บทที่ 137 ความเปลี่ยนแปลงของทหารหญิง
ไม่ว่าจะเป็นยุคอาวุธเย็น*[1] หรือยุคอาวุธร้อน*[2] สนามรบก็เต็มไปด้วยเลือด
ในเวลานี้ บริเวณลานนวดข้าวเต็มไปด้วยเลือดราวกับว่าเป็นฝนสีแดงที่ตกหนักจนพื้นดินเฉอะแฉะ
โจรหลายร้อยชีวิตกำลังดิ้นรนและร้องโหยหวนอยู่บนพื้นโคลน
พวกเขาโชคดีเพราะธนูจ้งหนู่และหนามกระสุนไม่โดนที่จุดสำคัญจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่ได้เสียชีวิตทันที
แต่บางที… พวกเขาถือว่าโชคร้ายเสียยิ่งกว่าสหายที่เสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนลำไส้ทะลัก บางคนไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นยืนได้ แน่นอนว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ข้างหน้า เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความตาย
การมีชีวิตอยู่ตอนนี้ เป็นเพียงความทุกข์ทรมานที่ผ่านไปอย่างอ้อยอิ่งเพื่อรักษาลมหายใจได้อีกแค่ชั่วขณะหนึ่ง
โจรบางคนทนความเจ็บปวดไม่ไหวและชิงจบชีวิตตัวเองลงไปเสียก่อน
แต่ความอยู่รอดเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต โจรจำนวนไม่น้อยยังเชื่อในโชคชะตา พวกเขาร้องไห้คร่ำครวญและยืนหยัดรอคอยปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้น
พวกเขาไม่รู้เลยว่าที่รอบ ๆ บริเวณลานนวดข้าว จินเฟิงได้ประกาศโทษประหารชีวิตแล้ว
“มู่หลาน ถึงตาเจ้าแล้ว ไปจัดการที่เหลือซะ!”
“รับทราบ!”
ชิ่งมู่หลานแสดงความเคารพจินเฟิงและโค้งคำนับเพื่อรับคำสั่ง
อาเหมยซึ่งตามมาด้านหลัง อดไม่ได้ที่จะมองดูชิ่งมู่หลานและจินเฟิงอย่างไม่เข้าใจ
แม้ว่านางจะเรียกจินเฟิงว่าท่านอาจารย์มาโดยตลอด แต่ชิ่งมู่หลานก็มักจะวางตัวเท่าเทียมกับจินเฟิงเสมอ
แต่ในเวลานี้นางกลับวางตัวตนของนางไว้ในตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนทหารผู้กล้าที่ได้รับคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากการที่ชิ่งมู่หลานมีความประทับใจต่อบัณฑิตหนุ่มเป็นอย่างมาก
ความเข้าใจก่อนหน้านี้ของนางเกี่ยวกับจินเฟิง ส่วนใหญ่มาจากการบรรยายสรุปการต่อสู้ที่ชิงสุยกู่ แต่ไม่ว่าการบรรยายสรุปการต่อสู้จะละเอียดเพียงใด ก็ไม่ได้น่าตกใจเท่ากับประสบการณ์ที่ได้เผชิญด้วยตัวเอง
เมื่อนางเห็นโจรเต็มลานนวดข้าว ชิ่งมู่หลานซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่านางจะคิดว่าตนเองเตรียมพร้อมเต็มที่แล้วก็ตาม
ความแข็งแกร่งระหว่างศัตรูกับตัวนางเองมีมากเกินไป หากไม่ระวังก็คงพินาศกันหมด
อย่างไรก็ตาม จินเฟิงที่ได้เผชิญหน้ากับพวกโจรไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกแม้เพียงนิดตั้งแต่ต้นจนจบ
ความกล้าหาญเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้นางประทับใจได้แล้ว
“ตามข้ามา!”
ชิ่งมู่หลานชักดาบยาวออกมาแล้วเดินเข้าไปในลานนวดข้าว
ทหารหญิงที่อยู่ข้างหลังนางจึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว
รองเท้าที่พวกนางและทหารผ่านศึกสวมใส่ทำขึ้นเป็นพิเศษ จินเฟิงได้ติดตั้งแผ่นเหล็กบนพื้นรองเท้า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกหนามกระสุนเจาะเข้าที่ฝ่าเท้า
เมื่อเข้าไปในลานนวดข้าว กลิ่นเลือดก็โชยเข้าจมูก แขนขาที่หักและอวัยวะภายในที่ทะลักออกมาสามารถเห็นได้ทั่วลานนวดข้าวแห่งนี้ รวมไปถึงเสียงคร่ำครวญของโจรที่รู้สึกเหมือนกับตกนรก
ทหารหญิงหลายคนอดไม่ได้ที่จะปิดปาก
บางคนถึงกับเข่าอ่อนและทรุดนั่งลงบนพื้น
เพราะโดยพื้นฐานแล้ว พวกนางทั้งหมดล้วนเป็นสาวใช้ที่ได้รับการคัดเลือกจากครอบครัวผู้มีฐานะ แม้ว่าจะได้รับการฝึกฝนจากชิ่งมู่หลานมาหลายปี แต่พวกนางไม่ใช่นักรบมืออาชีพและพวกนางส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความตายมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงสนามรบเลย
ตอนนี้จู่ ๆ พวกนางต้องตกอยู่ในฉากที่น่าสะพรึงกลัวจึงเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัว
แม้แต่ชิ่งมู่หลานที่รอคอยวันนี้มาเป็นเวลานานก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ข้างหน้านางที่อยู่ถัดไปสองก้าว มีโจรที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่
โจรถูกธนูจ้งหนู่ยิงเข้าที่ขาขวาและไหล่ซ้าย ส่วนขาซ้ายถูกหนามกระสุนสองตัวเจาะ เขาล้มลงกับพื้น อาเจียนออกมาเป็นเลือด และพยายามหายใจเอาอากาศเข้าไป เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะหมดลมและเสียชีวิต
มือขวาของชิ่งมู่หลานที่ถือดาบทมิฬซีดเซียว แต่นางก็พยายามที่จะยกมันขึ้นหลายครั้ง ทว่าไม่สำเร็จ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์