี่คือกระบวนการที่ทำให้เหล็กมีคุณภาพอย่างแท้จริง
แม้ว่าคนงานเหล่านี้จะออกไปสร้างเตาหลอมแบบเดียวกันได้ แต่หากไม่มีสิ่งเหล่านั้น พวกเขาก็ยังไม่สามารถหลอมเหล็กดี ๆ ได้อยู่ดี
จินเฟิงรู้ดีว่าถังตงตงกำลังทำเพื่อประโยชน์ของเขาเอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ปฏิเสธ แต่อย่างไรก็ตามจินเฟิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนักและตอบอย่างสบาย ๆ
“เจ้าคอยดูแผนงานอีกทีแล้วกัน”
ในมุมมองของหม่านชางนี่คือความไว้วางใจของจินเฟิงที่มีต่อเขา ความเหนื่อยล้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนจะหายไปทันที
ในเมื่อมาที่นี่และได้เห็นโรงหลอมเหล็กแล้ว จินเฟิงกับหม่านชางจึงไปที่โรงงานสิ่งทอต่อ
โรงงานสิ่งทอแห่งใหม่มีขนาดใหญ่มากและต้องใช้ไนปั่นด้ายจำนวนที่เยอะขึ้น ซึ่งช่างไม้ก็ได้ส่งชิ้นส่วนสำหรับไนปั่นด้ายมาแล้วเกือบร้อยชิ้น
แผนงานในวันนี้ดูเหมือนจะใกล้เรียบร้อยแล้ว และจินเฟิงก็เตรียมตัวที่จะไปช่วยหม่านชางประกอบ
แต่แล้วยังไม่ทันจะเข้าไปในบริเวณลานบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกมาจากด้านใน
เมื่อได้ยินเสียงของกวานจู้จือดังมาจากข้างใน บัณฑิตหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาเข้าประตูไป เขาก็เห็นถังตงตงยืนขวางประตูโรงงานสิ่งทอ โดยที่มีกวานจู้จือยืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างอารมณ์เสีย ขณะที่กวานเสี่ยวโหรวกำลังเกลี้ยกล่อมพี่ชายอยู่
“ถังตงตง ข้าจะบอกอะไรให้ หากเจ้ายังดึงดันขวางทางข้าต่อไปล่ะก็ ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย อยากลองดูหรือไม่?”
กวานจู้จือหันหลังให้จินเฟิงและชี้ไปที่ถังตงตง
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ผลักกวานเสี่ยวโหรวออกไปแล้วหันกลับมาหยิบไม้กระบองที่อยู่บนพื้น
เมื่อเห็นจินเฟิงและหม่านชางเข้ามา แทนที่จะรู้สึกผิด กวานจู้จือกลับวิ่งไปหาจินเฟิงและชี้ไปที่ถังตงตงด้วยความโกรธและพูดว่า “น้องเขย เจ้ามาพอดี เจ้ารีบมาจัดการให้ข้าเถิด!”
จินเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่มองดูไม้กระบองในมือของกวานจู้จือเงียบ ๆ
กวานจู้จือแสยะยิ้มและโยนไม้กระบองออกไปแล้วพูดต่อ “น้องเขย ตอนที่เจ้าไปบ้านข้า เจ้าก็คงเห็นแล้วว่าไนปั่นด้ายของพี่สะใภ้เจ้านั้นเก่าและช้าเกินไป ข้าก็แค่อยากจะมอบไนปั่นด้ายตัวใหม่ให้แก่นาง ข้าจะมาปรึกษากับเสี่ยวโหรวแต่เสี่ยวโหรวยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ถังตงตงก็เข้ามาขัดขวางพร้อมกับปฏิเสธเสียงแข็ง ขนาดข้าทะเลาะกับนาง เสี่ยวโหรวก็ยังเลือกที่จะปกป้องนาง น้องเขย พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ถังตงตงผู้นี้เป็นใคร นางมีสิทธ์อะไร…”
“ถังตงตงเป็นผู้ดูแลโรงงานที่ข้าจ้างมา ที่โรงงานพัฒนามาจนถึงวันนี้ได้นั่นก็เป็นเพราะว่านางเป็นผู้ดูแล”
จินเฟิงขัดคำพูดของกวานจู้จือและพูดเสียงเรียบ “หากเจ้ากล้าพูดหยาบคายกับตงตงและเสี่ยวโหรวอีกครั้ง ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! ต่อไปนี้ห้ามเจ้าเข้าใกล้โรงงานสิ่งทอนี้อีก!”
