บทที่ 146 พูดกันตรง ๆ
“จินเฟิง พวกเจ้าไปต่อสู้กับพวกโจรมาเป็นอย่างไรบ้าง? ฆ่าพวกมันหมดแล้วหรือ?”
“จินเฟิง เจ้าลากสิ่งใดมาด้วย เหตุใดจึงหนักเช่นนี้เล่า”
“คงไม่ใช่เงินหรอกนะ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? หากเป็นเงินแล้วมีจำนวนหลายสิบกระสอบเช่นนี้จะเป็นเงินเท่าใดกันเชียว?”
หลังจากเข้าไปในหมู่บ้าน ก่อนที่จินเฟิงจะมีเวลาแยกจากขบวน เขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยชาวบ้านที่พร้อมจะยิงคำถามทุกประเภท
หลังจากจัดการกับความวุ่นวายของเหล่าชาวบ้านได้ในที่สุด จินเฟิงก็กำลังจะตรงกลับบ้าน และเขาก็ได้เห็นชายวัยกลางคนสวมชุดฉางผาว*[1] สีขาวงาช้างเดินออกมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกสองคน
“เขาคือโจวซือเหยียหรือ?” จินเฟิงมองไปที่หลิวเถี่ย
“เขาผู้นี้แหละ” หลิวเถี่ยพยักหน้า
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จินเฟิงก็หรี่ตาลงและมองไปที่คนเบื้องหน้า
โจวซือเหยียรูปร่างไม่สูงและผอมมาก เขาถือพัดอยู่ในมือ ตาตก จมูกและริมผีปากบาง มีหนวด รูปลักษณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนอึดอัดตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อโจวซือเหยียเริ่มหัวเราะ จินเฟิงก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
เขารู้สึกว่าชายผู้นี้ยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้มตามไปด้วย
“ท่านนี้คือท่านอาจารย์จินใช่หรือไม่?”
โจวซือเหยียเดินไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยทักทายจินเฟิง “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าท่านอาจารย์จินยังหนุ่มและมีหน่วยก้านดี ทั้งยังมีพรสวรรค์มากมาย จนกระทั่งข้ามีโอกาสมาพบจึงรับรู้ได้ในทันทีว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่เสียแรงที่ข้ารอท่าน”
“โจวซือเหยียเยินยอกันเกินไปแล้ว”
จินเฟิงไม่ทันได้แสดงความเคารพก็เอ่ยถามออกมาอย่างสบาย ๆ “เป็นที่น่าสงสัยนักว่าเหตุใดโจวซือเหยียจึงได้เดินทางมายังภูเขาเล็ก ๆ แห่งนี้หรือ?”
การไม่แสดงความเคารพก็เหมือนกับการตบหน้า ความชั่วร้ายฉายแวบขึ้นมาในดวงตาของโจวซือเหยียชั่วขณะ แต่ก็ถูกระงับไว้ได้อย่างรวดเร็ว
เขายังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้มพูดว่า “ข้าขอหารือกับท่านสักเดี๋ยวได้หรือไม่?”
“ได้ เชิญที่บ้านข้าเถิด”
จินเฟิงพยักหน้าและนำทางไป
ดวงตาของโจวซือเหยียเป็นประกาย เขารีบตามชายหนุ่มไปทันที
ก่อนหน้านี้เขาอยากจะไปที่บ้านของจินเฟิง แต่ถูกหลิวเถี่ยและคนอื่น ๆ หยุดเอาไว้เสียก่อน
ตอนนี้จินเฟิงเป็นฝ่ายเริ่มเชิญเขาก่อน ซึ่งตรงกับความประสงค์ในใจของเขาอย่างมาก
บางทีเขาอาจได้เห็นไนปั่นด้ายที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของจินเฟิง
ตั้งแต่จำความได้ โจวซือเหยียก็ได้เห็นไนปั่นด้ายทุกวัน หากเขาได้สำรวจเพียงชั่วครู่ เขาย่อมสามารถเลียนแบบมันได้อย่างแน่นอน
“ท่านอาจารย์จิน สิ่งที่อยู่ในเกวียนน่าจะเป็นของที่ขนมาจากเขาเถี่ยกว้านใช่หรือไม่?”
โจวซือเหยียเหลือบมองที่เกวียนและถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “โจรเขาเถี่ยกว้านปักหลักที่อำเภอจินชวนมาหลายปีแล้ว และพวกเขาก็ทำร้ายผู้คนมากมาย ท่านอาจารย์ หากเจ้าปราบปรามพวกโจรได้สำเร็จคงเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย?”
แม้ว่าโจรเขาเถี่ยกว้านจะจ่ายส่วยให้เขาทุกปี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหลิวเจียงมีเงินสะสมไว้เท่าไรกันแน่
“มันไม่มากมายนักหรอก แค่หมื่นกว่าตำลึงเงินเท่านั้น อ้อ แล้วก็มีธัญพืชอีกห้าหรือหกร้อยเกวียน”
จินเฟิงจงใจพูดเกินจริงเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่เขาได้รับมา
“มากมายขนาดนั้นเชียวหรือ?”
โจวซือเหยียจ้องมองอย่างไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจและความอิจฉาในน้ำเสียงเอาไว้ได้
แม้ว่าโจรเขาเถี่ยกว้านจะส่งส่วยให้เขาทุกปี แต่เขาก็มอบสิ่งเหล่านั้นให้กับตระกูลโจวเป็นส่วนใหญ่
เงินส่วนที่เหลือที่ตกอยู่ในมือเขาเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เงินที่เขาได้รับยังน้อยกว่าเงินที่ตกไปอยู่ในมือของหลิวเจียงหัวหน้าโจรอยู่มาก
“ข้าล้อเล่นนะโจวซือเหยีย” จินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านน่าจะรู้ว่าข้าเป็นช่างตีเหล็ก และสิ่งที่ข้าลากกลับมานั้นเป็นเพียงหินแร่ที่ใช้สำหรับหลอมเหล็กเท่านั้น”
“เจ้าชอบพูดจาโกหกอย่างนั้นหรือ?”
โจวซือเหยียสาปแช่งในใจและถามด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าห้าร้อยตำลึงเงิน แล้วเจ้าช่วยขายหินเหล่านี้ให้ข้าได้หรือไม่”
ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบตั๋วเงินออกมาจากใต้แขนเสื้อ
“ว่าอย่างไร?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์