บทที่ 170 ปัญหาการรับลูกศิษย์
“เจ้าคงไม่ลอบสานสัมพันธ์กับโจวจิ่นโดยอาศัยประโยชน์จากคำว่าอาจารย์กับลูกศิษย์หรอกนะ?”
ชิ่งมู่หลานมองไปที่จินเฟิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ตบแต่งให้มันเป็นทางการไปเลย ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ดีแน่หากมีข่าวเสียหายภายใต้คำว่าอาจารย์กับลูกศิษย์ออกไป”
“ใช่แล้ว สามี ที่แม่นางมู่หลานพูดมาก็มีเหตุผล”
กวานเสี่ยวโหรวพยักหน้าด้วยท่าทางกังวลเช่นกัน
นางไม่ได้ต่อต้านหากจินเฟิงคิดจะรับอนุภรรยาเข้ามา แต่นางกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของสามีมากกว่า
“ในสายตาของพวกเจ้า ข้าดูกินไม่เลือกขนาดนั้นเลยหรือ?”
จินเฟิงพูดด้วยอารมณ์โกรธ “แม้ว่าพวกเจ้าจะคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้น แต่ตงตงและรุ่นเหนียงก็งดงามไม่น้อยกว่าโจวจิ่น เหตุใดข้าต้องไปหาประโยชน์จากนางด้วย?”
ใบหน้าของถังตงตงและรุ่นเหนียงที่เพิ่งกลับเป็นปกติก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย กับโจวจิ่นข้าไม่ได้คิดเป็นอื่น ข้าแค่คิดว่าเด็กคนนี้มีหน่วยก้านดี นางมีความตั้งใจและมีพรสวรรค์ เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้โอกาสและฝึกฝนนาง”
จินเฟิงรู้สึกเหนื่อย “เรื่องก็มีแค่นี้เท่านั้น พวกเจ้าจะเต็มใจเชื่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่จะคิด”
“สามี เจ้าต้องการรับโจวจิ่นเป็นลูกศิษย์ของเจ้าจริงหรือ?”
หลังจากแต่งงานกันมานาน กวานเสี่ยวโหรวรู้จักจินเฟิงเป็นอย่างดี เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงและการแสดงออกของอีกฝ่ายแล้ว นางรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะรับโจวจิ่นมาเป็นอนุภรรยาจริง ๆ
“ไม่ใช่การรับลูกศิษย์อะไรหรอก แค่ช่วงนี้ข้าสังเกตเห็นข้อดีในตัวนาง ข้าเห็นว่านางชื่นชอบและสนใจเรื่องการแพทย์มาก และข้าเองก็อยากจะสอนแนวคิดเหล่านี้ให้” จินเฟิงกล่าว
หน้าไม้ ไนปั่นด้าย เตาเผาอิฐ เครื่องเหวี่ยงหิน สบู่…
ทุกสิ่งที่จินเฟิงได้ค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ล้วนไม่ธรรมดา
ถังตงตงจึงไม่อายที่จะถามออกไปด้วยความร้อนใจ “จินเฟิง เจ้าคิดอะไรออกอีกแล้วหรือ?”
“ตอนที่ข้าไปยังสนามรบที่ชายแดน ข้าได้ค้นพบอะไรบางอย่าง คือเหล้าที่มีฤทธิ์แรงสามารถกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เรียกว่าจิ่วจิง*[1] ซึ่งสิ่งนี้สามารถป้องกันการอักเสบของบาดแผลได้ และต่อมา ข้าค้นพบว่าราที่เติบโตบนหมั่นโถวนั้นมีประสิทธิภาพดีกว่าจิ่วจิงมาก”
จินเฟิงพูดต่ออีกว่า “แต่การกลั่นสุราออกมาเป็นจิ่วจิงและการเพาะรานั้นลำบากเกินไป ข้าไม่มีเวลามากขนาดนั้น ในเมื่อโจวจิ่นชอบเรียนรู้ในด้านนี้ ข้าก็จะถ่ายทอดให้นาง”
“มันสามารถยับยั้งการอักเสบของแผลได้หรือ?”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของถังตงตงก็เปลี่ยนไปทันที
ในแต่ละปีมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตจากบาดแผลอักเสบ ซึ่งรวมไปถึงขุนนาง พ่อค้าผู้มั่งคั่ง และคนมีฐานะอื่น ๆ ด้วย
แม้ว่าถังตงตงจะไม่เข้าใจการรักษาทางการแพทย์ แต่นางก็รู้ทันทีว่ายานี้สามารถนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลได้อย่างไร
ชิ่งมู่หลานหายใจหอบถี่
นางมาจากครอบครัวทหารและให้ความสนใจเรื่องในสนามรบมาโดยตลอด นางตระหนักดีถึงความน่ากลัวของอาการอักเสบจากบาดแผล
ผู้บาดเจ็บเกือบครึ่งเสียชีวิตจากการที่แผลอักเสบ
หากสิ่งที่จินเฟิงพูดเป็นความจริง ยานี้อาจเปลี่ยนโครงสร้างของกองทัพต้าคังได้เลย
“ท่านอาจารย์พูดจริงหรือ?”