หลังจากฝึกฝนในสนามรบมาหลายเดือน จินเฟิงได้สั่งให้คนสังหารทหารตั่งเซี่ยงไปนับไม่ถ้วน ยามสงบเขาดูเหมือนบัณฑิตผู้อ่อนแอไร้พิษภัย แต่เมื่ออารมณ์เสีย ความโหดร้ายของเขาก็เผยออกมาทันที
แม้ว่าเสียงของเขาจะเบาและไม่ได้ตวาดรุนแรง แต่ดวงตาที่เย็นชาของจินเฟิงก็ทำให้กวานจู้จือเหงื่อตก
จินเฟิงเหมือนพร้อมที่จะลงมือฆ่าใครสักคนในไม่ช้า
จากนั้นกวานจู้จือก็จำขึ้นใจว่า น้องเขยของเขาไม่เพียงแต่เป็นบัณฑิตผู้อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังเป็นวีรบุรุษปราบเสือที่ผ่านสนามรบมาแล้วอีกด้วย
เขารีบก้มศีรษะลงและวิ่งหนีไปอย่างสิ้นหวัง
กวานเสี่ยวโหรวเองก็ตกใจกับการแสดงออกของจินเฟิงเมื่อครู่นี้ นางได้แต่ก้มศีรษะแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “สามี เจ้าอย่าโกรธไปเลยนะ ไว้กลับไปข้าจะคุยกับพี่ชายของข้าดี ๆ อีกที…”
“เจ้าไม่ต้องไปพูดอะไรกับเขาหรอก ให้เขากลับไปก็พอ”
จินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ช่วงนี้พวกบุรุษที่กวานเจียวานทำงานได้ดีมาก แม้กระทั่งในวันที่อากาศร้อนทุกคนก็ทำงานอย่างหนัก ตอนกลางวันพวกเขาก็ไม่ได้หยุดพักผ่อน และหลังจากกินข้าวเสร็จพวกเขาก็รีบกลับไปทำงานทันที
พูดจบจินเฟิงก็เดินเข้าไปในโรงงานด้วยรอยยิ้ม
เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไปถึงหูหัวหน้าหมู่บ้านกวานเจียวาน เมื่อจินเฟิงและหม่านชางออกไปกินข้าวเที่ยง พวกเขาพบว่าชายชรายืนอยู่เงียบ ๆ ตรงทางเข้าลานบ้านของจินเฟิง
“ลูกเขย ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
เสี่ยวเอ๋อโผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ พร้อมคว้าตัวจินเฟิงแล้วพูดว่า “ซานเหยียเหยี่ยรอท่านมาครึ่งค่อนวันแล้ว”
“ยืนรออยู่ตรงนี้น่ะหรือ?”
จินเฟิงเหลือบมองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะก็พร้อมแผดเผามาก หัวหน้าตระกูลกวานไม่ยอมหาร่มเงาเพื่อหลบเลี่ยงความร้อน แต่กลับยืนตากแดดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนอย่างนั้นหรือ?
“ใช่”
เสี่ยวเอ๋อพยักหน้า “ซานเหยียเหยี่ยไม่ได้ส่งคนไปเรียกท่าน เขาไม่ดื่มน้ำที่พี่สาวของข้าส่งให้ด้วย เขาเอาแต่ยืนอยู่ที่นั่น ทำเอาพี่สาวของข้าเสียน้ำตาไปหลายรอบแล้ว”
“ชายชราผู้นี้ดื้อรั้นเสียจริง”
จินเฟิงเดาได้ว่าเหตุใดหัวหน้าตระกูลถึงมารอเขา ชายหนุ่มจึงพูดกับเสี่ยวเอ๋อก่อนที่จะเดินเข้าไปหาชายชรา “เสี่ยวเอ๋อ เอาถ้วยน้ำมาให้ข้าที”
ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ คงจะแย่หากชายชราเป็นลมล้มพับไป
“ลูกเขย…”
ทันทีที่ผู้เฒ่าเปิดปากพูด จินเฟิงก็ขัดจังหวะเขา
“ซานเหยียเหยี่ย ข้ารู้ว่าท่านจะเอ่ยสิ่งใด ข้าไม่ได้ใจแคบขนาดที่จะพาลโกรธพี่น้องคนอื่น ๆ เพียงเพราะกวานจู้จือเพียงผู้เดียว ผู้เฒ่าอย่างท่านช่างดื้อรั้นเสียจริง เป็นเพราะเรื่องนี้ ท่านเลยไม่ยอมหลบแดดอย่างนั้นหรือ?”
จินเฟิงประคองชายชราเข้ามาในบ้าน “ไม่ต้องกังวลไป ข้ามองเห็นความพยายามของทุกคน พวกเขาทำงานได้ดีและข้าก็จะไม่ลดค่าจ้างของพวกเขาลงด้วย”
“แล้วเจ้ายังจะรับสตรีที่กวานเจียวานมาทำงานที่ซีเหอวานอยู่หรือไม่?”
หัวหน้าตระกูลถามอย่างเป็นกังวล

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์