เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 135

บทที่ 135 บังคับขู่เข็ญ

โจรก็คือโจร ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นแค่พวกตัวเล็ก ๆ หรือหัวหน้าใหญ่ พวกเขาจะแกล้งทำเป็นขู่เมื่อเผชิญหน้าและพยายามปราบปรามผู้อื่นโดยการกดดันให้อยู่ต่ำกว่า

จินเฟิงหัวเราะ จากนั้นก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้โดยไขว้ขาเอาไว้พร้อมเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มถามอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“เจ้าคงเป็นหัวหน้าใหญ่ของโจรเขาเถี่ยกว้านสินะ?”

“ใช่แล้ว ข้าคือหลิวเจียง!”

พี่ใหญ่ไม่ถือสาในท่าทียโสของจินเฟิง เขากำหมัดแล้วเอ่ย “เมื่อวานเจ้าบอกว่าข้าไร้ซึ่งความจริงใจ วันนี้ข้าเลยมาแสดงความจริงใจให้เจ้าเห็น!”

หลังจากผายมือไปทางด้านหลัง กลุ่มโจรก็ออกมาพร้อมกับเข่งใบเล็กใบใหญ่ทันที

“นี่คือเนื้อตากแห้งหนึ่งร้อยจิน ข้าวสารหนึ่งพันจิน และผ้าฝ้ายอีกสิบจั้ง การแสดงความจริงใจเหล่านี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”

จินเฟิงไม่ตอบ แต่ผู้อาวุโสอย่างหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

พวกเขาจ่ายภาษีข้าวให้พวกโจรมาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นพวกโจรมอบสิ่งของให้กับชาวบ้าน

ไม่ว่าสิ่งของจะมากมายเพียงใด แต่นี่แสดงให้เห็นถึงมุมมองของโจรที่มีต่อบัณฑิตหนุ่มและยังแสดงให้เห็นว่าคำพูดก่อนหน้าของจินเฟิงไม่ใช่การโอ้อวด พวกโจรไม่กล้าทำร้ายเขาจริง ๆ

ในที่สุดชาวบ้านที่ตัวสั่นด้วยความกลัวก็คลายกังวลจากการโน้มน้าวของจินเฟิง

หลิวเถี่ยเก็บขวานไว้ข้างเอว เพียงแค่จินเฟิงพยักหน้า เขาก็จะนำคนไปหิ้วเข่งเหล่านั้นมาทันที

เมื่อเป็นเช่นนี้ ถือว่าพวกโจรได้มาถูกทางแล้ว ทุกคนน่าจะสามารถนั่งลงและตกลงกันได้อย่างราบรื่น

แต่ใครจะรู้ว่าจินเฟิงจะเหลือบมองเข่งเหล่านั้นด้วยสายตาดูถูก “แค่นี้หรือ?”

ดูเหมือนว่าจะมีแค่ธัญพืช เนื้อตากแห้ง และของจิปาถะอื่น ๆ อีกกองใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่คุ้มเท่าไรนัก

เพราะเงินที่ขบวนคุ้มกันของเขาถูกพวกโจรดักปล้นที่ถงซานสามารถซื้อเกวียนได้หลายคันเชียวล่ะ

หลิวเถี่ยเริ่มรู้สึกตึงเครียด เขาเริ่มจับเข้าที่ขวานอีกครั้ง

แต่หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มโจรยังคงไม่แสดงท่าทีโกรธเคือง ราวกับว่าคิดเอาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พอใจง่าย ๆ จากนั้นเขาก็โบกมือไปด้านหลังด้วยรอยยิ้ม

โจรคนหนึ่งมาพร้อมกับกล่องไม้เล็ก ๆ เขาวางกล่องไว้บนเข่งอย่างระมัดระวัง

เมื่อเปิดกล่องดูก็พบว่า ด้านในมีแท่งเงินเรียงกันเป็นแถวอยู่

“ถ้าข้าเพิ่มให้อีกสามร้อยตำลึงเงินล่ะ?” พี่ใหญ่ถาม “ตอนนี้เจ้าน่าจะพอใจแล้วใช่หรือไม่?”

ในความเป็นจริง เงินที่โจรขโมยไปจากขบวนเกวียนของจินเฟิงในถงซานมีมูลค่าไม่เกินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน การที่เขาได้เงินชดเชยมาสามร้อยตำลึงเงินถือว่าได้กำไรมากถึงสองเท่า

สำหรับพวกโจรที่เป็นนักล่า การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการแสดงความจริงใจอย่างยิ่ง อาจกล่าวได้ว่าเป็นสัญญาณของการก้มหัวเพื่อยอมอ่อนข้อเลยด้วยซ้ำ

แต่จินเฟิงยังคงไม่ลุกขึ้น เขาทำเพียงส่ายหัวปฏิเสธ

รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่ใหญ่ผู้นั้นหายไป เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “อย่าให้มันมากไปหน่อยเลย!”

“หากเจ้าคิดว่ามันมากไป เช่นนั้นเจ้าก็นำของเหล่านี้กลับไปเถิด ข้าไม่ได้ห้าม!”

น้ำเสียงของจินเฟิงก็เรียบเฉยเช่นกัน

หัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็ใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ไม่มีใครคิดว่าท่าทีของจินเฟิงจะแข็งกระด้างขนาดนี้

โจรได้เสนอค่าชดเชยสองเท่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับ สำหรับพวกโจรนี่ถือเป็นการดูถูกกันชัด ๆ!

