เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 162

บทที่ 162 ข้อสรุปหลังสงคราม

“เรียนนายท่าน รองหัวหน้าโจรผู้นี้เป็นผู้วางแผนทั้งหมด ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าใครเป็นผู้หนุนหลังเขา”

หัวหน้าโจรรีบเอ่ยตอบ

“พูดบ้าอะไรของเจ้า? เจ้าเป็นถึงหัวหน้าใหญ่จะไม่รู้เชียวหรือ?”

เถี่ยฉุยเตะหัวหน้าโจรจนเขาล้มลงกับพื้น “หากเจ้ายียวนอีกครั้ง ข้านี่แหละจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”

หัวหน้าโจรเพิ่งถูกจับเป็นครั้งแรก เขายังคงเหลือความหยิ่งยโสอยู่และยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง อย่างไรก็ตามหลังจากถูกม้าลากจากซีเหอวานมาที่นี่ เขาก็ต้องยอมจำนนในที่สุด

หากไม่ใช่เพราะพาหลางจงมาด้วยและม้าก็ไม่สามารถวิ่งเร็วได้ เขาคงถูกม้าลากจนตายไปแล้ว

“นายท่านไว้ชีวิตข้าเถิด ข้าไม่รู้จริง ๆ”

หัวหน้าโจรนอนอยู่บนพื้นและไม่กล้าลุกขึ้น “ข้าเป็นเพียงบุรุษผู้โง่เขลา รองหัวหน้าว่าอย่างไรข้าก็ทำอย่างนั้น ข้าสนใจเพียงเรื่องการสู้รบเท่านั้นไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อย”

“ดูเหมือนว่าหากไม่ทำให้เจ้าได้ลองลิ้มรสความกลัว เจ้าคงจะไม่รู้จริง ๆ สินะว่าข้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด”

เถี่ยฉุยกำหมัดแน่นและกำลังจะประหารชีวิตเขา

“เถี่ยฉุย ช่างเถิด!”

จินเฟิงส่ายหัวและหยุดเถี่ยฉุยเอาไว้ “เอาตัวเขาไปรวมกับโจรคนอื่น ๆ แล้วส่งไปที่จวนว่าการเพื่อรับรางวัล”

“รับทราบ!”

แม้ว่าเถี่ยฉุยจะไม่เข้าใจในการตัดสินใจของจินเฟิง แต่เขาก็คุ้นเคยกับการเชื่อฟังคำสั่งแล้ว เขาจึงคว้าคอเสื้อของหัวหน้าโจรแล้วส่งอีกฝ่ายไปรวมกับกลุ่มนักโทษ

หลังจากที่เถี่ยฉุยนำตัวหัวหน้าโจรออกไป เจิ้งฟางก็ถาม “ท่านอาจารย์ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนของตนเอง เหตุใดเจ้าไม่ปล่อยให้เถี่ยฉุยคาดคั้นเล่า?”

ชิ่งมู่หลานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เองก็มองไปที่จินเฟิงด้วยความสับสนเช่นกัน

“ถามแล้วได้อะไรขึ้นมาหรือ?”

จินเฟิงยิ้มและถามต่อ “หรือว่าเจ้าจะบุกไปที่จวนว่าการและฆ่าเหล่าใต้เท้าพวกนั้นให้หมด?”

ตอนที่เขาจัดการกับโจวซือเหยีย นั่นเป็นเพราะโจวซือเหยียบุกมาหาเรื่องเขาถึงที่ จินเฟิงเองก็มีหลักฐานครบถ้วน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรหลังจากที่เขาได้ทำการสังหารโจวซือเหยีย

แต่ตอนนี้บัณฑิตหนุ่มไม่มีหลักฐานใด ๆ

และเขาเชื่อว่าจากกรณีของโจวซือเหยีย ผู้มีอำนาจที่สนับสนุนจิ๋วหลี่โกวจะต้องระมัดระวังมากขึ้นอย่างแน่นอน และอีกฝ่ายก็คงจะไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ไว้ข้างหลัง ไม่ต้องพูดถึงการบุกไปที่ซีเหอวานอย่างโง่เขลาอีกครั้งเลย

การฆ่าโจวซือเหยียคือการเชือดไก่ให้ลิงดูและทำให้บุรุษในจวนว่าการหวาดกลัว ทำให้พวกเขารู้สึกว่าจินเฟิงผู้นี้เป็นคนบ้าระห่ำที่สามารถคว่ำโต๊ะได้ทุกเมื่อ

แต่หากไม่มีหลักฐานแล้วไปฆ่าคน นั่นก็เหมือนกับว่าเขาได้บ้าไปแล้วจริง ๆ

ถึงตอนนั้นชิ่งไหวก็คงไม่สามารถปกป้องเขาได้

“ข้าคงไม่บ้าระห่ำเช่นนั้นหรอก”

จินเฟิงยิ้มและตบไหล่เจิ้งฟาง “ส่งคนไปที่จวนว่าการ ให้พวกเขาส่งอู่จั้วมาทำการชันสูตรพลิกศพและถือโอกาสนั้นนำรางวัลกลับมาด้วย”

โจรจิ๋วหลี่โกวไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ค่าหัวของพวกเขาจึงไม่สูงเท่าค่าหัวที่เสนอให้กับการปราบโจรเขาเถี่ยกว้าน

แต่จินเฟิงถือว่าได้น้อยดีกว่าไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็รู้สึกรังเกียจผู้ที่อยู่เบื้องหลังจิ๋วหลี่โกวมาก

