บทที่ 157 หยั่งเชิง
จินเฟิงรู้ด้วยว่า เหยียโก่วพัวอยู่ไม่ไกลจากซีเหอวานมากนัก เขาเคยได้ยินเรื่องของกลุ่มโจรที่ปรากฏตัวขึ้นหลายครั้งมาก่อน
ตอนนี้เขามีทหารผ่านศึกมากกว่าหนึ่งร้อยนายภายใต้การดูแลของเขาและมีทหารหญิงภายใต้การดูแลของชิ่งมู่หลาน พวกเขาไม่ต้องพึ่งพาเครื่องเหวี่ยงหินและธนูจ้งหนู่ก็สามารถเอาชนะพวกโจรได้อย่างง่ายดายด้วยดาบยาวและหน้าไม้ที่สามารถยิงได้อย่างต่อเนื่อง การจะฆ่าพวกโจรนั้นเป็นเรื่องง่าย
เป็นไปไม่ได้ที่พวกโจรเหยียโก่วพัวจะไม่รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากที่จินเฟิงกำจัดโจรเขาเถี่ยกว้านได้ โจรเหยียโก่วพัวก็กล้าขู่ว่าจะเข้ามาเก็บส่วยประจำปีแทน จินเฟิงจึงรู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาข้อมูลของโจรเหยียโก่วพัวก่อน
“ข้าส่งโหวจื่อไปสืบข่าวแล้ว อีกไม่นานก็จะได้คำตอบ” จางเหลียงตอบ
“พี่เหลียงถือว่าเป็นผู้มากประสบการณ์อย่างแท้จริง”
จินเฟิงหันศีรษะและมองไปที่ชิ่งมู่หลาน
ชิ่งมู่หลานเกาศีรษะของนางด้วยความเขินอาย
โหวจื่อเคยเป็นหน่วยสอดแนมในกองทัพเถี่ยหลิน และเขาก็คุ้นเคยกับถนนหนทางเป็นอย่างดี ในคืนวันนั้นเมื่อเขาสืบเรื่องเสร็จเขาก็กลับไปยังเขาเถี่ยกว้านอย่างรวดเร็ว
จินเฟิงไม่ได้รื้อถอนโถงจวี้อี้ที่สร้างโดยพวกโจรเขาเถี่ยกว้าน แต่เขาเปลี่ยนมันให้เป็นห้องประชุมแทน
ในเวลานี้จินเฟิง จางเหลียง เจิ้งฟาง ฟางเหลยและชิ่งมู่หลานต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
“เป็นอย่างไรบ้าง? ได้ข่าวว่าอย่างไร เหยียโก่วพัวมีกันทั้งหมดกี่ชีวิต?”
จางเหลียงรีบเอ่ยถาม
“มีทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน” โหวจื่อตอบ
“มีคนเพียงสามสิบกว่าคนแต่กล้าขู่ว่าจะมาเก็บส่วยอย่างนั้นหรือ?” เจิ้งฟางถาม “โหวจื่อ ไม่ใช่ว่ามีพวกมันหลบซ่อนอยู่อีกหรือ?”
“เหล่าเจิ้ง เจ้ากำลังดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ”
โหวจื่อเหลือบมองเจิ้งฟางอย่างไม่พอใจ “ข้าไปสัมผัสที่นั่นมาแล้วทุกตารางนิ้วและดูแม้กระทั่งกล่องซ่อนเงินใต้เตียงของหัวหน้าพวกเขา”
“ดีมาก!”
เจิ้งฟางยกนิ้วให้โหวจื่อแล้วถามอย่างสงสัย “พวกเขามีกันแค่สามสิบคน แต่มีความกล้ามาเก็บส่วยอย่างนั้นหรือ? เหตุใดพวกเขาถึงมั่นใจเช่นนั้น?”
เนื่องจากมีสงครามมาอย่างยาวนาน ผู้คนในต้าคังเลยมีภูมิคุ้มกัน โจรเขาเถี่ยกว้านกล้าที่จะเก็บส่วยข้าวประจำปีเนื่องจากพวกเขามีกันจำนวนมากและสามารถสังหารคนได้ทั้งหมู่บ้านอย่างง่ายดาย
แต่หากพวกโจรเหยียโก่วพัวมีกันแค่สามสิบคน จินเฟิงและพวกก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ เพราะหากแต่ละหมู่บ้านไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่มีการเตรียมการเป็นอย่างดีย่อมสามารถต่อสู้กับพวกโจรได้เช่นกัน
“โจรเขาเถี่ยกว้านเองก็เติบโตมาจากโจรตัวเล็ก ๆ ในตอนนั้น หรือว่าพวกเขาก็มีความคิดนี้เช่นกัน”
ชิ่งมู่หลานกล่าวว่า “ทุกวันนี้มีคนกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยงมากขึ้น หากพวกเขาก็ต้องการลองเสี่ยงดวง หาพรรคพวกเพิ่มเล่า?”
“นั่นก็เป็นไปได้”
โหวจื่อพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไปสืบมาแล้ว คราวนี้พวกโจรเหยียโก่วพัวไปที่หมู่บ้านโจวเจียเพื่อเดินวนอยู่หนึ่งรอบ พวกเขาปล้นบ้านชาวบ้านไปสองสามหลังที่ทางเข้าหมู่บ้านแล้วก็ถอยกลับไป พวกเขาไม่กล้าที่จะทำร้ายชีวิตชาวบ้าน มันไม่เหมือนการปล้นแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนเป็นการประกาศกร้าวเพื่อต้องการหาพวกเพิ่มอย่างไรอย่างนั้น”
“โหวจื่อ เจ้าสังเกตเห็นอะไรผิดปกติบ้างหรือไม่?”
