บทที่ 160 สู้มือเปล่า
ปัก! ปัก! …
ลูกธนูพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ ต้นไม้ใหญ่ และกองฟางที่เป็นสถานที่ดักซุ่มอื่น ๆ เพื่อทำการฆ่าพวกโจรทีละคน
อย่างไรก็ตาม พวกโจรอยู่ใกล้ตาข่ายมากเกินไป เจิ้งฟางที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดจึงยิงได้เพียงนัดเดียว ก่อนที่พวกโจรจะพุ่งตัวเข้าหากลุ่มทหารหญิงทันที
แม้ว่าหน้าไม้ที่ดัดแปลงจะยิงได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาหลายลมหายใจในการเล็ง เขาเองก็กลัวว่าจะไม่ทันกาล
เจิ้งฟางทำได้แค่สั่งให้หยุดยิง จากนั้นเขาก็ชักดาบแล้ววิ่งไปหาคู่ต่อสู้
แม้ว่าทหารหญิงส่วนใหญ่จะหลุดออกมาจากตาข่ายแล้ว แต่ทหารหญิงที่เพิ่งเกณฑ์เข้ามาใหม่เหล่านั้นต่างก็เป็นแม่บ้านที่อยู่บ้านซักผ้าล้างจาน พวกนางไม่เคยเห็นฉากเหล่านี้มาก่อน
ระหว่างการฝึกซ้อม ทุกอย่างอาจผ่านไปได้ด้วยดี แต่เมื่อพวกนางต้องต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับโจรที่ดูดุร้าย ทุกคนต่างหวาดกลัวมากจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในขณะที่ถือหน้าไม้ต้องทำอะไร
โชคดีที่ทหารหญิงหลายสิบชีวิตที่ชิ่งมู่หลานพามามีประสบการณ์ในครั้งที่แล้ว พวกนางจึงตอบสนองอย่างรวดเร็วและเหนี่ยวไกใส่พวกโจรทันที
นั่นทำให้โจรหลายสิบชีวิตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถูกยิงเสียชีวิตทันที
แต่ถึงแม้ว่าจะสังหารพวกโจรไปสิบกว่าชีวิตก็ยังมีโจรอีกมากที่เข้ามาสมทบอยู่เรื่อย ๆ
ทหารหญิงหลายสิบคนยังไม่ทันระวัง และกว่าครึ่งหนึ่งยังคงเหวี่ยงหน้าไม้อยู่
ในขณะนี้ อาเหมยรีบวิ่งออกไปพร้อมดาบยาวในมือของนาง นางร่ายรำดาบทั่วทิศทางทำให้โจรทั้งสี่คนที่อยู่ด้านหน้าถูกสังหารทันที!
“ทิ้งหน้าไม้แล้วชักดาบออกมา!”
อาเหมยสังหารโจรสองคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว จากนั้นนางก็หันกลับมาและตะโกน “มีพวกหน้าใหม่เข้ามาที่นี่ อย่าตกใจ ฆ่าพวกมันซะถ้าไม่อยากตาย!”
ชิ่งมู่หลานเป็นคนแรกที่โต้ตอบ นางดึงดาบยาวออกมา และแทงเข้าไปที่ท้องของโจรที่อยู่ตรงข้าม
แต่คนร้ายก็ใช้ดาบฟันเข้าที่เอวของนางด้วยเช่นกัน
โชคดีที่ชิ่งมู่หลานสวมชุดเกราะและป้องกันการโจมตีได้ส่วนหนึ่ง ชิ่งมู่หลานได้รับบาดเจ็บแต่นางก็ฮึดสู้และสวนแทงโจรจนเสียชีวิต จากนั้นนางก็ล้มลง
“กองสาม คุ้มกันคุณหนู!”
