บทที่ 139 ถูกขัดขวาง
“เสี่ยวเฟิง คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเหล่าเจิ้งหรอกนะ?”
จางเหลียงขมวดคิ้วและพูดว่า “ให้ข้าส่งคนไปดูหน่อยดีหรือไม่?”
ตอนที่ชิ่งไหวไปถึงชิงสุยกู่ครั้งแรก เขาถูกชาวตั่งเซี่ยงโจมตีและเจิ้งฟางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะปกป้องชิ่งไหวเอาไว้ ต่อมาเขายืนกรานที่จะขี่ม้าไปที่เมืองเว่ยโจวเพื่อส่งข้อความถึงจินเฟิงจนตนเองได้รับการรักษาล่าช้าและทำให้เสียแขนซ้ายตั้งแต่บริเวณข้อศอกลงไป…
ห้าวันหลังจากที่จินเฟิงออกจากเมืองเว่ยโจวก็ถึงเวลาแห่งการเกษียณของเจิ้งฟาง เพราะเขาสูญเสียแขนซ้ายไปทำให้ถูกปลดประจำการและกลับมายังอำเภอจินชวนซึ่งเป็นบ้านเกิด
ชิ่งไหวได้เขียนจดหมายถึงจินเฟิงเพื่อขอให้ช่วยดูแลเขา
บัณฑิตหนุ่มจึงขอให้จงอู่รับสมัครทหารผ่านศึกมากกว่าสี่สิบนายและพาพวกเขาไปที่ภูเขาเมาเมา จากนั้นก็ส่งมอบให้เจิ้งฟางเป็นผู้ดูแลทางนั้น นี่ถือเป็นไพ่ลับที่จินเฟิงซ่อนเอาไว้
หลังจากจินเฟิงมอบหมายงานให้เจิ้งฟางแล้ว เมื่อพวกโจรออกจากเขาเถี่ยกว้านไปหนึ่งชั่วยาม เจิ้งฟางก็นำทัพโจมตีเขาลูกนั้น
เมื่อพิจารณาจากเวลา การต่อสู้ก็น่าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว อีกอย่างพวกโจรทางนี้ก็ถูกจินเฟิงกำจัดจนสิ้นซาก แล้วเหตุใดยังไม่มีข่าวคราวจากเจิ้งฟางอีก
“พวกเราไปที่นั่นกันเถอะ”
จินเฟิงถาม “เราสามารถนำกำลังออกจากที่นี่ไปได้กี่คน?”
“นักโทษทั้งหลายต่างก็ถูกแขวนคอแล้ว หากเหลือผู้คุ้มกันไว้สองหมู่ เราสามารถพาทหารที่เหลืออีกสามหมู่ออกไปได้”
เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการ จินเฟิงได้แบ่งทหารผ่านศึกมากกว่าสามสิบนายออกเป็นห้าหมู่แต่ละหมู่จะมีคนหกถึงเจ็ดคน
จางเหลียงและฟางเหลย ในฐานะผู้นำกองกำลังและรองผู้นำกองกำลัง พวกเขามีอำนาจบังคับบัญชาเหนือหมู่ทหารทุกหมู่
“สหายที่เฝ้าระวังอยู่ทางนี้อย่าประมาทและปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างคราวกองทัพเต๋อหนิงเป็นอันขาด” จินเฟิงเตือน
ที่ชิงสุยกู่ จินเฟิงได้ส่งมอบเชลยตั่งเซี่ยงให้กองทัพเต๋อหนิงดูแล แต่สุดท้ายก็ถูกทาสชาวฮั่นบุกไปช่วยเหลือจนได้
เขาไม่ต้องการเห็นฉากนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในซีเหอวาน
“ท่านอาจารย์วางใจ ข้าจะจับตาดูโดยไม่กะพริบตา หากผู้ใดกล้าเกียจคร้าน ข้าจะสับคนผู้นั้นออกเป็นชิ้น ๆ!”
หนึ่งในหัวหน้าหมู่ทุบอกของเขาและประกาศกร้าว
“เอาล่ะ อย่าประมาทเรื่องนี้เป็นพอ”
จินเฟิงพยักหน้า “ฟางเหลย จัดคนมาสองสามคนเพื่อไปเอาม้าศึกกับข้า พี่เหลียง พี่ไปหามู่หลานและยืมม้าของทหารหญิงมา”
ในทั้งสามหมู่ มีคนเกือบยี่สิบชีวิตแต่จินเฟิงนำม้ากลับมาจากเมืองเว่ยโจวเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะได้มาเพิ่มอีกสองสามตัวจากพวกโจรแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ตอนนี้ทำได้แค่ยืมม้าจากทหารหญิงเท่านั้น
“รับทราบ”
จางเหลียงหันหลังกลับและจากไป
เมื่อจินเฟิงและฟางเหลยกลับไปที่ลานนวดข้าว จางเหลียงและทหารหญิงก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
“ท่านอาจารย์ ข้าได้ยินจากพี่เหลียงว่าท่านจะไปบุกเขาเถี่ยกว้านอย่างนั้นหรือ?”
ผมของชิ่งมู่หลานยังไม่แห้งดี นางรวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลังลวก ๆ ทำให้นางดูดียิ่งขึ้นในชุดเครื่องแบบที่ออกแบบโดยจินเฟิง
“ใช่” จินเฟิงพยักหน้า
“ไปกันหมดเลยหรือ?”
ชิ่งมู่หลานถามต่อ “แล้วจะจัดการกับพวกนักโทษอย่างไร?”
“ข้านำกองกำลังไปเพียงสามหมู่เท่านั้น อีกสองหมู่จะอยู่คอยคุ้มกันนักโทษ”
จินเฟิงกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม หากเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปช่วยกันจับตาดูได้”
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งถามนักโทษ ตอนนี้ยังมีโจรเหลืออยู่ในเขาเถี่ยกว้านอีกหลายสิบชีวิต พวกเขายังคงป้องกันพื้นที่นั้นอยู่ เจ้าพาคนไปแค่ยี่สิบชีวิตจะเพียงพอหรือ?”
แม้ว่านางจะเพิ่งเห็นความสามารถในการต่อสู้ของจินเฟิงมาหมาด ๆ กับตา แต่ชิ่งมู่หลานก็ยังคงมีข้อสงสัยอยู่บ้าง
เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับชัยชนะครั้งนี้คือจินเฟิงเตรียมตัวมาอย่างดี และพวกโจรเองก็เข้าไปในวงของการซุ่มโจมตีจึงกลายเป็นเป้าหมายของเครื่องเหวี่ยงหินและธนูจ้งหนู่ และถูกปิดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากพวกโจรไม่ดูแคลนศัตรูและส่งหน่วยสอดแนมไปสอบถามสถานการณ์ก่อนเข้าหมู่บ้าน ก็ไม่อาจตอบได้อย่างแน่ชัดว่าผู้ชนะในวันนี้จะเป็นฝ่ายใด
แต่สถานการณ์ในเขาเถี่ยกว้านแตกต่างออกไป จินเฟิงไม่มีทางที่จะเตรียมการซุ่มโจมตีล่วงหน้าไว้ เขาต้องใช้กำลังในการโจมตีเท่านั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์