บทที่ 172 พิธีไหว้ครู
“ปล่อยข้านะ!”
ชิ่งมู่หลานผลักหม่านชางออกไป “เจ้านี่อย่างไรกันแน่ ไปเรียนรู้ความมือไวเท้าไวมาจากที่ไหนกัน? สำรวมด้วย ไม่เช่นนั้น กลับไปแล้วข้าจะบอกพี่เหลียงให้ทุบตีเจ้าจนตาย!”
“แม่นางมู่หลาน ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าตกใจเกินไปหน่อย!”
หม่านชางรีบขอโทษแล้วถาม “ว่าแต่เมื่อครู่ แม่นางมู่หลานพูดว่าอย่างไรนะ?”
“ท่านอาจารย์จะรับโจวจิ่นเป็นศิษย์และในวันพรุ่งนี้จะมีพิธีไหว้ครู ตอนนี้เลยอยากจะมาถามเจ้าว่า เจ้ายินดีที่จะเทิดทูนจินเฟิงเป็นอาจารย์หรือไม่?” ชิ่งมู่หลานเอ่ยถาม
ทันทีที่นางพูดจบ หม่านชางก็พยักหน้าระรัวอย่างรีบร้อน “แน่นอนว่า ข้าเต็มใจ!”
นับตั้งแต่เขาเริ่มเรียนตีเหล็กจากจินเฟิง หม่านชางก็ต้องการที่จะยกให้จินเฟิงเป็นอาจารย์ของเขามาโดยตลอด
ต่อมาเมื่อจินเฟิงแสดงความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ ความปรารถนาของหม่านชางที่จะเป็นศิษย์อีกฝ่ายก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็มีความกังวลเช่นเดียวกับจินเฟิง เขารู้สึกว่าอายุเขาไล่เลี่ยกับอีกฝ่ายและพี่สะใภ้ของเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกวานเสี่ยวโหรว หม่านชางก็เลยไม่กล้าพูดอะไร
ตอนนี้จินเฟิงกำลังเริ่มรับสมัครลูกศิษย์ หม่านชางย่อมไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
“เอาล่ะ เช่นนั้นพรุ่งนี้อย่าลืมไปร่วมพิธีไหว้ครูเล่า”
สำหรับจินเฟิงแล้ว เขาไม่สนใจเลยว่าหม่านชางตกลงที่จะเป็นลูกศิษย์ตนเองหรือไม่
ตอนที่ยังไม่ไหว้ครู สิ่งที่ควรสอนเขาก็ได้สอนไปหมดแล้ว
หลังจากไหว้ครูแล้ว สิ่งที่ไม่ควรสอนเขาก็จะไม่สอน
“วางใจเถิด ท่านอาจารย์ ข้าไม่มีทางลืม!”
หม่านชางเรียกจินเฟิงว่าท่านอาจารย์ในทันที
“เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าอาจารย์หรอก ฟังแล้วเคอะเขินเกินไปหน่อย เรียกข้าว่าจินเฟิงหรือพี่ชายแซ่จินเหมือนเมื่อก่อนก็ได้”
“เช่นนั้น ข้าจะเรียกจินเฟิงเหมือนเดิมก็แล้วกัน”
“ตกลง!” บัณฑิตหนุ่มพยักหน้า “ข้าจะไปแล้ว เจ้าก็รีบกลับไปพักผ่อนเสีย”
“อื้ม! ไว้ข้าทำดาบเล่มนี้เสร็จแล้วข้าค่อยกลับ”
“เอาตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน”
จินเฟิงโบกมือและเดินนำชิ่งมู่หลานออกจากโรงหลอมเหล็ก
หลังจากเขาเดินออกมาก็มีเสียงทำงานดังขึ้นจากโรงหลอมเหล็กอีกครั้ง
เมื่อชายหนุ่มกลับมาถึงบ้าน กวานเสี่ยวโหรวและรุ่นเหนียงก็ได้จัดห้องของโจวจิ่นไว้เรียบร้อยแล้ว พวกนางทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ จินเฟิงเองก็ไม่ได้สนใจฟังและกลับไปนอนที่ห้องของตน เขาผล็อยหลับไปและไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ากวานเสี่ยวโหรวนั้นกลับมาเมื่อไร
ในมุมมองของจินเฟิง ไม่ว่าจะเป็นการรับลูกศิษย์หรือพิธีไหว้ครู นี่ก็เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น โจวจิ่นและหม่านชางต่างก็มาที่บ้านเพื่อยกน้ำชา
แต่ในวันรุ่งขึ้น เขาก็ต้องตกใจกับฉากที่สร้างขึ้นอย่างอลังการโดยถังตงตงและชิ่งมู่หลาน
ถังตงตงตั้งเวทีใหญ่ไว้ที่ลานนวดข้าวบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน อีกทั้งยังแจ้งลูกจ้างในกะกลางคืนว่าอย่าเพิ่งกลับบ้านหลังเลิกงาน เพื่อจะได้รวมตัวกับคนงานในกะกลางวันมาเป็นสักขีพยานในพิธีไหว้ครูระหว่างจินเฟิงและลูกศิษย์ทั้งสอง
ชิ่งมู่หลานยังนำทหารผ่านศึกและทหารหญิงทั้งหมดมาร่วมพิธีนี้ด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงแค่นั้น ถังตงตงยังแจ้งให้หัวหน้าหมู่บ้านสองคนทราบอีกด้วย
ตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่า จินเฟิงเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของทั้งสองหมู่บ้านแล้ว เมื่อทุกคนได้ยินว่าจินเฟิงกำลังรับจะรับลูกศิษย์ ใครจะกล้าไม่ให้เกียรติเขาเล่า?