เหมย หลาน จู๋ จวี๋เป็นหญิงรับใช้กลุ่มแรกที่ติดตามชิ่งมู่หลาน และยังเป็นคนสนิทที่ภักดีที่สุดของนางอีกด้วย
เมื่ออาจวี๋เห็นชิ่งมู่หลานล้มลง นางก็รีบนำคนไปช่วยเหลือชิ่งมู่หลานทันที
บางทีอาจเป็นเพราะเห็นชิ่งมู่หลาน อาเหมย และอาจวี๋เป็นตัวอย่าง อาอวี้จึงได้กรีดร้องและลุกขึ้นสู้พร้อมยกหน้าไม้ในมือของนาง ก่อนจะยิงไปที่กลุ่มโจรไม่ยั้ง
นางไม่ได้เล็งแม้แต่น้อย โจรฝ่ายตรงข้ามมีมากเกินไป นางยังยิงออกไปอย่างต่อเนื่องและฆ่าโจรตายไปหนึ่งคน
“ฆ่าได้แล้ว!”
นางทิ้งหน้าไม้และวิ่งตามหลังอาเหมยไปเพื่อสังหารพวกโจร
ในเวลานี้ เจิ้งฟางก็มาถึงพร้อมกับทหารชายของเขา ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้แบบประชิดด้วยมือเปล่า
การต่อสู้ด้วยมือเปล่าเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่โหดร้ายที่สุด ในเวลานี้ทหารผ่านศึก โจร หรือทหารหญิงที่เคยมีประสบการณ์ครั้งก่อนล้วนกลายเป็นสัตว์ป่าที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ทหารผ่านศึกที่ปลดเกษียณจากกองทัพเถี่ยหลิน ล้วนมีประสบการณ์ในการรบมานับร้อยครั้ง ไม่ว่าคุณสมบัติหรือทักษะการต่อสู้ของพวกเขา พวกโจรล้วนไม่สามารถเทียบได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในสนามรบคือกำลังใจ เมื่อกำลังใจเพิ่มขึ้น บางทีคนเพียงสิบคนก็สามารถฆ่าคนยี่สิบคนได้
แต่หากไม่มีขวัญกำลังใจต่อให้มีกำลังถึงร้อยคนก็ไม่อาจล้มคนสิบคนได้
ครั้งหนึ่งกองทัพตั่งเซี่ยงเคยสร้างสถิติทหารห้าร้อยนายเอาชนะกองทัพของต้าคังหกพันนายได้ และไม่ใช่เพียงครั้งเดียวเสียด้วย
ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป โจรก็ตายมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดโจรที่เหลือก็เริ่มหวาดกลัว ถึงขั้นที่บางคนเริ่มยอมจำนน
เมื่อมีใครสักคนยอมแพ้ ก็ต้องมีคนอื่นยอมแพ้ไปตาม ๆ กัน
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ โจรมากกว่าสี่สิบคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็นั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นโดยเอามือกุมหัวเอาไว้
“เหล่าเจิ้ง พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มาตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ตอนนั้นเองที่ชิ่งมู่หลานมีเวลาคุยกับเจิ้งฟาง
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนั้น”
เจิ้งฟางสูดลมหายใจและเริ่มออกคำสั่ง “โหวจื่อ ประเมินความสูญเสีย ให้กองหนึ่งกองสองเฝ้าระวังเอาไว้ กองสามไปซ้ำดาบ กองสี่และห้าไปเฝ้านักโทษ และคนที่เหลือไปดูผู้บาดเจ็บ!”
“รับทราบ!”
ทหารผ่านศึกเริ่มปฏิบัติการอย่างเป็นระบบระเบียบทันที
ในที่สุดชิ่งมู่หลานก็ตระหนักถึงช่องว่างระหว่างตัวนางกับเจิ้งฟาง จากนั้นนางจึงสั่งให้ทหารหญิงมาช่วยทำความสะอาดลานต่อสู้เมื่อครู่ทันที
ในขณะที่กำลังยุ่งอยู่ ทหารผ่านศึกที่ดูแลความปลอดภัยก็เข้ามารายงานว่ามีโจรอีกกลุ่มปรากฏตัวที่ตีนเขา
“เหตุใดยังมีอีกเล่า?”
สีหน้าของเจิ้งฟางเปลี่ยนไปเขาถามต่อ “มีกี่คน?”
“มันมืดเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่เมื่อคำนวณจากจำนวนคบเพลิงแล้ว เหมือนว่าจะมีจำนวนมาก” ทหารผ่านศึกตอบ
“ทุกคนเตรียมตัวต่อสู้!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์