บทที่ 134 เกิดเรื่องไม่คาดคิด
ที่ทางเข้าหมู่บ้านซีเหอวานมีพื้นที่เปิดโล่ง บริเวณนั้นเป็นลานนวดข้าวของหมู่บ้าน ทุกครั้งที่มีการประชุมในหมู่บ้านก็มักจะมาจัดขึ้นที่นี่
ในอดีตก่อนที่จะมีการก่อตั้งโรงงานสิ่งทอ เมื่อถึงเวลากินข้าว คนกว่าครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านจะมารวมตัวกันที่นี่พร้อมถ้วยชามในมือเพื่อนั่งกินข้าวและพูดคุยโอ้อวดกันในเรื่องต่าง ๆ
แม้ว่าจะไม่มีการประชุมหรือมีมื้ออาหารก็ยังมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่มาเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่นี่เสมอ
แต่ในเวลานี้ ลานนวดข้าวที่เคยพลุกพล่านและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอกลับกลายเป็นสถานที่รกร้างเสียแล้ว
ไม่เพียงแค่ที่นี่ แต่บรรยากาศทั้งซีเหอวานก็เป็นเช่นนี้ ทั้งหมู่บ้านเงียบจนน่าขนลุกเหมือนกับหมู่บ้านผีสิงในภาพยนตร์ที่วิเวกวังเวงไม่มีผิด
มีเพียงเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งตั้งอยู่ริมลานนวดข้าวเท่านั้น
จินเฟิงเดินออกจากหมู่บ้านพร้อมกับจางเหลียง เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
จางเหลียงถือดาบทมิฬไว้ในมือ เขายืนอยู่ข้างหลังจินเฟิงอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายดังขึ้น
จางเหลียงบอกว่าพวกโจรยังอยู่ห่างออกไปสามลี้ไม่ใช่เหรอ?
พวกมันมาที่นี่เร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
จินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปมองหมู่บ้านที่อยู่ด้านหลัง
หลิวเถี่ยปรากฏตัวจากมุมถนนโดยถือขวานไว้ในมือ
ตามมาด้วยหลี่หมาจื่อ จางกู่จือ
และบุรุษคนอื่น ๆ ต่างก็ทยอยเดินออกมาทีละคน
อาวุธที่ถืออยู่ในมือของพวกเขามีหลากหลายทั้งขวาน เคียว ส้อมพรวน หลายคนถือไม้กระบองเอาไว้มั่น
ยกเว้นหู่จือที่ได้รับบาดเจ็บและยังรักษาตัวอยู่ในอำเภอ สหายที่ดูแลหู่จือและขบวนคุ้มกันต่างก็มากันทั้งหมด
พวกเขาไม่รู้เรื่องการเตรียมการของจินเฟิง แต่สถานการณ์แบบนี้พวกเขารีบเร่งมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าทุกคนได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้กับพวกโจรไปด้วยกัน
สิ่งนี้ทำให้จินเฟิงประหลาดใจ
เหล่าทหารผ่านศึกยังไม่ได้เริ่มภารกิจคุ้มกันอย่างเป็นทางการเพราะพวกเขาเอาแต่ฝึกซ้อม ส่วนหลิวเถี่ย จางกู่จือและคนอื่น ๆ ยังคงรับผิดชอบเรื่องคุ้มกันการขนส่งสินค้าอยู่
จินเฟิงรู้ถึงอันตรายของหน้าที่ดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงเพิ่มค่าจ้างของคนกลุ่มนี้ให้เทียบเท่ากับเหล่าทหารผ่านศึก
คนที่อาศัยอยู่บนเขาล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และมีความคิดเรียบง่ายตรงไปตรงมา
บางทีในความคิดของหลิวเถี่ยและคนอื่น ๆ การที่จินเฟิงจ่ายเงินเดือนที่สูงเช่นนี้ให้กับพวกเขา เทียบเท่ากับอีกฝ่ายได้ซื้อชีวิตของพวกเขาแล้ว
แม้ว่าจินเฟิงจะแปลกใจที่พวกเขามา แต่บัณฑิตหนุ่มก็พอจะเข้าใจได้
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขางุนงงคือ หลังจากที่ผู้คุ้มขบวนส่งของมาที่นี่กันหมด หัวหน้าหมู่บ้านก็มาพร้อมกับบุรุษบางคนที่ทำงานที่เตาเผาอิฐและพื้นที่ก่อสร้างด้วย
แน่นอนว่าค่าจ้างรายวันของพวกเขาอยู่ที่ประมาณสองถึงสามเหรียญทองแดง ซึ่งใกล้เคียงกับค่าจ้างในเมือง
เหตุใดพวกเขาจึงมาที่นี่ ในเมื่อตนเองก็ไม่ได้เงินมาง่ายดายนัก?
ไม่ใช่แค่นี้ เพราะหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ มาถึง ซานเหยียเหยี่ย หัวหน้าหมู่บ้านจากกวานเจียวานก็พาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วยเช่นกัน
คนที่เดินตามหัวหน้าตระกูลกวานมาคือพี่ชายของกวานเสี่ยวโหรว กวานจู้จือ
กวานจู้จือถือขวานไว้ในมือ เมื่อเห็นว่าจินเฟิงยังคงทำหน้าเข้มอยู่ เขาก็ยิ้มให้จินเฟิงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหัวหน้าตระกูล
“ท่านอาหลิว ซานเหยียเหยี่ย พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
จินเฟิงยืนขึ้นอย่างช้า ๆ และถามด้วยสายตาที่งุนงง
“พวกข้าทุกคนรับค่าจ้างจากเจ้า เมื่อพวกโจรบุกมา พวกข้าจะเอาแต่หลบซ่อนตัวและปล่อยให้เจ้าต่อสู้กับพวกมันเพียงลำพังได้อย่างไร?”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ก็ขอให้ข้าได้มาเพื่อเสริมกำลังให้เจ้าเถอะ แม้ช่วยได้เล็กน้อยก็ยังดี”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านพูด ใบหน้าของจินเฟิงก็แดงขึ้นทันที
พอได้ยินแบบนี้เขาก็รู้สึกตื้นตันไม่น้อย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์