บทที่ 18 แพะรับบาป
“ขโมยขึ้นบ้านหรือ?”
เมื่อกวานเสี่ยวโหรวได้ยินดังนั้น นางก็ตื่นตระหนกและรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้านทันที
ขายเสือได้สามสิบกว่าก้วน จินเฟิงใช้ไปทั้งหมดแปดก้วน ที่เหลือยี่สิบกว่าก้วนเขานำไปแลกเป็นเงินแท่งแล้วพกติดตัวเอาไว้ ในบ้านจึงมีเพียงเงินไม่กี่เหรียญทองแดงและของที่ไม่มีค่าอะไร หากหายไปก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มกลับแสร้งทำเป็นตกใจและกังวลกับเรื่องนี้มาก ทั้งยังฝากให้หลินอวิ๋นฟางช่วยดูแลกวานเสี่ยวเอ๋อ จากนั้นก็ตามภรรยาเข้าไปในบ้านติด ๆ
ประตูห้องด้านหน้าถูกทำลาย ตัวลงกลอนประตูชำรุดเสียหาย บ้านเล็ก ๆ หลังนี้ถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปหมด
เมื่อเดินเข้าไปหลังบ้าน ชายหนุ่มก็เห็นกวานเสี่ยวโหรวถือกล่องเปล่าออกมาและร้องไห้เสียใจ
“สามี เงินใต้เตียงหายไปหมดแล้ว…”
“ไอ้คนพวกนี้สมควรตาย!”
บัณฑิตหนุ่มแสร้งทำเป็นโกรธและชกเข้าที่ประตูอย่างแรง
ความมั่งคั่งนั้นจูงใจผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่อดอยากอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่คนมากมายจะยอมเสี่ยงเพื่อทำอะไรบ้าบิ่น วันนี้มีคนกล้าเข้ามาขโมย ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้ก็อาจมีคนถือมีดเข้ามาปล้นอีก
คนโบราณถึงได้กล่าวไว้ว่า เมื่อมั่งคั่งร่ำรวยไม่ควรป่าวประกาศ
แต่คนทั้งหมู่บ้านรู้แล้วว่าจินเฟิงได้เงินรางวัลเป็นจำนวนมากจากการฆ่าเสือ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบ ๆ ก็ไม่สามารถทำได้
ชายหนุ่มเลยใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาเหล่านั้น
“พี่สะใภ้ ท่านเห็นหรือไม่ว่าใครเข้ามาขโมย?” จินเฟิงถาม
เนื่องจากมีคนไม่มากที่รู้ว่าวันนี้เขาและกวานเสี่ยวโหรวจะออกไปข้างนอก ดังนั้นคนที่เข้ามาขโมยของตอนที่พวกเขาไม่อยู่น่าจะเป็นคนรู้จัก
“จะใครล่ะ ก็เซี่ยกวางคนก้าวร้าวผู้นั้นไง!”
หลินอวิ๋นฟางรีบเล่าอย่างรวดเร็ว
ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าไปเก็บผักในป่า แต่เนื่องจากบรรดาหญิงสาวต่างก็กลัวว่าจะมีเสือออกมาจากเขาด้านหลังอีก เสี่ยวอวี้กับซานเสิ่นจือเลยพาพวกนางมาหาจินเฟิง เพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจ
แต่พอพวกนางมาถึงบริเวณลานหน้าบ้าน ก็เห็นเซี่ยกวางและชายหัวโล้นไม่ทราบชื่อคนหนึ่งวิ่งออกมาพร้อมกับถุงผ้าที่สะพายไว้ด้านหลัง
เมื่อเห็นว่าตัวลงกลอนถูกทุบ พวกซานเสิ่นจือก็ตะโกนโวยวายว่า ‘ขโมย’ ทันที
พอจางเหลียงได้ยินเสียงเอะอะเขาก็รีบวิ่งมา ทว่าเซี่ยกวางกับชายหัวโล้นก็วิ่งหนีไปไกลเสียแล้ว
“จินเฟิง เจ้าไม่ต้องกังวล พี่เหลียงต้องจับเซี่ยกวางกลับมาได้แน่”
ทันทีที่หลินอวิ๋นฟางพูดจบ หัวหน้าหมู่บ้านก็กลับมาพร้อมกับกระบองในมือ
“ตามทันหรือไม่?”
