บทที่ 144 หลั่งน้ำตา
“พวกนางข้าไม่สนหรอก”
ชิ่งมู่หลานชี้ไปที่ภรรยาและลูก ๆ ของผู้นำคนอื่น ๆ แล้วชี้ไปทางหญิงที่ถูกมัดไว้กับเสา “แต่หญิงชั่วร้ายผู้นี้ได้ทรมานหญิงสาวไว้มาก ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนตายไปเพราะนาง! ท่านอาจารย์ ให้ข้าจัดการนางได้หรือไม่?”
เมื่อครู่นางได้พูดคุยกับ ‘ม้าเนื้อ’ และผู้ที่ถูกพาดพิงบ่อยที่สุดก็คือนางผู้นี้
การทรมานในทางที่ผิดทุกรูปแบบที่ได้ฟังมาจากคำบอกเล่าทำให้ชิ่งมู่หลานขนลุกไปทั้งตัว
“จัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรแล้วกัน”
จินเฟิงรู้ว่าภรรยาของหลิวเจียงสมควรชดใช้ความผิดของนาง เมื่อเขาเห็นความโกรธในดวงตาของชิ่งมู่หลาน เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ไปนำตัวนางมา แล้วตามข้ามาทางนี้!”
ชิ่งมู่หลานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทหารผ่านศึกที่รับผิดชอบมองไปที่จินเฟิง เมื่อเขาเห็นจินเฟิงพยักหน้า เขาก็ปลดหญิงผู้นั้นออกจากเสาแล้วลากนางตามชิ่งมู่หลานไป
จินเฟิงไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงคนนั้น แต่แน่นอนว่าตอนจบของนางคงไม่สวยนัก
“พี่เหลียง ข้าเห็นเกวียนอยู่ตรงนั้น ให้ทุกคนเก็บของมีค่าที่ได้มาลงเกวียนให้หมด”
ผลประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ ไม่ต้องพูดถึงน้ำหนักของธัญพืช แค่เหรียญทองแดงจำนวนมากมายสิบกว่ากระสอบก็มีน้ำหนักรวมหลายพันจิน ทุกสิ่งต้องถูกขนขึ้นเกวียนแล้วลากกลับไป
“ได้”
จางเหลียงตอบรับและพาคนไปขนของขึ้นเกวียน
“เหล่าเจิ้ง เจ้าแบ่งกำลังออกเป็นสองหมู่ หมู่หนึ่งจะส่งกลุ่มภรรยาของผู้นำโจร รวมไปถึงลูก ๆ และหญิงที่เป็นแม่ครัวไปที่เขาเมาเมา ส่วนหมู่ที่เหลือจะคอยดูแลสถานที่แห่งนี้ โดยเฉพาะยุ้งฉาง อย่าให้เกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นเด็ดขาด”
จินเฟิงมองไปที่เจิ้งฟางอีกครั้ง
แม้ว่าภรรยาของผู้นำโจรส่วนใหญ่จะถูกซื้อมา แต่จิตใจของผู้คนก็มิอาจคาดเดาได้ และจินเฟิงก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกนางจะรู้สึกขอบคุณพวกโจรหรือไม่หลังจากที่พวกนางได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
กรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
จินเฟิงเคยเห็นกรณีคล้าย ๆ กันตอนที่เขาอยู่มหาลัยในชีวิตที่แล้ว หญิงสาวที่ถูกลักพาตัวไปเป็นตัวประกัน ตอนแรกก็เกลียดผู้ลักพาตัว แต่ต่อมาเมื่อผู้ลักพาตัวถูกจับได้ ตัวประกันกลับพูดสิ่งดี ๆ และแก้ตัวแทนผู้ที่ลักพาตัวเธอไปเสียอย่างนั้น
นี่คือความเจ็บป่วยทางจิตใจที่เรียกว่าสตอกโฮล์มซินโดรม*[1]
ไม่ต้องพูดถึงศตวรรษที่ 21 ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม แต่ความปรารถนาในชีวิตของสตรีในต้าคังนี้หลายคนขอแค่มีข้าวพอกินให้อยู่รอดได้ก็เท่านั้น ความเป็นไปได้ที่เธอจะป่วยเป็นโรคนี้มีสูงมาก
เขาเถี่ยกว้านนั้นง่ายต่อการป้องกันและโจมตียาก อีกทั้งยังเก็บอาหารได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย จินเฟิงกำลังวางแผนที่จะสร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นป้อมปราการดังนั้นจึงปลอดภัยกว่าที่จะส่งคนที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ไปยังเขาเมาเมาให้หมด
“ได้ ข้าจะจัดการทันที”
เจิ้งฟางก็รับคำสั่งและจากไปเช่นกัน
“ฟางเหลย เจ้าพาคนไปค้นหารอบ ๆ อีกครั้ง หากเจ้าเจอของมีค่าอะไรก็ให้แจกจ่ายกับสหายได้เลย”
จินเฟิงมองไปที่ฟางเหลยอีกครั้ง
“ข้าขอบคุณท่านอาจารย์”
ฟางเหลยและทหารผ่านศึกที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ยกยิ้มด้วยความยินดี
เพราะเมื่อครู่พวกเขามัวแต่ค้นพาผู้คน แต่ไม่มีเวลาค้นหาสิ่งของมีค่าต่าง ๆ
พวกเขาทุกคนรู้อยู่ในใจว่าหากไม่มีจินเฟิง พวกเขาคงไม่สามารถทำลายโจรเขาเถี่ยกว้านได้ จินเฟิงเลี้ยงดูและทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่รอดต่อไป
แม้ว่าทหารผ่านศึกจะโลภในความมั่งคั่งของหลิวเจียง แต่ก็ไม่มีใครกล้าคิดไม่ซื่อกับเรื่องนี้
นี่เป็นกฎในกองทัพเช่นกัน หากสามารถเข้ายึดครองเมืองได้ ความมั่งคั่งในจวนของเจ้าเมืองจะตกเป็นของแม่ทัพที่เป็นผู้นำกองกำลัง และคงจะดีหากทหารชั้นประทวนที่ติดตามเขาจะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
แม่ทัพบางคนโลภในโชคลาภ และจะไม่ทิ้งอะไรไว้ให้กับทหารของตนเลย
ทว่าจินเฟิงตกลงที่จะแจกจ่ายความมั่งคั่งให้กับทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นการกระทำอันมีน้ำใจซึ่งหาได้ยากในหมู่ผู้ที่เป็นหัวหน้า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์