บทที่ 121 เชื่อในความสามารถมนุษย์
เป็นเวลาสามวันแล้วนับตั้งแต่ทหารหญิงเข้าร่วมการฝึก
ตอนแรกทุกคนคิดว่าชิ่งมู่หลานเป็นบุตรสาวของผู้มีอันจะกินและมาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่น จึงไม่มีใครจริงจังกับเรื่องนี้
บุรุษบางคนถึงกับเริ่มเดิมพันว่าสตรีเหล่านี้จะทนได้สักกี่วัน
และส่วนใหญ่ก็คิดว่าพวกนางจะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน
คิดไม่ถึงเลยว่าทหารหญิงกลุ่มนี้จะทำให้พวกเขาประหลาดใจ พวกนางไม่เพียงแต่ยืนหยัดจนครบสามวันเท่านั้น แต่ยังมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังฝึกฝนอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
แต่แล้วเมื่อเข้าวันที่สี่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
ตารางการฝึกที่จินเฟิงกำหนดไว้เป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นเรื่องปกติที่จะมีเหงื่อออกระหว่างการฝึก โดยปกติแล้วเหล่าทหารผ่านศึกมักจะฝึกฝนโดยไม่สวมใส่เสื้อผ้า ไม่เช่นนั้นเสื้อผ้าจะแนบติดกับร่างกายทำให้เกิดความอึดอัด
แต่ตอนนี้มีทหารหญิงร่วมการฝึกด้วย คงไม่เหมาะสมเท่าไรที่พวกเขาจะถอดเสื้อผ้า
แต่ใครจะรู้ว่าระหว่างการฝึกในเช้าวันที่สี่ เสื้อผ้าของพวกเขาจะถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนเป็นรอยขาด
เทคโนโลยีสิ่งทอในปัจจุบันล้าหลังและเสื้อผ้าก็เป็นของมีค่ามาก เหล่าทหารผ่านศึกรู้สึกลำบากใจจนต้องถอดเสื้อออกในตอนนั้น
และเมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งเริ่ม คนต่อ ๆ ไปก็จะทำตาม
ในไม่ช้า ทหารผ่านศึกก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งและเริ่มฝึกโดยไม่สวมเสื้อ
สถานะของสตรีที่ต้าคังนั้นต่ำต้อย เมื่ออยู่บ้านพวกนางต้องเชื่อฟังบิดามารดา และเมื่อแต่งงานไปพวกนางก็ต้องเชื่อฟังสามี เป็นกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นในสังคมศักดินา ยิ่งเวลาผ่านไป กฎเกณฑ์ก็จะมีความเข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีรายละเอียดยิบย่อย
ในครอบครัวชนชั้นสูงบางครอบครัวจะมีกฎที่เข้มงวดอย่างยิ่ง เช่นว่าสตรีจะแต่งตัวได้เมื่อใด พูดเสียงดังได้แค่ไหน และต้องหมอบกี่องศาเมื่อทำความเคารพ โดยจะมียายเฒ่ามาคอยคุมเข้มเพื่อรักษามาตรฐานเหล่านั้น
โชคดีที่บนเขาหรือในถิ่นทุรกันดาร กฎเหล่านี้ไม่ได้มีผลร้ายแรงนัก แค่ทุกคนในซีเหอวานจะเอาชีวิตรอดก็นับว่ายากเย็นแล้ว หากเข้มงวดเรื่องนั้นมากเกินไปก็คงใช้ชีวิตลำบาก
และหากยังเป็นเช่นนั้น การจะเปิดโรงงานสิ่งทอของจินเฟิงคงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
แต่ถึงแม้ในหมู่บ้านบนภูเขาจะมีกฎไม่มากนัก สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปก็ยังคงเหมือนเดิม
เพราะชิ่งมู่หลานและกลุ่มหญิงสาวต้องออกมาคลุกคลีกับกลุ่มทหารทุก ๆ วัน ในสายตาของสตรีในซีเหอวานและกวานเจียวานต่างก็คิดว่ามันผิดศีลธรรม
เมื่อไม่กี่วันก่อน ขณะที่ทหารหญิงกลับมายังหมู่บ้านหลังการฝึก สตรีบางคนได้ชี้นิ้วมาที่พวกนาง
แม้ว่าชิ่งมู่หลานจะมีนิสัยห่าม ๆ แต่นางก็เติบโตมาอย่างมีอารยะจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางจึงพอจินตนาการได้ว่าพวกสตรีจะเอ่ยตำหนิสิ่งใด
นางเลยเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่แย่กว่านั้นคือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จินเฟิงรู้สึกว่าทหารหญิงได้ปรับตัวเข้ากับจังหวะการฝึกในช่วงแรกได้แล้ว เขาจึงได้เพิ่มความเข้มข้นของการฝึกในวันที่สี่
นอกจากนี้ในวันที่อากาศร้อน ทหารหญิงล้วนมีเหงื่อออกมากจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มโชก
ถึงแม้ว่าชุดที่พวกนางสวมใส่จะเป็นสีดำ เวลาเหงื่อออกจะไม่โปร่งแสง แต่มันก็แนบไปกับลำตัวและเรือนร่าง ทรวดทรงของสตรีเปิดเผยอย่างชัดเจนมากขึ้น
หากเป็นคนในยุคสมัยใหม่ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ตามท้องถนนเต็มไปด้วยเด็กผู้หญิงที่ใส่กางเกงรัดรูปเพื่อโชว์สัดส่วน แต่ในยุคนี้ ผู้หญิงไม่ควรแต่งตัวแบบนี้ออกไปเดินตามท้องถนน
หลังจากการฝึกในวันนั้น ชิ่งมู่หลานและทหารหญิงต่างก็ซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาด้านหลังจนมืดก่อนที่พวกนางจะกลับไปหมู่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงที่พัก ชิ่งมู่หลานก็รีบอาบน้ำและรีบไปที่บ้านของจินเฟิง
ครอบครัวของจินเฟิงกำลังกินอาหารเย็น เมื่อเห็นชิ่งมู่หลานมาถึง กวานเสี่ยวโหรวก็รีบลุกขึ้นและถามว่า “มู่หลาน เจ้ากินข้าวหรือยัง มากินด้วยกันสิ?”
“ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวโหรว”
ชิ่งมู่หลานหันไปมองจินเฟิงและเริ่มเอ่ยประท้วง “ท่านอาจารย์ ข้าขอได้หรือไม่ เวลาพวกเราทำการฝึกฝนร่วมกัน ขอให้เหล่าทหารชายสวมใส่เสื้อผ้าด้วย!”
“ในสนามรบ สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญคือทหารชาย หากทนเรื่องนี้ไม่ได้แล้วเจ้าจะไปที่สนามรบได้อย่างไร?”
จินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองชิ่งมู่หลานแล้วพูดเบา ๆ
“เจ้าก็พูดเองนี่ว่าต้องการออกไปเผชิญชีวิตในสนามรบ”
ชิ่งมู่หลานกล่าวว่า “ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มนินทาแล้ว หากพวกเขายังคงดึงดันไม่สวมเสื้อผ้าอีก ในอนาคตพวกข้าจะใช้ชีวิตในหมู่บ้านได้อย่างไร?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์