เสียงของชิงมู่หลานสั่นเทา
“ข้าได้ตรวจสอบแล้วว่าจิ่วจิงมีประสิทธิภาพ ตอนท่านโหวได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าก็ขอให้หลางจงทำความสะอาดบาดแผลเขาด้วยจิ่วจิง”
จินเฟิงกล่าวว่า “สำหรับยาที่มีสรรพคุณอันดีนี้ ข้าค้นพบมันโดยบังเอิญ และตอนนี้ข้าก็เป็นคนเดียวที่ได้ใช้มัน”
“จินเฟิง เจ้าจะสอนโจวจิ่นทำจิ่วจิงและยา… ยาอะไรนะ ยาฆ่าเชื้อ?”
ถังตงตงถามต่อ “แต่เจ้าบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะรับลูกศิษย์เนี่ยนะ?”
“ใช่” จินเฟิงพยักหน้า
“จินเฟิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”
ถังตงตงกระทืบเท้า “เจ้าส่งต่อของล้ำค่าเช่นนี้ให้ผู้อื่นโดยไม่รับนางเป็นศิษย์ได้อย่างไร?”
“หากไม่ส่งต่อให้คนอื่น แล้วจะเอาเวลาจากที่ใดมาศึกษาด้วยตัวเองเล่า”
จินเฟิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “อีกอย่าง สิ่งเหล่านี้ข้าก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่”
“จินเฟิง แม้ว่าข้าอาจไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ข้าขอให้เจ้าสัญญากับข้าว่า เจ้าจะถ่ายทอดวิชาให้โจวจิ่น ก็ต่อเมื่อรับนางเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่บัณฑิตหนุ่มพูด ถังตงตงและชิ่งมู่หลานต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เมื่อเจ้ารับโจวจิ่นเป็นศิษย์ เช่นนั้นก็ต้องรีบรับหม่านชางเป็นศิษย์ด้วยเช่นกัน”
ถังตงตงกล่าวเสริม
หม่านชางเรียนรู้การตีเหล็กกับจินเฟิงมาเป็นเวลานาน เขาเรียนรู้วิชาไปมาก นั่นทำให้ถังตงตงกังวลอยู่เล็กน้อย
“หม่านชางอายุน้อยกว่าข้าแค่ปีเดียวเท่านั้น นี่จะเหมาะสมหรือ?”
จินเฟิงขมวดคิ้ว
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม จางหม่านชางถือว่าเป็นเพื่อนที่เติบโตมากับเขา ไหนจะหลินอวิ๋นฟางพี่สะใภ้ของหม่านชางที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกวานเสี่ยวโหรวอีก จินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจที่จะให้อีกฝ่ายมาคำนับและยกย่องเขาเป็นอาจารย์
“โจวจิ่นอายุน้อยกว่าหม่านชางแค่สองปีมิใช่รึ? เจ้าเองก็สอนหม่านชางมาหลายอย่างแล้ว ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่จะรับเขาเป็นลูกศิษย์ มีสิ่งใดไม่เหมาะสมกัน?”
ถังตงตงยังคงยืนกราน “อีกอย่าง ลูกศิษย์ก็เป็นเพียงสถานะหนึ่งเท่านั้น ไม่มีผลกระทบใด ๆ และความสัมพันธ์ของเจ้ากับหม่านชางในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอาจารย์และลูกศิษย์เลย”
“เช่นนั้นก็ได้”
ชายหนุ่มเหมือนแกะตัวน้อยที่กำลังถูกแกะอีกสองตัวไล่ต้อน อย่างไรก็ตามหากรับโจวจิ่นเป็นศิษย์ได้ รับหม่านชางเพิ่มอีกคนจะเป็นอะไรไปเล่า
ในขณะที่หลายคนกำลังพูดถึงหม่านชางและโจวจิ่น ทหารผ่านศึกที่เฝ้าประตูก็เข้ามา
“ท่านอาจารย์ โจวจิ่นอยู่ที่ด้านหน้าประตู นางบอกว่าท่านอาจารย์ให้นางมาที่นี่”
“ใช่ ไปพานางเข้ามา”
จินเฟิงพยักหน้าพร้อมตอบรับ
ครู่ต่อมาโจวจิ่นก็ถือถุงย่ามเล็ก ๆ เดินเข้ามาตามหลังทหารผ่านศึก
เมื่อเห็นคนหลายคนอยู่ในห้อง โจวจิ่นก็ระมัดระวังตน แต่นางก็ยังโค้งคำนับเพื่อทักทายแต่ละคน
“ทำความเคารพท่านอาจารย์ ทำความเคารพฮูหยิน ทำความเคารพแม่ทัพหญิง ทำความเคารพหัวหน้า…”
[1] จิ่วจิง (酒精) : แปลว่า แอลกอฮอล์

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์