บทที่ 130 หากกล้าแตะต้องแม้แต่ปลายเส้นผม!
“ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าพวกข้ามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อเจรจากับเจ้า แต่มาเพราะต้องการแจ้งความต้องการให้เจ้ารู้เท่านั้น”
รองผู้นำกลุ่มโจรยืนขึ้นพร้อมกับตวาดเสียงดัง “เจ้าอย่ามา…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จินเฟิงก็เหวี่ยงถ้วยในมือไปที่ใบหน้าของโจร
!!!
ถ้วยเครื่องปั้นดินเผาแตกออกเป็นสองส่วน บาดแผลปรากฏขึ้นที่ใบหน้าด้านขวาของรองผู้นำกลุ่มโจรทันที ไม่นานเลือดก็ไหลออกมาเรื่อย ๆ
สุดท้ายเลือดก็ไหลอาบเต็มใบหน้าของรองผู้นำกลุ่มโจร
เสียงดังก้องลั่นโรงหลอมเหล็ก
ทุกคนที่ได้ยินเสียงต่างก็กุมศีรษะตัวเองเอาไว้อย่างหวาดหวั่น
“จบแล้ว!”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกราวกับว่าเขาตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง
แม้ว่าเขาจะถูกทุบตีจนตาย เขาก็ไม่คาดคิดว่าจินเฟิงจะกล้าโจมตีพวกโจรก่อน
“เจ้าอยากตายสินะ!”
ดวงตาของรองผู้นำกลุ่มโจรแดงก่ำด้วยความโกรธ
สำหรับรองผู้นำกลุ่มโจร บาดแผลบนใบหน้าเขาไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่พฤติกรรมของจินเฟิงนั้นเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้
เขาเอื้อมมือกลับไปคว้าดาบยาวที่อยู่ข้างโต๊ะ แต่ก่อนที่เขาจะคว้าดาบเอาไว้ได้ ก็มีลูกธนูพุ่งเข้ามากระแทกที่ด้ามดาบจนกระเด็นออกไป
“พี่ซวนจื่อ!”
เมื่อโจรคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น พวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมคว้าดาบยาวออกมา
ปัก! ปัก! ปัก!
ลูกธนูจำนวนมากพุ่งออกมาปักที่เท้าของพวกโจร
แม้แต่รองผู้นำกลุ่มโจรยังถูกลูกธนูตอกเข้าที่เท้าของเขา!
โจรทั้งหมดมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัว และพยายามสอดส่ายสายตาเพื่อหาว่าลูกธนูมาจากไหน
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญกับความผิดหวังเนื่องจากหาต้นตอไม่พบ
อันตรายที่มองไม่เห็นทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
จินเฟิงหยิบถ้วยอีกใบขึ้นมาแล้วพูดอย่างใจเย็น
“นี่เป็นเพียงคำเตือน หากเจ้ายังคงคุกคามพวกข้าต่อไป ข้ารับรองว่าลูกธนูลูกต่อไปจะโดนหัวของเจ้าแน่!”
รองผู้นำกลุ่มโจรคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย
“หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้สิ้นซาก!”
ทันทีที่เขาพูดจบก็ถูกจินเฟิงกระชากศีรษะแล้วกระแทกลงบนโต๊ะ
รองผู้นำกลุ่มโจรถูกจินเฟิงจับหัวกระแทกอย่างเลือดเย็นทันที
จินเฟิงกระชากเส้นผมออกจากศีรษะเขาอย่างง่ายดาย
“ติดมือข้ามาหลายเส้นเชียวล่ะ เหตุใดเจ้าไม่ลงมือฆ่าตามที่เจ้าว่าให้ข้าดูสักหน่อยเล่า?”
รองผู้นำกลุ่มโจรมีอาการวิงเวียนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะยืนขึ้น เขาจ้องมองไปที่จินเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ริมฝีปากของเขาสั่นเทา “เจ้า…เจ้า…”
“เรียกข้าทำไมหรือ? ว่าอย่างไร อยากจะฆ่าพวกข้าให้สิ้นซากอย่างนั้นรึ?”
จินเฟิงหัวเราะเยาะและพูดอย่างเย็นชา “หากเจ้าชี้นิ้วมาที่ข้าอีกล่ะก็ ข้าจะตัดนิ้วของเจ้าให้รู้แล้วรู้รอด!”
รองผู้นำกลุ่มโจรหุบนิ้วของเขาโดยไม่รู้ตัว
เพราะดวงตาอันโหดเหี้ยมของจินเฟิง เขาจึงไม่กล้าที่จะท้าทายความอาจหาญของชายผู้นี้
“กลับไปบอกหัวหน้าของพวกเจ้าซะ ไปบอกผู้อยู่เบื้องหลังของเขาว่าหากต้องการไนปั่นด้ายของข้า ก็ให้มาพูดกับข้าด้วยความตั้งใจจริง แต่ถ้าต้องการปล้นมันไปจากข้าล่ะก็ ข้าจะเผาไนปั่นด้ายทิ้งให้หมด และจะไม่ยกให้พวกเจ้าแม้แต่ตัวเดียว!”
