บทที่ 131 ใจคน
“พวกโจรได้ทิ้งร่องรอยความกลัวไว้ในใจของทุกคนลึกเกินไป… ข้าอยากให้ลูกธนูเป็นเครื่องมือจัดการพวกเขาไปสักพัก…”
ชิ่งมู่หลานพูดซ้ำสิ่งที่จินเฟิงพูด แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
เนื่องจากนางคิดไม่ออกจึงไม่อยากที่จะคิดต่อ นางหันมาดึงจินเฟิงแล้วเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ อย่ามัวอ้อมค้อมอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าเราสามารถจัดการกับพวกโจรได้ เหตุใดท่านจึงตัดสินใจว่าจะไม่ทำเช่นนั้น ท่านต้องการอะไรกันแน่?”
“ใจคน”
จินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วพูดอย่างใจเย็น
“ใจคนหรือ?” ชิ่งมู่หลานยิ่งสับสนมากขึ้น “หมายความว่าอย่างไร?”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
จินเฟิงยิ้มและกลับเข้าไปในโรงหลอมเหล็กอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีพวกโจร แต่ชีวิตมนุษย์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ก่อนจะทำอะไรเขาต้องมั่นใจก่อนว่าจะไม่มีเรื่องผิดพลาด
บัณฑิตหนุ่มยังมีงานที่คั่งค้างอยู่จะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับชิ่งมู่หลาน?
ไม่ช้าก็มีเสียงกุกกักดังมาจากโรงหลอมเหล็ก
ชิ่งมู่หลานต้องการแอบเข้าไปในโรงหลอมเหล็กเพื่อดูว่าจินเฟิงกำลังยุ่งอยู่กับอะไร แต่ถูกฟางเหลยหยุดไว้ นางจึงทำได้เพียงจากไปด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะฝึกฝนกับกลุ่มทหารหญิงต่อไป
จางเหลียงและทหารผ่านศึกก็เตรียมที่จะกลับไปที่ภูเขาด้านหลังเช่นกัน แต่ในจังหวะนั้นเขาก็เห็นหม่านชางเดินออกมา
“หม่านชาง มีของอะไรที่เจ้าต้องการหรือไม่?”
จางเหลียงถามว่า “เจ้าเข้าไปช่วยเสี่ยวเฟิงด้านใน หากเจ้าต้องการสิ่งใดก็บอกข้าได้ ข้าจะไปเอามาให้”
“ไม่เป็นไร พอดีข้ารู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย ท่านอาจารย์บอกให้ข้ากลับไปพักผ่อนแล้ว” หม่านชางกล่าว
ทุกคนในหมู่บ้านซีเหอวานรู้ดีว่าหม่านชางได้เรียนรู้ทักษะที่ยอดเยี่ยมจากจินเฟิง ตอนนี้ครอบครัวจางก็เลยยกให้หม่านชางเป็นเสาหลักและเป็นความหวังที่จะทำให้ครอบครัวรุ่งเรืองขึ้น
ทันทีที่เขาได้ยินว่าหม่านชางไม่สบาย จางเหลียงก็เริ่มกังวล
“หากเจ้ารู้สึกไม่สบายก็กลับไปพักผ่อนเถิด อยากกินอะไรก็บอกพี่สะใภ้ได้เลย ให้นางทำให้เจ้ากิน”
“อื้ม!”
หม่านชางตอบรับและเดินออกจากโรงหลอมเหล็กไป
หลังจากที่พวกโจรออกไป ชาวบ้านก็ออกมาจากบ้านและรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่พวกโจรมาตามหาจินเฟิง
ในตอนแรกชาวบ้านที่รวมตัวกันนั้นมีไม่มาก เมื่อพวกเขาถามเรื่องราวจากทหารผ่านศึกก็ไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย เมื่อถามหัวหน้าหมู่บ้าน เขาก็ไม่พูดอะไร พวกชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปในโรงหลอมเหล็กเพื่อถามจินเฟิงได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่กังวล
แต่ไม่นานทุกคนก็พบเบาะแสของเรื่องราวจากมารดาของหม่านชาง
มารดาจางปฏิเสธที่จะบอกในตอนแรก แต่นางทนไม่ได้กับการสะกดรอยตามของซานเสิ่นจือและพรรคพวก นางจึงบอกเล่าคำขอของกลุ่มโจร
ตอนนี้คนทั้งหมู่บ้านต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก
“เห็น ๆ กันอยู่ว่าจินเฟิงเป็นผู้สร้างไนปั่นด้ายนี้ขึ้นมา หากพวกเขาต้องการปล้นก็ไม่เท่าไรหรอก แต่นี่พวกเขาถึงกับเอ่ยปากห้ามไม่ให้ใช้มันอีกในอนาคต เรื่องนี้ยุติธรรมอย่างนั้นหรือ?”
“โรงงานสิ่งทอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอีกต่อไป เตาเผาอิฐ และเตาหลอมเหล็กก็ถูกระงับการทำงานเช่นเดียวกัน ในอนาคตเราจะไปหารายได้จากที่ใด? จะใช้ชีวิตกันอย่างไร? พวกโจรกำลังบีบบังคับให้เราตาย!”
“เจ้ายังคิดถึงวิธีหาเงินอยู่อีกหรือ? คิดหาวิธีเอาตัวรอดก่อนเถิด!”
“เว่ยเหล่าเอ้อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ? หากจินเฟิงนำกลุ่มทหารผ่านศึกไปโจมตีพวกโจรเขาเถี่ยกว้านจนเกิดการนองเลือด ด้วยนิสัยของพวกโจร พวกมันจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปโดยง่ายอย่างแน่นอน พวกเขาอาจจะมาสร้างปัญหาให้พวกเราในวันถัดไป!”
“จินเฟิงเป็นผู้ลงมือกับพวกเขา เหตุใดพวกโจรต้องมาเอาเรื่องเราด้วย”
“พวกโจรจะคุยกับพวกเจ้าด้วยเหตุผลอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ แต่จินเฟิงก็มุทะลุเกินไปจริง ๆ หากไม่เห็นด้วยก็ควรจะนิ่งเอาไว้ก่อน แต่เขากลับลงไม้ลงมือกับพวกโจร? เรื่องนี้จะไม่กระทบถึงพวกเราใช่หรือไม่?”
“จินเฟิงเป็นคนที่มีความสามารถ ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาสามารถทำเงินได้มากมาย เมื่อพวกโจรมาจินเฟิงก็สามารถหนีออกจากภูเขาด้านหลังพร้อมกับการขบวนคุ้มกันของเขาได้ เขาสามารถหาที่หลบซ่อนจนพวกโจรหาไม่เจอและสามารถไปเปิดโรงงานใหม่ในภายหลังได้”
“ไอหยา เช่นนี้จินเฟิงก็หลอกลวงพวกเราอย่างนั้นหรือ?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์