จินเฟิงมอบหมายเรื่องทางเหยียโก่วพัวให้เจิ้งฟางจัดการ แล้วเขากับชิ่งมู่หลานก็กลับมาที่ซีเหอวานพร้อมกับทหารที่ได้รับบาดเจ็บและทหารหญิงทั้งหมด

ระหว่างทาง จินเฟิงหันศีรษะและมองไปที่ชิ่งมู่หลานก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไป เจ้าดูเงียบไปนะ”

ตั้งแต่พวกเขาพบหน้ากันจนถึงตอนนี้ ชิ่งมู่หลานก็ดูเงียบไปผิดปกติ ถามคำนางก็ตอบคำ

นี่ไม่ใช่ตัวตนของนางเลยจริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น จินเฟิงยังเห็นว่าแขนของนางยังสั่นเล็กน้อยมาจนถึงตอนนี้

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับทหารจำนวนมากหลังจากที่พวกเขาเข้าสู่สงครามเป็นครั้งแรก

ไม่เพียงเพราะสูญเสียกำลังแขนไปในการต่อสู้ แต่ยังเป็นเพราะความกลัวหลังสงครามกัดกินจิตใจด้วย

“ข้าไม่เป็นอะไร”

เช่นเดียวกับเด็กที่หัดเดิน การล้มลุกคลุกคลานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ในอนาคตทหารหญิงยังจะต้องช่วยขบวนขนส่งสินค้า และจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ อีกทั้งยังต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง

จินเฟิงสังเกตเห็นว่าชิ่งมู่หลานยังคงมีจิตใจไม่สู้ดีนัก ด้วยกลัวว่านางจะขวัญหนีดีฝ่อ เขาจึงยิ้มและถามว่า “ตอนนี้การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว เจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง”

“จากการสู้รบในคืนนี้ ข้าค้นพบช่องว่างระหว่างทหารหญิงและทหารชาย”

ชิ่งมู่หลานกล่าวว่า “ทหารชายร่วมมือกันเป็นอย่างดี เมื่อมีคนได้รับบาดเจ็บ สหายที่อยู่รอบตัวเขาจะล้อมสหายที่ได้รับบาดเจ็บไว้ทันที และปล่อยให้สหายที่ได้รับบาดเจ็บซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อจัดการกับอาการบาดเจ็บของตน หลังจากที่ทหารชายที่ได้รับบาดเจ็บซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง พวกเขาก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ ด้วยการใช้หน้าไม้ยิงใส่กลุ่มโจร พวกเขาให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี สำหรับทหารหญิงของเรา ทุกอย่างวุ่นวายทันทีที่พวกโจรมาประชิด หากทหารชายไม่ต่อต้านพวกโจร และพวกอาหลานอาจวี๋รวมถึงทหารหญิงคนอื่นไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะเอาไว้ พวกเราคงได้ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก”

“ใช่แล้ว ความร่วมมือกันในพวกพ้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

จินเฟิงถอนหายใจ

เพราะการร่วมมือกันของทหารผ่านศึกก็สามารถช่วยลดการเสียชีวิตได้

และชุดเกราะก็มีบทบาทมากเช่นกันในการต่อสู้ด้วยอาวุธเย็น

ในการต่อสู้คืนนี้ซึ่งชิ่งมู่หลานเป็นผู้นำ นางสังหารโจรไปได้สี่คน แต่นางกลับถูกมีดฟันเข้าที่ร่างกายอย่างน้อย ๆ ห้าหกเล่ม หากนางไม่มีชุดเกราะ ร่างกายของนางคงเย็นเป็นศพไปแล้ว

น่าเสียดายที่ชุดเกราะมีราคาแพงเกินไปที่จะทำขึ้น ไม่ต้องพูดถึงชุดเกราะที่ชิ่งมู่หลานใส่เลย พี่ชายของนางได้ให้ช่างฝีมือที่ดีที่สุดในเปี้ยนจิงสร้างมันขึ้นมา วัสดุเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่ามากกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของจินเฟิงในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเบาอีกด้วย

ชุดเกราะที่อาจวี๋ อาหลาน และคนอื่น ๆ สวมใส่นั้นด้อยกว่ามาก แต่ก็แข็งแกร่งกว่าชุดเกราะมาตรฐานที่จงอู่สวมใส่เพียงเล็กน้อย

ชุดเกราะเช่นนี้ก็ราคาก็เกือบหนึ่งร้อยตำลึงเงินแล้ว

แม้แต่ในกองทัพเถี่ยหลิน ก็มีเพียงชิ่งไหวเท่านั้นที่สวมใส่ชุดเกราะอย่างดี ทหารส่วนใหญ่ยังคงสวมชุดเกราะหนังและชุดเกราะไม้ไผ่

‘กลับไปข้าคงต้องหาวิธีการทำชุดเกราะ’

จินเฟิงตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ ในใจ ในขณะเดียวกันก็เริ่มคิดหาวิธีลดต้นทุนของชุดเกราะ

แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากที่จะเดินทางอย่างรวดเร็วพร้อมกับผู้บาดเจ็บ เพราะกว่าจะกลับไปถึงซีเหอวานท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว

ก่อนที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปในหมู่บ้านได้ พวกเขาเห็นทหารที่เหลือปรากฏตัวท่ามกลางหมอกยามเช้า และค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ทางเข้าหมู่บ้าน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์