จินเฟิงโบกมืออย่างหมดความอดทน “เอาล่ะ ไสหัวไป!”
รองผู้นำกลุ่มโจรกัดฟัน พร้อมคว้าดาบขึ้นมาจากพื้นแล้วจากไปพร้อมกับโจรที่เหลือ
เขาไม่มีท่าทางที่เย่อหยิ่งและแสดงอำนาจเหมือนตอนมาถึงอีกต่อไป แต่กลับไปในสภาพที่ดูเหมือนสุนัขจมน้ำที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด
“พี่ซวนจื่อ พวกเราจะจากไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ?”
หลังจากออกจากหมู่บ้าน โจรคนหนึ่งก็ถามอย่างไม่เต็มใจ “ถ้าเรากลับไปเช่นนี้ บรรดาสหายของเราต้องหัวเราะเยาะแน่นอน”
โรงงานสิ่งทอ โรงงานหลอมเหล็ก และลานบ้านของจินเฟิงมีจุดพรางตัวมากมายที่ทำไว้ตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง เพื่อใช้เป็นสถานที่ลับและที่พรางตัวสำหรับทหารผ่านศึกโดยเฉพาะ
มันเพิ่งมีประโยชน์ในครั้งนี้
สิ่งที่จินเฟิงไม่คาดคิดก็คือชิ่งมู่หลานเองก็ออกมาพร้อมกับทหารหญิง โดยแต่ละคนถือหน้าไม้อยู่ในมือ
“ทำได้ดี”
จินเฟิงยิ้มและชมเชย “ตอนที่พวกโจรกลับออกไป พวกมันยังคงมองไปรอบ ๆ เพื่อพยายามค้นหาที่ซ่อนตัวของพวกเจ้า”
ไม่ต้องพูดถึงพวกโจร จินเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนางซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก่อนที่ทหารผ่านศึกจะออกมา
“เราฝึกฝนสิ่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว อีกอย่างพวกเราอยู่ในเขตควบคุมของเราเอง หากพวกเขาจับได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว”
จางเหลียงยิ้มแต่มองจินเฟิงด้วยสายตาที่เป็นกังวล
ในความเป็นจริง สำหรับจางเหลียงเมื่อต้องรับมือกับพวกโจร เราจำเป็นต้องลงมือฆ่าอย่างรวดเร็วหรือไม่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกมันชั่วคราว ข้อห้ามข้อสำคัญคือเราไม่ควรยั่วยุพวกมัน
จางเหลียงจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้สึกว่าครั้งนี้จินเฟิงรู้สึกหุนหันพลันแล่นเกินไป
มีเพียงชิ่งมู่หลานเท่านั้นที่ไม่กังวลเลย นางมีเพียงแค่ความเสียดายเท่านั้น
“ท่านอาจารย์ เหตุใดเมื่อครู่ไม่ฆ่าพวกโจรล่ะ?”
นับตั้งแต่จินเฟิงขอให้นางฝึกฝนทักษะเพื่อเผชิญหน้ากับพวกโจร ชิ่งมู่หลานก็มีความกระตือรือร้นในทุก ๆ วัน หากจางเหลียงไม่ห้ามนางเอาไว้นางก็เกือบจะลงมือแล้ว
“แม้ว่าในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีบุรุษไม่มากนักและการหาคนมายี่สิบถึงสามสิบคนเพื่อต่อสู้กับพวกโจรก็คงไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งพวกโจรก็มีกันแค่หกเจ็ดคน เท่านั้น…”
จินเฟิงถามด้วยเสียงต่ำ “แต่มู่หลาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงไม่ให้ทุกคนออกมา?”
“มีเหตุผลอะไรอีกเล่า? ไม่ใช่ว่าท่านกลัวพวกโจรจะมาแก้แค้นหรือ?”
ชิ่งมู่หลานกล่าวต่อ “แต่ท่านอาจารย์คิดหาวิธีไว้แล้วมิใช่หรือ? เราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ใช่หรือไม่?”
“ใช่ มันง่ายมากที่จะฆ่าโจรทั้งหกคนนี้ และการฆ่าโจรเขาเถี่ยกว้านก็ไม่ใช่เรื่องยาก” จินเฟิงส่ายหัว “แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ”
“ท่านอาจารย์ต้องการสิ่งใดเล่า” ชิ่งมู่หลานถาม
“พวกโจรได้ทิ้งความหวาดกลัวไว้ในใจของทุกคนจนฝังลึก ข้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้”
จินเฟิงเหมือนจะตอบชิ่งมู่หลาน แต่ก็ดูเหมือนเขากำลังพูดกับตัวเองด้วย “ข้าอยากให้ลูกธนูเป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการพวกเขาไปสักพัก…”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์