เหล่าสตรีที่มารวมตัวกันยืนรายล้อมพร้อมเอ่ยถาม
“ไม่ทัน เซี่ยวกวางคนเลววิ่งเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย เราวิ่งตามเขาไปถึงด้านหลังภูเขา แต่เขาวิ่งเข้าไปในป่ารกทึบแล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านโกรธจนตัวสั่น “แม้แต่คนในหมู่บ้านก็ยังคิดขโมย หากข้ารู้ก่อนหน้านี้คงปล่อยให้เขาอดตายไปแล้ว”
ในปีที่เกิดสงคราม ทีมลาดตระเวนของซีเหอวานถูกศัตรูซุ่มโจมตี พ่อของเซี่ยกวางจึงเสียชีวิตลงในสนามรบ
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ เกษียณ พวกเขาก็นึกถึงสหายร่วมรบและช่วยเหลือดูแลเซี่ยกวางบ้างเป็นครั้งคราว ใครจะไปรู้ว่าเขาจะโตขึ้นมาเป็นคนเกียจคร้านและเป็นอันธพาลที่ผู้คนต่างพากันหลีกเลี่ยง
“แต่ชีวิตใครก็ชีวิตมัน การที่เซี่ยกวางเดินมาถึงจุดนี้เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้น”
จางเหลียงไม่มีความเห็นใจอันธพาลเซี่ยแม้แต่น้อย เขามองไปที่จินเฟิงพร้อมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ที่บ้านมีอะไรหายบ้างหรือ?”
“นอกจากเหรียญทองแดงที่ข้าพกติดตัวไว้เล็กน้อย เงินที่ข้าขายเสือได้ทั้งหมดถูกพวกเขาขโมยไป!”
เมื่อรู้ว่าผู้กระทำความผิดคือเซี่ยกวาง ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะโยนให้เขาเป็นแพะในเรื่องนี้
แม้ภายหลังจะจับตัวเจ้าอันพาลนั่นมาได้ แต่ทุกคนย่อมต้องเชื่อคำพูดของวีรบุรุษปราบเสือมากกว่า ใครจะไปเชื่อคำพูดของหัวขโมยอย่างเซี่ยกวางกัน ผู้คนคงคิดว่าอีกฝ่ายเอาเงินที่ขโมยได้ไปเล่นพนันจนหมด
“จินเฟิง เจ้ารอก่อน ข้าจะขึ้นเขาไปไล่ล่าเขาจนสุดขอบฟ้าและลากตัวเขากลับมาให้ได้!”
เมื่อจางเหลียงได้ยินว่าเงินทองของบัณฑิตหนุ่มถูกขโมยไปหมด หัวหน้าหมู่บ้านก็หยิบขวานขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น เขาตั้งใจจะไปตามหาเซี่ยกวางที่เขาด้านหลัง
“พี่เหลียง อย่าหุนหันพลันแล่น”
จินเฟิงคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ “บางทีในป่าทึบอาจมีเสืออยู่ ไม่คุ้มที่จะสละชีวิตเพื่อเงินเพียงเล็กน้อยนี้”
“ไม่ใช่เงินเล็กน้อยเสียหน่อย ถูกขโมยเงินไปจนหมดเช่นนี้ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?”
“ถ้าเงินหมดก็หาใหม่ได้ อย่าลืมว่าข้าสามารถล่าสัตว์ได้ ข้าไม่อดตายหรอก”
บัณฑิตหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจ
แค่เงินยี่สิบกว่าตำลึงเงินเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะหายไปทั้งหมดจริง ๆ เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก
“เห้อ!”
หากจินเฟิงพูดแบบนี้ แล้วจางเหลียงจะโต้แย้งอะไรได้ เขาทำได้เพียงถอนหายใจหนัก ๆ เท่านั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์