เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 173

บทที่ 173 หอมกลิ่นสุรา

“เจ้านี่ตามไปทุกที่จริง ๆ”

จินเฟิงกล่าวว่า “คืนนี้อย่าลืมส่งคนไปที่โรงหลอมเหล็กเพื่อรับดาบยาวไปเล่า”

“ข้ารู้แล้ว!”

ชิ่งมู่หลานเอ่ยตอบในขณะที่ปากนางยังเคี้ยวอาหารอยู่

พิธีไหว้ครูใช้เวลาทั้งครึ่งวันเช้า หม่านชางจึงไม่มีเวลาทำดาบ หลังจากที่กินข้าวเสร็จจินเฟิงก็ได้พาหม่านชางและโจวจิ่นไปที่โรงหลอมเหล็ก

ตอนนี้เขารับโจวจิ่นเป็นลูกศิษย์แล้ว ดังนั้นโรงงานแห่งนี้จึงไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามสำหรับนางอีกต่อไป

แม้ว่าโจวจิ่นจะไม่สามารถหลอมเหล็กได้ แต่นางสามารถช่วยชุบแข็งและขัดเงาปรับพื้นผิวได้

อาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสามต่างก็ทำงานอย่างหนัก ในที่สุดก็สร้างดาบทั้งหมดตามที่ชิ่งมู่หลานร้องขอได้สำเร็จ

นับตั้งแต่กลับมาจากการต่อสู้ หม่านชางแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย จินเฟิงจึงให้เวลาเขาพักในครึ่งบ่าย ส่วนตนเองก็พาโจวจิ่นเข้าไปในห้องที่อยู่ถัดจากโรงหลอมเหล็ก

ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นห้อง แต่จริง ๆ แล้วมีขนาดเท่ากับโถงใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว่าสามสิบผิง และเต็มไปด้วยสิ่งของระเกะระกะ

ไม่เพียงแต่มีเตาเล็ก ๆ สองเตาเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย ทั้งกระป๋องขนาดเล็กขนาดใหญ่ บล็อกเหล็ก บล็อกไม้ และโคลนแดงหรือกากแร่บอกไซต์อีกหลายกอง

นี่คือห้องทดลองของจินเฟิง

ความพยายามหลายครั้งของเขาเสร็จสมบูรณ์ที่นี่ มันเป็นสถานที่ที่สำคัญกว่าโรงหลอมเหล็กเสียอีก ทหารผ่านศึกที่ดูแลโรงหลอมเหล็กจะคอยจับตาดูสถานที่นี่ตลอดทั้งวันทั้งคืน แม้แต่เรื่องสุขอนามัยจินเฟิงก็ยังรับหน้าที่ทำความสะอาดมันด้วยตนเอง

แต่เมื่อตอนนี้มีโจวจิ่น ในอนาคตเขาก็สามารถอู้งานได้แล้ว

โจวจิ่นเข้ามาเป็นครั้งแรกและอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า

จินเฟิงพานางไปหยุดอยู่ที่ข้างขวดโหลหน้าตาแปลกประหลาดสองใบ

นี่คือเครื่องกลั่นแบบเรียบง่ายที่เขาใช้เวลาหลายคืนในการประดิษฐ์มันขึ้นมา

“เสียวจิ่น เจ้ายังจำจิ่วจิงที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่?” จินเฟิงถาม

“ข้าจำได้!” โจวจิ่นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ข้าจะสอนวิธีทำจิ่วจิงให้เจ้าในภายหลัง” จินเฟิงกล่าว “หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าห้ามสอนวิธีนี้ให้ผู้อื่น แม้แต่สามีและลูกในอนาคตของเจ้า เข้าใจหรือไม่?”

“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่บอกใคร แม้ว่าข้าจะถูกทุบตีจนตายก็ตาม”

โจวจิ่นรีบยกฝ่ามือขึ้นแล้วสาบานว่า “หากผิดคำสาบานที่ให้กับท่าน ข้าผู้นี้จะไม่ได้ตายดี”

จินเฟิงพยักหน้าพร้อมหยิบเหล้ามาหนึ่งไหและเทลงในกระป๋อง จากนั้นจึงวางกระป๋องนั้นไว้บนเตาขนาดเล็ก

ในละครพีเรียด เราสามารถเห็นฉากผู้คนดื่มเหล้าได้เป็นจำนวนมากโดยที่ไม่รู้สึกมึนเมา อีกทั้งยังดื่มกันเป็นไห

นั่นเป็นเพราะว่าการหมักเหล้าในสมัยโบราณนั้นมีข้อจำกัด และปริมาณแอลกอฮอล์ของเหล้าที่กลั่นได้นั้นก็ต่ำมาก

หลิวเถี่ยต้องออกค้นหาทั่วอำเภอจินชวนกว่าเขาจะพบสุราที่เข้มข้นที่สุด แต่ปริมาณแอลกอฮอล์ก็ยังไม่เกินยี่สิบดีกรี ซึ่งแรงกว่าเบียร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงบุรุษเสเพลในตัวอำเภอเหล่านั้น เพราะแม้แต่บัณฑิตที่อ่อนแออย่างจินเฟิง แม้ว่าจะดื่มไป สองสามถ้วยก็คงไม่เมาง่าย ๆ

