บทที่ 129 คุกคาม
เนื่องจากการปิดโรงงานสิ่งทอและการระงับการทำงานในพื้นที่ก่อสร้าง หมู่บ้านซีเหอวานที่เคยมีชีวิตชีวามาหลายเดือน จู่ ๆ ก็เงียบลงและกลับคืนสู่สภาพที่ไร้ชีวิตชีวาอีกครั้ง
รอยยิ้มบนใบหน้าของชาวบ้านหายไป เมื่อพวกเขาเจอหน้ากันก็ได้แต่ถอนหายใจให้กัน แต่ละคนขมขื่นและมีความขุ่นเคืองมากกว่าครั้งก่อน
คำพูดทักทายที่พูดกันในหมู่บ้านซีเหอวานและกวานเจียวานจากการถามไถ่ว่า ‘กินข้าวหรือยัง’ ถูกแทนที่ด้วยคำว่า ‘โจรพวกนี้สมควรตาย’
เพราะชาวบ้านทุกคนรู้ดีว่าคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้คือโจรเขาเถี่ยกว้าน
ชีวิตของพวกเขากำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่หลังจากถูกพวกโจรเข้ามาแทรกแซง ทุกอย่างก็มลายหายไปในพริบตา
มีข่าวลือในหมู่บ้านว่าจินเฟิงอาจทิ้งซีเหอวานไปพร้อมไนปั่นด้ายของเขาและย้ายไปตั้งโรงงานในอำเภอจินชวนหรือเขตที่ไม่มีโจร
ทันทีที่มีข่าวลือนี้ออกมา ชาวบ้านทุกคนก็ตื่นตระหนก เป็นเหตุให้ในช่วงนี้หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองต่างก็มุ่งหน้าไปที่บ้านของจินเฟิงเพื่อถามไถ่ข่าวนี้หลายต่อหลายครั้งอย่างร้อนใจ
น่าเสียดายที่จินเฟิงกับหม่านชางอยู่แต่ในโรงหลอมเหล็ก เวลากินข้าวกวานเสี่ยวโหรวก็จะเป็นผู้ที่นำอาหารไปให้ เวลานอนพวกเขาก็ไม่กลับออกมา หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองที่กำลังร้อนใจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผลัดกันเฝ้าประตูโรงหลอมเหล็กเพื่อรอให้จินเฟิงออกมาหลังจากเสร็จงาน แล้วค่อยทำการหารือ
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จินเฟิงจะออกมาจึงมีข่าวออกมาว่าพวกโจรได้เข้ามาในหมู่บ้านแล้ว
“โจรมาแล้วหรือ?”
หลิวชิ่งเหยวียนลุกขึ้นจากเก้าอี้ราวกับว่าก้นของเขาถูกไฟลน “พวกมันอยู่ที่ใด? มากันกี่คน?”
หากเป็นสถานการณ์ปกติ โจรจะมาที่หมู่บ้านเพื่อเก็บข้าวประจำปี หลังการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น แต่นี่ยังอยู่ในฤดูร้อน ดังนั้นการมาที่นี่ในเวลานี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“มากันหกเจ็ดคน เกือบจะถึงทางเข้าหมู่บ้านแล้ว”
เป็นชาวบ้านที่เป็นผู้มาแจ้งข่าว
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็วิ่งออกไปทันที
ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป จินเฟิงก็ออกมาจากโรงหลอมเหล็กเช่นกัน
“ท่านอาจารย์ การคาดเดาของท่านแม่นยำจริง ๆ ท่านบอกว่าอีกสองวันข้างหน้าพวกโจรจะต้องบุกมา แล้วพวกเขาก็มาจริง ๆ”
ฟางเหลยที่เฝ้าประตูยกนิ้วให้จินเฟิง “ข้าจะไปที่ภูเขาด้านหลังและเรียกพี่เหลียงและคนอื่น ๆ กลับเข้ามา”
“ดี แต่พวกเจ้าซ่อนตัวอยู่นอกกำแพงก่อนและอย่าให้พวกโจรเห็น หากข้าไม่ได้ออกคำสั่งก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
บัณฑิตหนุ่มกำชับ
“รับทราบ”
ฟางเหลยคว้าดาบแล้ววิ่งเข้าไปในภูเขาด้านหลังทันที
ที่ทางเข้าหมู่บ้าน โจรหกคนถือดาบและเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อแสดงบารมี
ทว่าบรรยากาศในหมู่บ้านตอนนี้เหมือนหมู่บ้านร้าง ชาวบ้านทั้งหมดต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในบ้านและมองออกไปข้างนอกผ่านรอยแยกของประตู
ชาวบ้านทุกคนไม่มีใครกล้าออกไป
เด็กที่ซุกซนที่สุดจะซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินหรือบนคานหลังคา โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
“หัวหน้า เหตุใดพวกเจ้ามาที่นี่ตอนนี้ล่ะ?”