จินเฟิงพยักหน้า แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น
“ข้ากำลังจะพูดพอดี” โหวจื่อกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ข้าและสหายหน่วยสอดแนมเคยพบเห็นกลุ่มโจรเหยียโก่วพัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเวลานั้นพวกเขาสวมผ้าขาดรุ่งริ่ง มีอาวุธที่ไม่เหมือนโจรมืออาชีพ และมีสมาชิกเพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น พวกเขาไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว แต่วันนี้เมื่อข้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดกลับมีดาบยาวด้ามใหม่ โดยพี่ใหญ่และพี่รองของพวกเขายังสวมใส่ชุดเกราะอีกด้วย นอกจากนี้ ข้ายังเห็นธนูยาวมากกว่าหนึ่งโหลและลูกธนูหลายสิบมัดในโกดังของพวกเขา”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหยียโก่วพัวมีคนเพียง 30 กว่าคนแต่กล้าที่จะชูธง ที่แท้พวกเขาก็มีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”
เจิ้งฟางพูดด้วยความโกรธ “ดูเหมือนว่าคนใหญ่คนโตที่อำเภอจินชวนแห่งนี้จะถูกใจเขาเถี่ยกว้านเข้าให้แล้ว”
ในยุคสมัยนี้มีเงินก็มีพวก เหมือนจินเฟิงที่มีเหล่าทหารผ่านศึกอยู่ในมือ
“ท่านอาจารย์ แม่นางมู่หลานใจร้อนเกินไป นางอาจต้องเผชิญกับความสูญเสียก็ได้ เหตุใดเราไม่หยุดนาง?”
เจิ้งฟางถามอย่างกังวล
“ใช่ ครั้งที่แล้วทหารหญิงทำเพียงแค่การซ้ำดาบเท่านั้นและไม่ได้เข้าสู่สนามรบของจริง อีกอย่างทหารหญิงที่เพิ่งเกณฑ์เข้ามาใหม่ยังปรับตัวได้ไม่ดี ยังเร็วเกินไปที่จะปล่อยให้พวกนางไปปราบโจรในตอนนี้ ข้าเกรงว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”
จางเหลียงเอ่ยเสริม
“มู่หลานใฝ่ฝันที่จะร่วมกองทัพตั้งแต่เด็ก นางถูกพี่ชายและบิดาของนางขัดขวางมาหลายปี ในที่สุดนางก็ได้จัดตั้งกองทัพสตรีขึ้นแล้ว นางต้องการสร้างความสำเร็จเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้าข้าเอาแต่กักนางเอาไว้ หากนางหนีไปพึ่งพาคนอื่น เราอาจจะลำบากกว่านี้”
จินเฟิงกล่าวว่า “เหล่าเจิ้ง จัดคนไปดักซุ่มที่เหยียโก่วพัว หากเกิดเรื่องไม่คาดคิด เจ้าก็ตัดสินใจเรื่องการสังหารโจรได้เลย”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอาจารย์มีแผนสำรอง”
เจิ้งฟางยิ้มและพูดว่า “ท่านอาจารย์วางใจ ข้าสัญญาว่าจะพาพวกนางกลับมาอย่างปลอดภัย”
“นั่นไม่จำเป็น” จินเฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าสนับสนุนมู่หลานในการจัดตั้งกองทัพสตรี และนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าล้อเล่น นางจะต้องเรียนรู้ คราวนี้มีโจรไม่มากนัก ดังนั้นเราคงต้องให้พวกนางได้ฝึกมือ หากไม่พบอันตรายใด ๆ พวกเจ้าก็ไม่ต้องออกหน้า ความพ่ายแพ้เล็กน้อยจะช่วยให้มู่หลานได้สติ”
“เข้าใจแล้ว”
เจิ้งฟางพยักหน้าจากนั้นเขาก็หันหลังและจากไป
ในไม่ช้า ทหารผ่านศึกสี่สิบคนพร้อมอาวุธหลากหลายชนิดก็รีบไปที่เหยียโก่วพัวในชั่วข้ามคืน
พวกโจรเลือกเหยียโก่วพัวเป็นถ้ำโจร เพราะพื้นที่แห่งนั้นชันมากตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปีนขึ้นไปบนภูเขา
อย่างไรก็ตาม การดักซุ่มเป็นวิชาบังคับสำหรับทหารผ่านศึก ภายใต้การนำของโหวจื่อ จึงสามารถหลีกเลี่ยงด่านตรวจได้อย่างง่ายดาย จากนั้นพวกเขาก็แอบเข้าไปยังถ้ำโจรอย่างเงียบ ๆ จากผาด้านหลังเขา
“ท่านอาจารย์เลือกทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เพื่อทดสอบความสามารถในการรบของทหารหญิงเท่านั้น แต่ยังเพื่อทดสอบความสามารถที่แฝงเร้นของพวกเราด้วย”
เจิ้งฟางกระซิบ “ทุกคนดักซุ่มตามตำแหน่งที่โหวจื่อบอกระหว่างทาง หากไม่มีสัญญาณจากข้าห้ามออกไป เข้าใจหรือไม่?!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์