“พี่ใหญ่ มัวแต่ถกกับไอ้พวกชาวบ้านอยู่ทำไม ลงมือฆ่าพวกมันเสีย!”

“ใช่ ในเมื่อพูดกันดี ๆ แล้วไม่ยอมรับก็ฆ่าทิ้งซะ!”

“จัดการเขาเสีย!”

โจรที่อยู่บนหลังม้าต่างก็ชักดาบยาวออกมา

แม้ว่าโจรที่อยู่ข้างหลังจะไม่ได้ยินสิ่งที่จินเฟิงพูด แต่พวกเขาก็เห็นว่าพี่ใหญ่ของตนชักดาบออกมาแล้วจึงรีบชักดาบออกมาเช่นกัน

โจรที่ดูดุร้ายหลายร้อยคนจ้องมองกันไปมา เตรียมพร้อมสำหรับการสังหารทันที

และแล้วบรรยากาศโดยรอบก็ดูหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนที่อบอ้าว แต่ชาวบ้านทุกคนกลับรู้สึกเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง

ชาวบ้านต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัว

แต่สำหรับจินเฟิงผู้เคยมีประสบการณ์การต่อสู้ในชิงสุยกู่มาแล้ว ความกดดันจากโจรหลายร้อยชีวิตตรงหน้านี้ไม่มีอะไรต้องกังวล ใจของเขาบอกว่า พวกโจรเหล่านี้กำลังทำเรื่องเหลวไหลไร้สาระ

เห็นได้ชัดว่าความโกรธในใจของเขาแทบจะระงับไว้ไม่อยู่แล้ว

แม้แต่โจวซือเหยียก็ไม่เคยล้อเล่นกับเขาเช่นนี้

“ไอหยา ข้าถูกเจ้าจับได้แล้วหรือนี่?”

จินเฟิงแสดงท่าทางประหลาดใจอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โง่เขลาเกินกว่าจะเยียวยา นับว่าเฉลียวฉลาดกว่าหมูป่าเล็กน้อย”

“เจ้า! เจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรอกนะ?”

หัวหน้าโจรเบิกตากว้าง

“แล้วเจ้ากล้าหรือ?” จินเฟิงถามกลับ “เจ้านายของเจ้าคงบอกแล้วสินะว่าห้ามแตะต้องข้า”

“นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเจ้าถึงกล้าที่จะอวดดีกับข้าเช่นนี้สินะ?”

หัวหน้าโจรแสยะยิ้มและชี้ไปที่ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังจินเฟิง “ใช่! ข้าไม่สามารถลงมือฆ่าเจ้าได้ แต่ข้าสามารถฆ่าพวกเขาได้! ข้าสามารถฆ่าครอบครัวของเจ้าได้! ข้าสามารถฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าได้!”

“นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเจ้าถึงกล้าที่จะอวดดีกับข้าเช่นนี้สินะ?”

จินเฟิงตอบด้วยประโยคเดียวกับที่หัวหน้าโจรพูดเมื่อครู่ “โจรอย่างพวกเจ้าคงไม่มีวันที่จะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง เป็นได้เพียงอินทผลัมให้ความหวานที่ทำประโยชน์ให้ตัวการใหญ่เท่านั้น! เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะโอนอ่อนงั้นหรือ?”

หัวหน้าโจรชักดาบยาวออกมาแล้วพูดด้วยใบหน้าเข้ม “ข้ารับรองได้เลยว่า ถ้าวันนี้เจ้าไม่ส่งไนปั่นด้ายให้ข้า ข้าจะฆ่าทุกคนที่อยู่ตรงหน้าให้หมด! ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเจ้า คนแก่ สตรี เด็ก รวมไปถึงคนที่อ่อนแอในหมู่บ้าน! ตอนนี้คนพวกนั้นคงซ่อนตัวอยู่ในเขาด้านหลังสินะ? ไม่ต้องห่วง หลังจากที่ข้าฆ่าชาวบ้านตรงหน้าแล้ว ข้าจะส่งคนไปที่ภูเขาด้านหลังและจับสมาชิกในครอบครัวของเจ้ามาและฆ่าพวกเขาทีละคนต่อหน้าเจ้า!”

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินสิ่งนี้ สายตาของเขาก็หลุบลงต่ำ ขาของเขาเริ่มอ่อนแรง หากไม่ได้หลิวเถี่ยประคองเอาไว้ เขาคงจะทรุดลงบนพื้นแล้ว

หลังจากได้ยินคำขู่ ชาวบ้านที่อยู่ข้าง ๆ จินเฟิงต่างก็หวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงเช่นเดียวกัน

แต่การแสดงออกของจินเฟิงยังคงสงบ บัณฑิตหนุ่มยิ้มพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ แล้วเอ่ย

“เมื่อครู่ข้าให้โอกาสในการมีชีวิตอยู่ต่อแก่เจ้าแล้ว เจ้าไม่รับมันไว้เอง ตอนนี้เจ้าหมดโอกาสแล้ว!”

“แสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นไร ว่าเจ้าจะรับมืออย่างไรได้!”

หัวหน้าโจรแค่นหัวเราะ แต่ดวงตาของเขาเริ่มมองไปรอบ ๆ และในขณะเดียวกันเขาก็ถอดหมวกเกราะออกจากคอม้าแล้วสวมให้ตัวเอง

“ดีมาก ข้าจะสนองให้แล้วกัน!”

ว่าจบจินเฟิงก็ยกมือขวาขึ้นแล้วดีดนิ้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์