หลิวชิ่งเหยวียนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมพยักหน้าแล้วเอ่ยถาม
ชาวบ้านคนอื่น ๆ สามารถซ่อนตัวได้ แต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านซีเหอวาน เขาไม่สามารถซ่อนหรือหลบหนีได้
“ข้าได้ยินมาว่าซีเหอวานของพวกเจ้ามีบุคคลสำคัญที่สามารถทำให้พวกเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายขึ้น พวกเราที่มาจากเขาเถี่ยกว้านยากจนข้นแค้น เดินทางมาที่นี่เพียงเพราะต้องการได้คำแนะนำจากคน ๆ นั้น”
รองหัวหน้าโจรเหลือบมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้าน “คนผู้นั้นอยู่ที่ใดหรือ พาข้าไปพบเขาหน่อย”
“เรื่องนี้…”
หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
ทันทีที่เขาได้ยินว่าพวกโจรเข้ามาในหมู่บ้าน เขาก็เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะมาเพื่อพบกับจินเฟิง
เขากลัวจริง ๆ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เขากังวลมากว่าพวกโจรจะทำร้ายจินเฟิง หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนบาปในซีเหอวานและกวานเจียวาน หลิวชิ่งเหยวียนจึงไม่กล้าทำตามคำสั่งพวกโจร
วิธีการนี้สืบทอดกันมานับพันปี แม้แต่ในศตวรรษที่ 21 เมื่อแก๊งอันธพาลสองกลุ่มทะเลาะกันก็ต้องตะโกนคำพูดที่รุนแรงก่อนที่จะลงมือเสมอ
รองหัวหน้าโจรได้รับมอบหมายจากเขาเถี่ยกว้านให้มาคุกคามจินเฟิง และเขาก็เป็นผู้ที่ชำนาญเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น รองหัวหน้าโจรยังมั่นใจมาก เขาจึงแสดงใบหน้าเหี้ยมโหดอย่างชัดเจน โดยไม่รู้ว่าในสายตาของจินเฟิง ตอนนี้เขาเป็นเหมือนตัวตลกตัวหนึ่ง
“บอกมาสิว่าอยากให้เราทำอะไร”
จินเฟิงหยิบถ้วยน้ำขึ้นมาแล้วถามอย่างใจเย็น
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสร้างไนปั่นด้ายใหม่และโรงงานสิ่งทออะไรนั่น โดยปกติแล้วชาวบ้านทุกคนล้วนมีอาชีพเกษตรกร การที่เจ้าทำโรงงานนี้ขึ้นทำให้ทุกคนไม่สนใจการทำไร่ทำนาอีกต่อไป หัวหน้าของพวกข้าบอกให้เจ้านำไนปั่นด้ายไปที่ภูเขาเถี่ยกว้านด้วยตัวเอง และในอนาคตก็ให้พวกเจ้าตั้งใจทำไร่ทำนา อย่าคิดที่จะทำสิ่งนี้อีก”
รองหัวหน้าโจรเน้นเสียงให้เมื่อถึงคำว่า ‘ด้วยตัวเอง’ แล้วชี้ไปที่ปล่องไฟที่อยู่ด้านหลังจินเฟิง “อ้อ แล้วก็รื้อปล่องไฟและเตาเผาอิฐนั้นออกซะ อย่าทำลายบรรยากาศและสร้างควันพิษให้หมู่บ้าน”
“ความต้องการของพวกเจ้ามากมายเสียจริง!”
จินเฟิงแค่นเสียงหัวเราะ
เขาคิดว่าพวกโจรเขาเถี่ยกว้านมาที่นี่เพื่อขอไนปั่นด้ายบางส่วน เนื่องจากจะนำไปเลียนแบบเท่านั้น
แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายต้องการเอาไนปั่นด้ายที่เขามีไปทั้งหมด อีกทั้งยังขอให้นำของไปส่งด้วยตัวเองอีก
มิหนำซ้ำยังขู่จินเฟิงว่าห้ามผลิตไนปั่นด้ายหรือสร้างเตาเผาอิฐและเตาหลอมเหล็กอีกต่อไป
จินเฟิงไม่ใช่บัณฑิตธรรมดา ๆ เท่านั้น เขายังต้องดูแลผู้คนรอบ ๆ กายเขาด้วย ซึ่งล้วนแต่ต้องพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้มิใช่หรือ?
คำขอของโจรไม่ได้เป็นเพียงคำขู่อีกต่อไป แต่เป็นความตั้งใจที่ชัดเจนเพื่อบังคับให้จินเฟิงจนมุม
หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หน้าซีดเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ความต้องการของพวกโจรไม่เพียงแต่ตัดเส้นทางทำกินของจินเฟิงเท่านั้น แต่ยังตัดความหวังของหมู่บ้านซีเหอวานทั้งหมดให้ขาดสะบั้นไปด้วย
“เงื่อนไขของพวกเจ้า ข้าคงมิสามารถรับปากได้”
จินเฟิงหัวเราะเยาะและส่ายหัว “กลับไปคุยกับหัวหน้าของพวกเจ้าให้ดี แล้วค่อยกลับมาตกลงกันอีกทีเถอะ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์