การกลั่นแอลกอฮอล์จากสุราไม่ใช่เรื่องยาก ปัญหาเดียวคือปริมาณแอลกอฮอล์ในสุราที่ใช้เป็นวัตถุดิบนั้นต่ำเกินไป ซึ่งเขาต้องใช้เวลานานในการกลั่นเพื่อให้ได้แอลกอฮอล์ที่มีความบริสุทธิ์สูง

และจินเฟิงก็ใช้โอกาสนี้อธิบายรายละเอียดให้โจวจิ่นทราบถึงปัญหาที่ต้องให้ความสนใจในแต่ละขั้นตอน

โจวจิ่นค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการรักษาพยาบาลและนางก็ตั้งใจมาก จินเฟิงสอนนางเพียงสองครั้งก่อนที่นางจะเรียนรู้ได้โดยง่ายอย่างไม่ติดขัด

ในตอนเย็น ทั้งสองประสบความสำเร็จในการผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์สูงขวดแรกของต้าคัง

แม้ว่าจะได้ปริมาณแอลกอฮอล์แค่ไหเล็ก ๆ แต่ก็เพียงพอให้ทหารหญิงและทหารผ่านศึกใช้ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง

“เสียวจิ่น จิ่วจิงระเหยง่ายมาก หลังจากการใช้งานแต่ละครั้ง เจ้าต้องปิดปากขวดด้วยจุกไม้ทันที ไม่เช่นนั้นมันจะระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว”

จินเฟิงหยิบจุกไม้ก๊อกที่เตรียมไว้ขึ้นมาและปิดปากขวดให้แน่น

“ข้าจำได้แล้ว”

โจวจิ่นจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ทันที

“เอาล่ะ นี่ก็ได้เวลาแล้ว เรากลับไปกินข้าวกันเถิด!”

จินเฟิงเก็บไหเล็ก ๆ แล้วพาโจวจิ่นออกจากห้องทดลองของเขา

ทันทีที่ออกไป เขาก็เห็นชิ่งมู่หลานที่กำลังเอียงคอและมองมาที่นี่

นางรู้ด้วยว่านี่คือฐานทัพลับของจินเฟิง แต่นางแค่เฝ้าดูจากภายนอกและไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามา

“อยากสิ!” ชิ่งมู่หลานและจินเฟิงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเล

“เช่นนั้นก็ไปกัน!”

ชายหนุ่มถือไหที่บรรจุเหล้ากลับไปยังลานบ้านที่อยู่ประตูด้านข้างของโรงหลอมเหล็ก

ทหารผ่านศึกทั้งสองเช็ดน้ำลายและเฝ้าดูจินเฟิงจากไปอย่างกระตือรือร้น

“ข้ากำลังจะไปตามเจ้าพอดีเลย”

กวานเสี่ยวโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาหารพร้อมแล้ว ไปล้างมือแล้วมากินข้าวเถิด”

ชิ่งมู่หลานคุ้นเคยกับการถูกคนอื่นนำอาหารมาตั้งโต๊ะให้ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก โดยปกติแล้วเมื่อนางมาถึง นางจะไปนั่งรอที่โต๊ะทันที เพื่อให้คนนำอาหารมาตั้งโต๊ะตามความเคยชิน

แต่วันนี้นางกลับแสดงด้านที่ขยันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางวิ่งกลับไปกลับมาเพื่อยกอาหาร และทำได้คล่องแคล่วกว่ารุ่นเหนียงเสียอีก

“เกิดอะไรขึ้นกับแม่นางมู่หลานหรือ?”

ในขณะที่นางกำลังจะวิ่งออกไป กวานเสี่ยวโหรวก็ถามอย่างสงสัย “หรือว่านางทำอะไรผิดแล้วกลัวว่าเจ้าจะลงโทษหรือ?”

“นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลผู้ปกครองมณฑล ข้าจะกล้าลงโทษนางได้อย่างไร”

จินเฟิงยิ้มและชี้ไปที่ไหเหล้านี้ “นางกำลังคิดเรื่องนี้อยู่”

ทันทีที่เขาพูดจบ ชิ่งมู่หลานก็เดินเข้ามาพร้อมกับตะเกียบและมองไปที่จินเฟิงอย่างคาดหวัง

“ท่านอาจารย์ ในเมื่อทุกคนก็มากันพร้อมหน้าแล้ว เรามาเริ่มกินอาหารเย็นกันเลยดีหรือไม่?”

“เอาล่ะ หากเจ้าอยากดื่มก็ดื่มเถิด แต่เหล้านี้ค่อนข้างแรง อย่าดื่มเร็วนัก และอย่าดื่มมากเกินไป”

จินเฟิงยิ้มแล้วหยิบตะเกียบขึ้น

“ข้ารอท่านอาจารย์พูดคำนี้อยู่พอดี!”

ชิ่งมู่หลานถูมือของนางแล้วเปิดจุกไม้ที่ปิดไหเหล้าออก

ชั่วครู่หนึ่ง ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสุรา

อาเหมยและเถี่ยฉุยที่เฝ้าประตูต่างก็ลอบเลียริมฝีปากและมองเข้าไปข้างในทั้งคู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์