คนเกือบทั้งหมดจากซีเหอวานและกวานเจียวานต่างก็เดินทางมายังสถานที่นัดหมาย จากนั้นลานนวดข้าวขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยผู้คนทันที
“ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?”
จินเฟิงมองไปที่ถังตงตงซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบจัดงานครั้งนี้ด้วยความงงงวย
“ไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะรับใครมาเป็นลูกศิษย์ ข้าเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานและทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นก็เท่านั้น”
ถังตงตงตอบด้วยรอยยิ้ม
จินเฟิงเหลือบมองนางครู่หนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ใช่ เจ้าอยากขยายโรงงานมิใช่หรือ? หม่านชางและข้าจะยุ่งเกินกว่าจะมาช่วยเจ้าดูแลตรงนี้ได้” จินเฟิงกล่าว
ตอนนี้การก่อสร้างในหมู่บ้านเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว โรงงานสิ่งทอแห่งใหม่อยู่ระหว่างการเตรียมการ ทหารผ่านศึกก็ฝึกฝนกันไปประมาณหนึ่ง ซีเหอวานจะเข้าสู่ขั้นตอนของการพัฒนาอย่างรวดเร็วในไม่ช้า และจะมีสถานที่ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เราจำเป็นต้องใช้เหล็กกล้าอีกมากมาย
การถลุงเหล็กไม่เหมือนกับการทำไนปั่นด้าย แม้ว่าจะมีคนลอกเลียนแบบ จินเฟิงก็สามารถพัฒนาขั้นตอนและเอาชนะคู่ต่อสู้ต่อไปได้
การถลุงเหล็กเป็นรากฐานของจินเฟิงที่จะตั้งหลักในต้าคัง เขาคอยดูแลมันมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้จินเฟิงก็ได้ส่งต่อวิชาให้กับหม่านชางเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาต้องทำงานตรงนี้เป็นจำนวนมากก็จะมีเพียงเขาและหม่านชางเพียงสองคนที่รับผิดชอบ ซึ่งน่าจะยุ่งจนเกินไป
ในเวลานี้ การซื้อข้ารับใช้มาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
กฎหมายของต้าคังกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ข้ารับใช้เปรียบเสมือนทรัพย์สิน มีสถานะต่ำต้อย
ประโยคนี้หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นข้ารับใช้ในบ้านหรือข้ารับใช้ส่วนตัว ต่างก็มีสถานะต่ำต้อย ตามกฎหมายถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าของ เจ้าของสามารถซื้อ ขาย หรือฆ่าได้ตามต้องการ
ก่อนหน้านี้ถังตงตงเคยกล่าวว่า นางจะซื้อกลุ่มข้ารับใช้มาให้กับจินเฟิงเพื่อเรียนรู้วิธีสร้างไนปั่นด้ายกับเขา น่าเสียดายที่ในตอนนั้นจินเฟิงยังไม่มีเงิน
แต่ตอนนี้เมื่อเขากวาดล้างถ้ำโจรไปได้ทีละกลุ่ม เขาก็ได้รับเงินมากมายและมีตั๋วเงินอยู่ในมือไม่น้อย เมื่อมีเงินในมือ บัณฑิตหนุ่มก็เริ่มคิดถึงการซื้อตัวข้ารับใช้อีกครั้ง
ตั้งแต่ถังตงตงเข้าไปดูแลโรงงานสิ่งทออย่างเต็มตัว นางก็งานยุ่งทุกวัน แต่เมื่อได้ยินจินเฟิงบอกว่าจะซื้อตัวข้ารับใช้มาทำไนปั่นด้าย นางก็รีบเสริมอย่างรวดเร็ว
“จินชวนนั้นเล็กเกินไป พ่อค้านายหน้าก็คงไม่ใช่มืออาชีพเท่าไร วันสองวันนี้ข้าจะสะสางงานที่โรงงานให้เรียบร้อย และวันมะรืนพวกเราจะเข้าไปในตัวเมือง ที่นั่นมีพ่อค้านายหน้าที่ใหญ่โต พวกเราจะได้ไปเลือกคนด้วยตัวเอง”
“ข้าไปด้วยคน!”
ชิ่งมู่หลานที่กำลังนั่งกินน่องไก่เอ่ยแทรกขึ้น
เด็กที่เติบโตจากในเมือง เมื่อต้องมาอาศัยในชนบทย่อมอดทนไม่ได้นาน หากมาอยู่หลายเดือนเข้า ก็จะรู้สึกเบื่อเป็นธรรมดา
อย่างกรณีของชิ่งมู่หลาน หลังจากที่นางมาอยู่ที่ซีเหอวานเป็นเวลานาน นางคงเริ่มคิดถึงความเจริญรุ่งเรืองในเมืองหลวงแล้ว
เพียงแต่ทหารหญิงอยู่ที่นี่ นางเลยยังหนีไปไหนไม่ได้…
ตอนนี้ในที่สุดนางก็มีโอกาสได้เข้าเมือง นางจะพลาดได้อย่างไรเล่า?!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์