บทที่ 17 ถังตงตง
ไม่ต้องรอให้กวานจู้จือพูด เถียนซานยาที่เพิ่งกลับมามีสติก็รีบพุ่งตัวไปหาจินเฟิงและเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที
“เมื่อครู่ข้ามันตาบอด ไม่รู้ว่าน้องเขยนั้นเป็นถึงวีรบุรุษปราบเสือ เจ้าอย่าถือสาเอาความข้าเลยนะ”
พูดจบ นางก็ตบหน้าตัวเองหนึ่งครั้ง “ตบนี้เพื่อเป็นเป็นการขอขมาเจ้า!”
การตบหน้าตัวเองของเถียนซานยา ไม่ได้เป็นการตบเพียงผ่าน ๆ เท่านั้น เพราะรอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏอย่างชัดเจนบนใบหน้าของนาง
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ไม่มีใครหัวเราะเยาะการกระทำของเถียนซานยา
เพราะเพื่อนบ้านต่างก็กำลังหวาดกลัว ครอบครัวของพวกเขามีวีรบุรุษปราบเสือเป็นหนึ่งในสมาชิก หากทำให้ขุ่นเคืองเกรงว่าจะโดนเล่นงานได้
“ไม่ต้องขอขมาข้าหรอก เมื่อครู่ท่านดุด่าเสี่ยวโหรว!”
จินเฟิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เสี่ยวโหรว ข้าผิดไปแล้ว”
เถียนซานยาหันศีรษะไปทางกวานเสี่ยวโหรว จากนั้นก็ตบหน้าตัวเองแรง ๆ อีกครั้ง “เสี่ยวโหรว เรื่องก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ผิดไปแล้ว ข้าไม่ดีเอง ข้าไม่ควรรังแกเจ้า แต่เจ้าก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าครอบครัวเราเป็นอย่างไร…”
กวานเสี่ยวโหรวเป็นคนใจอ่อน นางรู้สถานการณ์ก่อนหน้านี้ของที่บ้านดี เพียงเถียนซานยาพูดเบา ๆ แค่ไม่กี่คำก็สามารถเกลี้ยกล่อมนางได้
สุดท้าย นี่ก็คือครอบครัวของกวานเสี่ยวโหรว หากนางคิดจะให้อภัยก็เป็นสิทธิ์ของนาง และจริง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากเก็บมาเป็นประเด็น ในอนาคตจะไปมาหาสู่กันลำบาก
จินเฟิงเองก็ขี้เกียจที่จะฟังเถียนซานยาพล่ามพรรณนา ชายหนุ่มไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด เขาจึงนั่งลงเพื่อศึกษาไนปั่นด้ายอย่างละเอียด
เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูอีกต่อไปก็พากันแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
“สามี ข้าได้บอกพี่สะใภ้แล้ว ขากลับเราสามารถเอาไนปั่นด้ายนี้ไปด้วยได้”
เมื่อกวานเสี่ยวโหรวสลัดเถียนซานยาออกไปได้ นางก็มานั่งลงข้าง ๆ จินเฟิง
“เจ้าตั้งใจจะปั่นด้ายเพื่อหาเงินมาสนับสนุนข้าจริง ๆ หรือ?”
บัณฑิตหนุ่มหัวเราะและพูดติดตลก
ถึงแม้ว่าผิวพรรณทั่วร่างกายของกวานเสี่ยวโหรวจะบอบบาง ทว่าฝ่ามือของนางนั้นหยาบกร้านเนื่องมาจากการปั่นด้าย
กวานเสี่ยวโหรวก้มศีรษะลงแล้วกล่าว
“ข้ารู้ว่าสามีเป็นผู้มีความสามารถ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ไม่จำเป็นต้องให้ข้าช่วยหาเงิน แต่นอกจากการปั่นด้ายข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ข้าคงไม่สามารถนั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ได้หรอก จริงไหม?”
“ข้าไม่ได้ว่าอะไร แค่ปั่นด้ายเองไม่ใช่หรือ แต่ว่าไนปั่นด้ายนี้เหมือนจะใช้การไม่ได้แล้ว ไม่ต้องขนกลับไปหรอก ไว้กลับไปข้าค่อยทำอันใหม่ให้เจ้า”
ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมของเขาจะได้ไม่สูญเปล่า โครงสร้างกลไกไนปั่นด้ายโบราณนี้ง่ายมาก จินเฟิงมองเพียงครู่เดียวก็เข้าใจแล้ว
“สามี เจ้าทำไนปั่นด้ายเป็นหรือ?”
กวานเสี่ยวโหรวเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าทำเป็นหลายอย่างเลยล่ะ” จินเฟิงเอ่ยอย่างอวดเก่ง
“สามี เราออกไปข้างนอกกันเถิด ข้าอยากพาเจ้าไปพบคน ๆ หนึ่งด้วย”
กวานเสี่ยวโหรวดึงแขนจินเฟิงขึ้น
“พบใครหรือ?”
“เพื่อนรักของข้า” นางกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้มีแต่คนบอกว่าข้าเป็นดาวหายนะ ไม่มีใครอยากจะข้องเกี่ยวกับข้า มีเพียงตงตงเท่านั้นที่ไม่รังเกียจและช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด”
“เอาล่ะ เช่นนั้นไปหานางกัน”
ทั้งสองเดินออกจากลานบ้านเล็ก ๆ ไป จากนั้นก็เดินผ่านป่าไผ่และเห็นหญิงสาวอายุราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปดกำลังขุดดินอยู่
หญิงสาวตรงหน้าสูงกว่ากวานเสี่ยวโหรวเล็กน้อย นางมีรูปร่างหน้าตาสะสวยแต่ว่าผอมไปสักหน่อย
จินเฟิงรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติจึงอดไม่ได้ที่จะพิจารณาดูอีกครั้ง
“สามี ตงตงดูดีใช่หรือไม่?”
กวานเสี่ยวโหรวถามด้วยรอยยิ้ม
“รูปงาม แต่งามน้อยกว่าเสี่ยวโหรวของข้า”
“เช่นนั้น เจ้าอยากแต่งตงตงมาเป็นอนุภรรยาหรือไม่?”
“เหตุใดเจ้าถึงถามเรื่องนี้อีกแล้ว?”
ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนสายวิทย์มาแต่ก็ต้องเรียนรู้วิชาเอาตัวรอดไว้บ้าง “แน่นอนว่าโลกใบนี้มีหญิงสาวที่งดงามอยู่มากมาย ถ้าเห็นใครสวยก็แต่งเข้ามาหมด จะรับมือไหวหรือ? ข้ามีเจ้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์